ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 279 ได้ยินว่าเธอแต่งงานกับคนไม่เอาไหน?
บทที่ 279 ได้ยินว่าเธอแต่งงานกับคนไม่เอาไหน?
นิ่งเสี่ยวชิงสวมเสื้อเชิ้ตปักลายตามสมัยนิยม รูปหน้างามเฉิดฉาย บุคลิกดูสง่างามเป็นอย่างมาก ที่ข้อมือสวมนาฬิกายี่ห้อปาเต็ก ฟิลิปป์ การแต่งกายตั้งแต่หัวจรดเท้าค่อนข้างพิถีพิถัน คนที่รู้จักสินค้าสามารถมองออกว่า เครื่องแต่งกายทั้งตัวเธออย่างน้อยก็สิบล้านอัพ ดูมีสง่าราศีเป็นอย่างมาก
“นั่นสิ ฉีโม่ เพื่อนๆ ทุกคน หากมีปัญหาอะไรจริงๆ แค่บอกมาก็พอแล้ว ด้วยชื่อเสียงดาวมหาลัยแห่งมหาวิทยาลัยตี้จิงในปีนั้นของฉีโม่ หากมีปัญหายุ่งยากอะไร ยังไม่รู้ว่ามีคนอีกตั้งเท่าไหร่ยอมถวายหัวเพื่อช่วยเหลือกัน” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวยิ้มๆ ระหว่างน้ำเสียงเต็มไปด้วยความประจบประแจง
จริงอยู่ ตอนจางฉีโม่อยู่มหาวิทยาลัยตี้จิงเป็นดาวมหาลัยของรุ่น เรียกได้ว่าโด่งดังไปทั่วมหาลัย ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีสุภาพบุรุษอายุเท่าไหร่มาตามจีบบ้าง
เพียงแต่ ราวกับว่าจางฉีโม่ไม่เคยคิดที่จะมีแฟน จึงปฏิเสธอย่างเย็นชาไปทั้งหมด
หลังจบจากมหาวิทยาลัย จางฉีโม่ก็กลับเมืองตุงไห่ และห่างหายไปจากสายตาของกลุ่มเพื่อนมหาลัย
จนกระทั่งตอนนี้ กลุ่มเพื่อนในตอนนั้น ส่วนใหญ่ยังคงจำได้ไม่ลืม
จางฉีโม่ยิ้มอย่างเก้อเขิน พลางกล่าวว่า “ไม่ได้ขับรถมาตี้จิง ดังนั้นจึงไม่สะดวกเอามากๆ”
อันที่จริงเธอคิดไว้แล้วว่า เพื่อนมหาลัยที่มารวมรุ่นกันที่นี่ แทบทุกคนล้วนขับรถดีๆ ราคาล้านอัพออกจากบ้านกันทั้งนั้น
อีกทั้ง ตัวมหาวิทยาลัยตี้จิงก็คือมหาลัยอันดับต้นๆ ที่รู้จักกันทั่วของประเทศหลง กลุ่มเพื่อนของเธอในมหาลัย แต่ละคนจึงมีฐานะไม่น้อย มีบ้างที่ภูมิหลังเป็นเพียงครอบครัวเล็กๆ แต่นั่นก็ล้วนปะปนอยู่ในแวดวงสังคมราวกับปลาได้น้ำ เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างสมใจ
หากเป็นเมื่อก่อน นิ่งเสี่ยวชิงพูดเช่นนี้ อาจทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาจริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
เพราะนี่เป็นความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองที่หลินอิ่งมอบให้กับเธอ
จริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะมา ประธานถัง ถังฮุยของโรงแรมจงเทียน ตอนแรกจะส่งขบวนรถบอดี้การ์ดขบวนหนึ่งติดตามออกมาด้วย แต่เธอปฏิเสธไป
จางฉีโม่ยังคงไม่ค่อยเหมาะกับความฟุ่มเฟือยเช่นนี้เท่าไหร่นัก
“หากอยู่ในตี้จิงออกไปไหนไม่สะดวก ฉันจะจัดหารถให้เธอสักสองสามคัน นั่นเป็นแค่น้ำใจเล็กน้อย” นิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างสง่างาม
“ฉีโม่ ฉันได้ยินมาว่า เธอเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องประดับแห่งหนึ่งอยู่ที่ตุงไห่? เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวเธอใช่ไหม?” นิ่งเสี่ยวชิงทางหนึ่งดื่มกาแฟ ทางหนึ่งเอ่ยปากพูด “หนนี้มาตี้จิงเพื่อเจรจาธุรกิจเหรอ? ฉันมีเส้นสายกว้างขวางอยู่ในแวดวงเครื่องประดับ สามารถช่วยเธอจัดการได้อย่างง่ายดาย”
