ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 272 แกถูกล้อมแล้ว
บทที่ 272 แกถูกล้อมแล้ว
“ขอบคุณประธานหลิน!” นิ่งซวนสีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เขารู้ คนอย่างประธานหลินคำพูดดั่งทองคำ นั่นก็คือไม่มีกลับคำอย่างแน่นอน วาจาหนักแน่นดุจกระถางเก้าติ่ง!
สิ้นคำ นิ่งซวนก็โค้งกาย ท่าทางจริงใจ ต้องการคุกเข่าคำนับแสดงความขอบคุณ
นิ่งซวนรู้ว่าการช่วยเขาจะต้องจ่ายราคาสูงมากเพียงใด จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงมากแค่ไหน
ในยามที่เขากำลังอับจนหนทาง ชีวิตตกต่ำ ประธานหลินถึงกับเลือกที่จะช่วยเหลือเขาอย่างไม่ลังเล นี่ทำให้ภายในใจเขารู้สึกเหมือนไหว้พระโพธิสัตว์ถูกองค์จริงๆ การคำนับนี้ ถือว่าสมควรแล้ว!
“เดี๋ยว” หลินอิ่งห้ามไว้เสียงเย็น “นิ่งซวน หลังฉันช่วยแก้แค้นให้พ่อแม่นายได้แล้ว นายค่อยคำนับก็ยังไม่สาย อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ต้องการพิธีจอมปลอมเหล่านี้ด้วย”
“ครับ” นิ่งซวนก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
บุคลิกและความองอาจของหลินอิ่งช่างทำให้คนรู้สึกอับอายจนเหงื่อตกจริงๆ น่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
ไม่สนใจเขานิ่งซวนที่เป็นผู้รับมรดกทรัพย์สินมูลค่ามากกว่าหมื่นล้าน และไม่สนใจพิธีจอมปลอมเหล่านี้ด้วย
มีเพียงคำว่า คุณธรรมสูงส่ง
“เอาล่ะ นิ่งซวน ตอนนี้นายพาฉันไปสำนักงานใหญ่ของตระกูลนิ่งที” หลินอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ!” นิ่งซวนกล่าวพร้อมกับภายในใจรู้สึกตื่นเต้น มีผู้อาวุโสช่วยออกหน้า เขาสามารถเงยหน้ากลับสำนักงานใหญ่ตระกูลนิ่งได้เสียที
ตึงๆๆ!
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ที่ด้านนอกประตูก็มีเสียงดังโครมครามเป็นชุด ราวกับเสียงร่างคนกระแทกกับกำแพง
หลินอิ่งลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เดินออกจากห้องดื่มชา นิ่งซวนกับอูหยางก็เดินตามหลังมาด้วยเช่นกัน
ที่ด้านนอกห้อง มีบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่หลายคนนอนระเกะระกะ ร้องโหยหวนอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา
ส่วนฮาเดสที่เฝ้าอยู่นอกประตู เวลานี้ได้ลงมือแล้ว ต่อสู้ตะลุมบอนกับบอดี้การ์ดชุดดำกลุ่มใหญ่ แทบจะเป็นหนึ่งหมัดต่อหนึ่งคน ต่อยกระเด็นไปติดกำแพง ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด
แต่คนที่มาราวกับจะมีมากขึ้น หลินอิ่งทอดสายตามองไป ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่และทางขึ้นบันได ล้วนเต็มไปด้วยสมุนชุดดำที่แผ่กลิ่นอายคุกคามออกมา
“แม่ง ทำไมมันเก่งจังวะ?” จ้าวเจี้ยนหนิงด่าออกมาประโยคหนึ่ง มองฮาเดสกับหลินอิ่งอย่างเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
และคิดไม่ถึงเช่นกันว่า บอดี้การ์ดของหลินอิ่งจะเก่งขนาดนี้ ล้มคนสิบกว่าคนได้อย่างง่ายดายตามใจนึกเหมือนกับดื่มน้ำกินข้าว
และบอดี้การ์ดชุดดำกลุ่มใหญ่นั้น ล้วนไม่ยอมบุกเข้ามาอีก แต่ละคนต่างก้าวถอยหลัง มองฮาเดสด้วยสายตาหวาดกลัว
“ประธานหลิน ไอ้หมาโง่ตัวนั้นระดมคนมาที่นี่อีกแล้วครับ” ฮาเดสกล่าวรายงาน
มุมปากของหลินอิ่งเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา จ้าวเจี้ยนหนิงผู้นี้ช่างไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ นี่จะสักแค่ไหนเชียว?
