ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 260 หลินอิ่งคนนี้ฉันจัดการแน่
บทที่ 260 หลินอิ่งคนนี้ฉันจัดการแน่
ถังฮุยพยักหน้า ทำตามคำพูดของหลินอิ่ง รับโทรศัพท์
“เหยียนหลง มีธุระอะไร?” ถังฮุยถามน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฮุยสุง เรื่องที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ นายตัดสินใจหรือยัง?” ทางโทรศัพท์ เป็นผู้ชายเสียงต่ำ น้ำเสียงกดดันคนอื่น และเรียกชื่อเล่นของถังฮุย
“นายหมายถึงเรื่องอะไร?” ถังฮุยถามเสียบเรียบ
“ส่งไอ้คนที่มาจากเมืองตุงไห่ หลินอิ่ง มาให้ฉันจัดการ” เหยียนหลงพูดช้าลง น้ำเสียงเคร่งขรึม
ชะงักไปครู่หนึ่ง เหยียนหลงพูดต่อ “ฮุยสุง ฉันรู้ ว่าเรื่องนี้อาจทำนายเสียหน้า แต่นายต้องรู้ ไอ้หลินอิ่งนั่นก่อเรื่องใหญ่โต คุณชายรองตระกูลสวีโกรธจนจะบ้าแล้ว ฉันก็เตือนนายด้วยความหวังดี อย่าทำให้เรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์จะยิ่งกว่านี้”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว” ถังฮุยพูดหนักแน่น
ถ้าเป็นเวลาปกติ ถังฮุยจะกลัวความน่าเกรงขามของเหยียนหลง แต่วันนี้ท่านอิ่งอยู่ข้างกายเขา เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
“ถังฮุย เรื่องฉันก็แจ้งนายก่อนแล้วนะ ฉันให้เวลานายหนึ่งคืนในการคิด พรุ่งนี้ ฉันจะจัดคนไปจับไอ้แซ่หลินนั่น ถึงเวลาอย่าบอกว่าฉันไม่เกรงใจ” ในโทรศัพท์ฝั่งโน้นน้ำเสียงของเหยียนหลงเคร่งขรึมจริงจัง
“ตอนนี้ฉันจัดโต๊ะอาหารที่ย่านพาณิชย์เหยียนหวง คุณชายรองตระกูลสวีก็อยู่ ถ้านายอยากคุยเรื่องนี้ดีๆ คืนนี้ก็ออกมาดื่มสักแก้ว”
“ฮุยสุง นายคิดเองละกัน”
พูดจบ เหยียนหลงก็ตัดสาย
ถังฮุยหันไปมองหลินอิ่ง ถามอย่างเคารพ “ท่านอิ่ง ตอนนี้ จะจัดการเหยียนหลงยังไงครับ?”
หลินอิ่งรู้สึกน่าสนใจ พูดว่า “ไปย่านพาณิชย์เหยียนหวงตอนนี้ ไปเจอเหยียนหลงหน่อย”
“ครับ” ถังฮุยพยักหน้า
ไม่นาน ถังฮุยก็เรียกคนมารวมตัวที่โรงแรมจงเทียนจนครบ รวมขบวนรถ มุ่งหน้าไปเขตเหยียนหวง
หลินอิ่งให้จางฉีโม่พักผ่อนในห้อง ข้างกายมีเพียงฮาเดส รีบเดินทางไปเขตเหยียนหวง
ยี่สิบนาทีผ่านไป
เขตเหยียนหวง อาคารพาณิชย์เหยียนหวง
ภัตตาคารเหยียนซื่อ ภายในห้องอาหารหรูชั้นยี่สิบหก อาหารรสเลิศเต็มโต๊ะ สีสันรสชาติกลิ่นหอมเย้ายวน ขอบโต๊ะเป็นแก้วน้ำชาสองใบ
ชายวัยกลางคนในชุดจีนสีแดงนั่งตรงกลางที่นั่งประธาน ในมือถือที่สูบบุหรี่ทำจากหยกอย่างประณีต ลูกน้องข้างกายก้มตัวช่วยใส่บุหรี่
จุดไฟแล้ว ชายชุดจีนก็เริ่มสูบด้วยสีหน้าพอใจ
“ฮู้”
“ลุงเหยียน ถังฮุยเขตจงเทียนมันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าแม้แต่ท่านยังไม่ไว้หน้า กล้าไม่มาตามนัด?” สวีชิงซงนั่งอยู่ด้านข้างพูดอย่างรีบร้อน บนหน้ายังมีแผลบวม ดูแล้วน่าตลก
โดนหลินอิ่งจัดการอย่างหนักที่งานแสดงเครื่องประดับ สวีชิงซงกลับไปแล้วก็รีบใช้อำนาจรวบรวมคนให้มาช่วยเหลือ
และอำนาจโลกใต้ดินในเขตเหยียนหวง เหยียนหลงก็คือตัวช่วยที่สำคัญที่สุกของสวีชิงซง เหยียนหลงชื่อจริงสวีเหยียน ว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนเชื้อสายของตระกูลสวีแห่งตี้จิง เพียงแต่สายเลือดความสัมพันธ์กับตระกูลสวีตี้จิงไม่ได้เข้มข้นมาก มีชื่อเสียงได้เพราะความสามารถของตัวเอง
และพ่อของสวีชิงซง เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเหยียนหลง ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น