นิ่งเสี่ยวชิงพูดราวกับควบคุมทุกอย่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ฉีโม่ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี เสี่ยวชิงยังคงยึดถือคุณธรรมอยู่เสมอ พวกเธอสองคนตอนอยู่มหาลัยเป็นพี่น้องสาวสวยที่มีชื่อเสียง หากอยู่ตี้จิงต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็มาหาเสี่ยวชิง อิทธิพลของเสี่ยวชิงในตี้จิง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดประจบประแจง
“ใช่แล้วล่ะ ฐานะของเสี่ยวชิงค่อนข้างสูงศักดิ์เลยทีเดียว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดยกยอ
เห็นได้ชัดมากว่านิ่งเสี่ยวชิงเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อน เพื่อนแทบทุกคนต่างรุมล้อมเธอ
แน่นอนว่า นี่ย่อมหนีไม่พ้นเกี่ยวข้องกับฐานะภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ของเธอ
นิ่งเสี่ยวชิง ลูกคุณหนูของตระกูลนิ่งอันสูงศักดิ์แห่งตี้จิง อยู่ในตี้จิงต้องการลมได้ลม ต้องการฝนได้ฝน หากเป็นยุคสมัยก่อนนั่นก็เทียบได้กับบรรดาศักดิ์องค์หญิง มีชีวิตสูงส่งจนเอื้อมไม่ถึงโดยสิ้นเชิง
หากไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ด้วยคนอย่างพวกเขา ต่อให้ปะปนอยู่ในวงสังคมได้ก็ยังนับว่าไม่เลวแล้ว มีเงินน้อยหน่อย ก็ไม่มีสิทธิ์ดื่มกาแฟร่วมโต๊ะเดียวกับนิ่งเสี่ยวชิงแล้ว
จางฉีโม่พยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉันเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องประดับแห่งหนึ่งในตี้จิง ครั้งนี้มาตี้จิง มาเพื่อเจรจาธุรกิจ แต่ก็เจรจาใกล้จะเสร็จแล้ว พักนี้อาจจะกำลังเปิดบริษัทสาขาหนึ่งในตี้จิง”
“หา? งั้นหรือ ฉีโม่ เธอกำลังเตรียมเปิดบริษัทสาขาที่ตี้จิง? อย่างนั้นก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ธุรกิจเครื่องประดับในตี้จิงไม่ใช่จะเปิดได้ง่ายดายขนาดนั้น” นิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างสงสัยขึ้นมา “เธอไม่ได้คลุกคลีอยู่ในตี้จิงมาหลายปี แล้วจะไปหาคอนเนคชั่นที่ไหนในตี้จิง? หากไม่มีคอนเนคชั่น ธุรกิจคงทำไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น”
จางฉีโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าการพบหน้ากันครั้งนี้ นิ่งเสี่ยวชิงพูดจาดูพยายามนิดหน่อย ความรู้สึกต่างกับสมัยเรียนเมื่อก่อน
“สามีฉันเป็นคนช่วยฉันจัดการน่ะ อยู่ที่ตี้จิงเขารู้จักเพื่อนไม่น้อย” จางฉีโม่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“สามีเธอ? ที่เธอพูดมาเขามีความสามารถจริงๆ ใช่ไหม?” นิ่งเสี่ยวชิงพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ “แต่ว่า ฉีโม่ ทำไมฉันได้ยินว่า อยู่ที่เมืองตุงไห่เธอแต่งงานกับคนไม่เอาไหน แถมยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านด้วย”
“ฉีโม่ หรือว่า เธอแต่งงานสองครั้ง?” นิ่งเสี่ยวชิงพูดพลางทำท่าทางครุ่นคิด