ตอนที่ตัวเขากำลังดื่มชากับนิ่งซวน ก็ระดมคนมามากมายขนาดนี้เพื่อมาหาเรื่องเขาที่นี่
จ้าวเจี้ยนหนิงกว่าวอย่างอวดดีว่า “ไอ้คนแซ่หลิน รีบไสหัวออกมาคุกเข่าขอโทษกูเดี๋ยวนี้! ร้านน้ำชาซินสุยถูกกูเคลียพื้นที่หมดแล้ว รอบๆ นี้เป็นคนของกูทั้งหมด มึงถูกล้อมแล้วรู้ไหม?”
“หลินอิ่ง มึงได้ยินไหม? หากไม่ยอมทำตามแต่โดยดี วันนี้กูจะตีมึงให้พิการอยู่ที่นี่!” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวอย่างวางอำนาจ ทำท่าทางราวกับคุมเกมไว้หมดแล้ว
พูดจบ จ้าวเจี้ยนหนิงก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง ที่ด้านข้างมีคนสองสามคนรีบเดินออกมา พร้อมกับเสียงเคร้งคร้างของอาวุธ จ้องหลินอิ่งด้วยสายตาโหดเหี้ยม
นอกจากนี้ ที่ข้างกายจ้าวเจี้ยนหนิงยังมีสองสามคนที่หยิบถุงห่อคันเบ็ดตกปลาสีดำออกมา ท่าทางเตรียมพร้อมจะบุกได้ทุกเมื่อ
พอเห็นท่าทางเช่นนี้ นิ่งซวนก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาแล้วเช่นกัน กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธๆ ว่า “จ้าวเจี้ยนหนิง นายคิดจะทำอะไร? นายกล้าพาคนมาล้อมประธานหลินเหรอ?”
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า จ้าวเจี้ยนหนิงจะทำตัวบ้าบิ่นและเสียสติเช่นนี้ ระดมคนมาล้อมร้านน้ำชาซินสุยตั้งมากมายขนาดนี้ ถึงขั้นยังนำอาวุธหนักมาด้วย
“แกยังจะเรียกมันว่าประธานหลินอีกเหรอ? มันนับเป็นตัวอะไรได้? ที่แกเคารพมัน นั่นเป็นเพราะแกนิ่งซวนแกมันเป็นเศษสวะ!” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “ในสายตาฉัน หลินอิ่งที่ออกมาจากปากแก ก็คือขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“ความอดทนของฉันมีจำกัด หลินอิ่ง แล้วก็นิ่งซวน พวกแกสองคนรีบคุกเข่าโขกหัวเดี๋ยวนี้!” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวเสียงเย็น “ขอบอกพวกแกไว้ก่อนว่า เรื่องในวันนี้คงพูดดีกันด้วยไม่ได้แล้ว ไม่ยอมยกที่นั่งให้ฉัน? เพื่อบีบให้ฉันระดมคนมาให้ได้สินะ?”
“หึหึ บีบให้คุณชายจ้าวนำคนมาที่นี่ คราวนี้ ต่อให้พวกแกขอโทษก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้แล้ว” ชายหัวล้านหน้าตาโหดเหี้ยมคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายจ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะ
ชายหัวล้านคนนี้คือผู้ช่วยที่จ้าวเจี้ยนหนิงจ้างมา เขาพอจะมีตำแหน่งอยู่บ้างในโลกใต้ดินของเขตเสิ่นหนงแห่งตี้จิง
“คุณชายจ้าว ดูท่าว่า กลุ่มของพวกเขาจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คุณพูดมาได้เลย จะตัดแขนหรือตัดขา?” ชายหัวล้านเอ่ยออกมาตามอำเภอใจ ราวกับเห็นพวกหลินอิ่งเป็นแกะแพะที่เชือดได้ตามใจ
“หักขาไอ้หลินอิ่งคนนั้นให้ฉันก่อน ค่อยตัดมือบอดี้การ์ดของมัน!” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวอย่างดุร้าย
พอคิดถึงก่อนหน้านี้ที่หลินอิ่งสั่งให้บอดี้การ์ดตบหน้าเขา เขาก็แทบรอคอยที่จะเหยียบหลินอิ่งไว้ใต้ฝ่าเท้าไม่ไหวแล้ว
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ชายหัวล้านพูดด้วยท่าทางลำพองใจ
“จ้าวเจี้ยนหนิง นายรีบบอกให้คนของนายหยุดมือซะ หากวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับประธานหลินอยู่ที่ร้านน้ำชาซินสุยล่ะก็ ตระกูลจ้าวของพวกนายได้เกิดเรื่องใหญ่แน่!” นิ่งซวนกล่าวเสียงขรึม
เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินอิ่งอยู่บ้างจริงๆ ท่าทางแบบนี้ จ้าวเจี้ยนหนิงระดมคนมาอย่างน้อยกว่าร้อยคน แถมยังใช้อาวุธด้วย ส่วนประธานหลินพาบอดี้การ์ดมาแค่คนเดียว ไม่แน่ว่าจะรับมือไหว
โดยเฉพาะจ้าวเจี้ยนหนิงที่ยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของประธานหลิน นี่จะก่อให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อาจเป็นความยุ่งยากใหญ่หลวง
“ตระกูลจ้าวจะเกิดเรื่องใหญ่? ฮ่าๆๆ!” จ้าวเจี้ยนหนิงหัวเราะเสียงดัง “นิ่งซวนหนอนิ่งซวน แกนี่มันโง่จริงๆ ฉันทำความเข้าใจหลินอิ่งแล้วได้อะไร? เขาจะทำอะไรฉันได้?”