เหยียนหลงมือถือบุหรี่ สูบเข้าไปช้าๆ พ่นควันออกแล้วพูดว่า “ฮุยสุงทำงานให้กับหยูจื๋อเฉิง ทุกวันนี้หยูจื๋อเฉิงพึ่งตระกูลฉี ขยายอำนาจใหญ่โต คนกลุ่มนี้ทุกวันนี้ไม่มีใครเทียบได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน มันกล้าทำอะไรหลาน ลุงพาคนไปจัดการฮุยสุงตอนนี้แล้ว”
ตำแหน่งอำนาจโลกแห่งความมืดในตี้จิง ฮุยสุงเทียบเหยียนหลงไม่ได้ ยังเป็นเพียงลูกน้อง
ต้องรู้ว่า เหยียนหลงในฐานะหัวหน้าใหญ่มีหน้ามีตาในตี้จิง ครอบคลุมทั่วประเทศหลุง เป็นเจ้าพ่อระดับต้นๆ และพวกคนใหญ่คนโตในสังคมก็มีคนคอยสนับสนุน
“แต่ลุงก็สงสัย ทำไมฮุยสุงถึงได้ช่วยไอ้แซ่หลินนั่น” เหยียนหลงพูดอย่างครุ่นคิด “ตามหลักแล้ว ไม่น่าเป็นแบบนี้”
“ลุงเหยียน เท่าที่ผมดูแล้ว ไอ้พวกเขตจงเทียนมันเหิมเกริมแล้ว นึกว่าเกาะขาตระกูลฉีแล้ว ก็ไม่มีลุงอยู่ในสายตา” สวีชิงซงพูดอย่างคาดเดา พูดยุแยง “พวกมันก็ไม่รู้จักคิด ว่าฐานะของลุงสูงขนาดไหน ตอนที่สุงใหญ่โตขึ้นมา พวกมันยังเป็นแค่นักเลงข้างถนนเท่านั้น”
“ลุงเหยียน ถ้าคืนนี้ฮุยสุงไม่มา พรุ่งนี้ก็พาคนไปจับมันถึงโรงแรมจงเทียน” สวีชิงซงพูดอย่างใจร้อน
เขารอไม่ไหวที่จะจัดการหลินอิ่งอย่างหนัก ความโมโหในใจยังไงก็ไม่มีวันหาย
ไม่ได้ซ้อมหลินอิ่งอย่างกับหมา แล้วแย่งผู้หญิงของหลินอิ่งไป เขาไม่มีวันหายแค้น
“เหอะ” เหยียนหลงหัวเราะ “ถ้าฮุยสุงไม่รู้จักเคารพกัน ไม่ยอมส่งคนมา ลุงต้องสั่งสอนให้จำแน่นอน”
ก๊อกก๊อก
เวลาเดียวกัน บอดี้การ์ดชุดสูทเดินมาเคาะประตู พูดว่า “ท่านเหยียน ฮุยสุงพาคนมาแล้ว”
“ออ?” เหยียนหลงแววตาประกาย ยิ้มพูด “ฮุยสุงยังถือว่าฉลาด ยังรู้ว่าใครใหญ่ ไปเชิญเขาเข้ามา”
บนทางเดินร้านอาหารหรู ถังฮุยกับหลินอิ่งเดินเข้าไปช้าๆ ด้านหลังถังฮุยยังมีกลุ่มชายชุดสูทสีหน้าเลือดเย็น
บนทางเดิน เป็นคนของเหยียนหลงหมด ประมาณ56คน ดูน่าเกรงขาม
“ท่านสุง คนของท่าน รออยู่ข้างนอก พวกเราจะต้อนรับอย่างดี” หัวหน้าบอดี้การ์ดยกมือพูดสีหน้าจริงจัง
“พาฉันไปหาเหยียนหลง” ถังฮุยพูดเสียงเรียบ ไม่อยากพูดมาก
ตามนั้น คนที่พามารออยู่ข้างนอกหมด ถังฮุยกับหลินอิ่งและฮาเดส สามคนเดินเข้าไปในห้องอาหาร
“ฮาฮา น้องชาย ฮุยสุง นั่งเลย” เหยียนลุงสูบบุหรี่ พูดด้วยรอยยิ้มมองไปที่ถังฮุยและหลินอิ่ง พร้อมยกมือ
ถังฮุยกับหลินอิ่งเข้าไปนั่ง ส่วนฮาเดสยืนอยู่ข้างหลังหลินอิ่งอย่างเคารพ
เมื่อหลินอิ่งเข้ามาในห้องแล้ว สายตาสีหน้าของสวีชิงซงก็เต็มไปด้วยความอาฆาต จ้องหน้าหลินอิ่งไม่ละสายตา อย่างกับจะกลืนหลินอิ่งทั้งเป็น
“น้องชายฮุยสุง ฉันก็ไม่พูดมากแล้วนะ” เหยียนหลงพูดอย่างเชื่องช้า “คืนนี้ออกมาดื่มชาแก้วนี้ ก็ถือว่าไว้หน้าฉันแล้ว สถานการณ์นายก็เข้าใจดี พี่ใหญ่อย่างฉัน ก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องนาย ไอ้หลินอิ่งคนนี้ ฉันจัดการแน่”
พูดจาอย่างเป็นทางการ เหยียนหลงก็ยกน้ำชาบนโต๊ะ ดื่มก่อน
“ฉันแนะนำหน่อย นี่เป็นหลานชายฉัน สวีชิงซง แล้วก็เป็นลูกชายคนโตของสวีฉางเฟิง นายน่าจะเคยได้ยิน” เหยียนหลงพูดอย่างใจเย็น
“ชื่อคุณชายทั้งสี่แห่งตี้จิงสวีชิงซง เหอะ ผมก็ต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว” ถังฮุยยิ้มตอบ
เหยียนหลงพยักหน้าสีหน้าพอใจ รู้สึกว่าถังฮุยยังรู้เรื่อง รู้จักเคารพ พาตัวหลินอิ่งมาด้วยตัวเอง