“เสี่ยวชิง เป็นความจริงเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยได้ยินมาเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่กล้าจะเชื่อมาตลอด” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างแปลกใจ “หรือว่าหลังฉีโม่เรียนจบกลับเมืองตุงไห่ ก็หาคนไม่เอาไหนสักคน แล้วแต่งลูกเขยเข้าบ้าน? นั่นมันก็เกินไปหน่อย……”
“นี่คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะ? ดาวมหาลัยที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยตี้จิงอย่างฉีโม่ ถึงกับแต่งงานกับคนไม่เอาไหน? นี่……”
เวลาต่อมา สายตาของเพื่อนๆ ที่อยู่ในร้านกาแฟต่างพากันมารวมอยู่ที่ตัวจางฉีโม่ บนใบหน้าล้วนมีแต่สายตาแห่งความแปลกใจ
จางฉีโม่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยน่าดูขึ้นมา ไม่รู้ว่านิ่งเสี่ยวชิงไปถามข่าวของตัวเองมาได้ยังไง
นิ่งเสี่ยวชิงเผยท่าทางลำพองใจออกมาบนใบหน้า กล่าวว่า “ฉีโม่ เฮ้อ เรื่องนี้เธอเองก็ไม่ต้องรู้สึกน้อยใจไปหรอกนะ ฉันเองก็ได้ยินคนพูดมาเช่นกัน และฉันก็รู้สึกเสียดายแทนเธอด้วย”
นิ่งเสี่ยวชิงจงใจพูดเช่นนี้ออกมา ก็เพื่อต้องการผลลัพธ์แบบนี้ ต้องการให้จางฉีโม่ดูด้อยค่าลงเมื่ออยู่ต่อหน้าตนเอง
พึงรู้ไว้ว่า ตั้งแต่มหาวิทยาลัยเป็นต้นมา แม้นิ่งเสี่ยวชิงจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับจางฉีโม่ แต่ภายในใจก็ริษยาจางฉีโม่มาตลอด จางฉีโม่เป็นดาวมหาลัย เป็นหญิงสาวที่เจิดจรัสที่สุด ส่วนเธอก็เหมือนใบไม้สีเขียวที่ช่วยขับดอกไม้ให้เด่นขึ้น ตอนนี้เรียนจบแล้ว จางฉีโม่กลับไปยังเมืองตุงไห่สถานที่ชนบทแห่งนั้น แถมยังแต่งงานกับคนไม่เอาไหนอีกด้วย
ส่วนเธอ ลูกคุณหนูแห่งตระกูลนิ่งอันสูงศักดิ์แห่งตี้จิง ฐานะจึงสูงส่งหาใดเปรียบ
ตอนนี้อยู่ในกลุ่มเพื่อนมหาลัย ยังจะมีใครรู้สึกว่าจางฉีโม่เทียบกับเธอได้อีก?
สิ่งที่เธอต้องการ ก็คือความรู้สึกอันยอดเยี่ยมที่ได้อยู่เหนือคนอื่นเช่นนี้
“ไม่ใช่แบบนั้น สามีฉันแต่งเข้าบ้าน แต่ไม่ได้เป็นคนไม่เอาไหน ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นสักหน่อย” จางฉีโม่พูดแก้ต่างขึ้น
“เฮ้ ฉีโม่ เธอยังจะแก้ต่างทำไมอีก เพื่อนกันทั้งนั้น มีอะไรให้ต้องปิดบังกันล่ะ? ฉันถามมาชัดเจนแล้ว สามีเธอชื่อหลินอิ่งใช่ไหม?” นิ่งเสี่ยวชิงทำท่าทางราวกับว่าฉันเนี่ยรู้ดีไปเสียหมด กล่าวขึ้นมาอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “หลินอิ่งคนนั้นอยู่เมืองชิงหยูนขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขยไร้ค่า แถมยังชอบเกาะผู้หญิงกินอีกด้วย เป็นแมงดามีชื่อ”
จางฉีโม่สีหน้าเขียวคล้ำ คิดไม่ถึงไปชั่วขณะว่านิ่งเสี่ยวชิงจะเผยเรื่องจริงออกมาโดยไม่เห็นแก่มิตรภาพ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลินอิ่งไม่ใช่คนอย่างนั้นอย่างที่ใครเขาพูดกัน ในใจเธอรู้ดี
จางฉีโม่ไม่เข้าใจว่านิ่งเสี่ยวชิงพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาหมายความว่ายังไง แถมยังเป็นต่อหน้าเพื่อนๆ มากมาย นี่แสดงว่าตั้งใจทำให้เธอลำบากใจ
จำได้ว่าตอนเรียนอยู่มหาลัย เธอกับนิ่งเสี่ยวชิงเป็นรูมเมทกัน แถมความสัมพันธ์ยังไม่เลวอีกด้วย