หลินอิ่งยิ้มเย็นไม่พูดจา กำลังจะสั่งให้ฮาเดสไปจับตัวจ้าวเจี้ยนหนิงไว้
ครืดๆ
ในเวลานี้เอง มือถือของหลินอิ่งก็ดังขึ้น
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับรับสาย
“ผู้อาวุโส ผมนิ่งจองเป่าเอง รบกวนทางคุณแล้ว ได้ยินว่า คุณมาตี้จิง? ทำไมไม่โทรบอกผมเลยครับ ให้ผมได้มีโอกาสเลี้ยงต้อนรับคุณบ้าง” ปลายสาย เป็นเสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาตี้จิง?” หลินอิ่งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อ้อ ผู้อาวุโส คุณมาตี้จิงแล้วจริงๆ ด้วย!” นิ่งจองเป่าเอ่ยอย่างประหลาดใจ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา “ผม ผมได้ยินมาจากลูกน้องน่ะ ได้ยินว่าวันนี้นิ่งซวนนัดพบประธานหลิน ผมก็เลยเดาได้”
“ครั้งนี้คุณคงไม่ได้พบเจอเรื่องยุ่งยากใช่ไหมครับ?” นิ่งจองเป่าถามอย่างหยั่งเชิง
“ฮึ” หลินอิ่งหัวเราะเยาะ จากนั้นก็วางสายทันที
เห็นได้ชัดว่า นิ่งจองเป่าส่งคนมาแอบจับตาดูการใช้ชีวิตของนิ่งซวนตลอดเวลา จนสังเกตเห็นว่าครั้งนี้นิ่งซวนนัดทานข้าวกับตนเอง
หลินอิ่งไม่เคยพบหน้านิ่งจองเป่า แต่ เห็นท่าทีประหลาดใจเช่นนี้ของนิ่งจองเป่า บางทีคงจะคิดไม่ถึงว่า ตนเองจะช่วยออกหน้าให้นิ่งซวน
คนรอบจัดอย่างนิ่งจองเป่า คราวก่อนยืนหนุนหลังตระกูลหวัง พอรู้ฐานะของเขาก็รีบย้ายมากดดันตระกูลหวังแทน
เวลานั้นหลินอิ่งเห็นว่าท่าทางของนิ่งจองเป่ายังนับว่าดีพอใช้ และไม่มีความตั้งใจจะไปตี้จิงเพื่อสืบสาวหาความผิดของเขา แต่ตอนนี้เห็นที ควรต้องตีจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้อย่างหนักสักทีหนึ่งแล้ว
“ประธานหลิน นิ่งจองเป่าโทรหาคุณเหรอครับ!” นิ่งซวนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าว “ดูเหมือนเขาจะเดาออกแล้ว ว่าผมเป็นคนนัดคุณดื่มชา จ้าวเจี้ยนหนิงเป็นลูกเขยของนิ่งจองเป่า บางทีตอนที่จ้าวเจี้ยนหนิงระดมคนเมื่อสักครู่ จะสะเทือนถึงนิ่งจองเป่าเช่นกัน”
“อะไรนะ? นิ่งจองเป่า? นิ่งซวนแกยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีก? เจ้าหลินอิ่งคนนี้ จะมีสิทธิ์์ได้รู้จักพ่อตาฉันเชียวเหรอ?” จ้าวเจี้ยนหนิงหัวเราะเยาะพลางกล่าว รู้สึกว่านิ่งซวนกำลังเขียนเสือให้วัวกลัว มันช่างน่าขบขันเกินไปจริงๆ