ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 305 เอาน้ำชาที่เย็นแล้วมาต้อนรับผม?
คำพูดอันเย็นชาของหลินอิ่ง ทำให้ทุกคนตะลึง
ไม่มีใครคิดได้ว่า ผู้อาวุโสหลินที่ดูอายุน้อยท่านนี้ พฤติกรรมจะดูเฉียบขาดเคร่งขรึมขนาดนี้
นิ่งจองเต้าที่เป็นผู้นำตระกูลคนนี้ เพียงแค่คิดว่าฐานะตัวเองไม่ยอมก้มหัวเคารพหลินอิ่ง เขาก็เอาคืนทันที ท่าทางน่าเกรงขาม
นิ่งจองเต้าแววตาเย็นชา จ้องหลินอิ่งไม่ละสายตา ความโกรธในใจกำลังเดือด
ไอ้หลินอิ่งอวดดีคนนี้ กล้าอวดดีต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้?
ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้ว ที่ไม่มีคนกล้าอวดดีต่อหน้าเขานิ่งจองเต้า
“ผู้อาวุโสหลิน ท่านมาตี้จิงครั้งแรก ยังไม่ผ่านการรับรองตำแหน่งผู้อาวุโสตระกูลนิ่งจากนายท่านเลย ก็เย่อหยิ่งขนาดนี้ คุณจะคิดไปเองเกินไปหรือเปล่า?” นิ่งจองเต้าพูดเสียงเรียบ
“คิดไปเอง? คุณเป็นถึงผู้นำตระกูลนิ่ง เจอผมแล้วไม่เคารพ ไม่รู้ระเบียบตระกูลนิ่งใช่ไหม? หรือไม่พอใจ?” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา “อีกอย่าง คุณคิดว่า ผมมาตระกูลนิ่งเพื่อตำแหน่งผู้อาวุโส?”
นิ่งจองเต้าอดกลั้นความโมโหในใจไว้ พูดช้าๆ “ผู้อาวุโสหลิน ถึงแม้คุณจะได้รับการยอมรับจากนายท่าน ผมในฐานะผู้นำตระกูลนิ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องก้มเคารพคุณ คุณมาเพื่ออะไร พูดมาตามตรงเลย”
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา นิ่งไท่จี๋ยังไม่ตาย นิ่งจองเต้าก็อ้างตัวเป็นผู้นำขึ้นเอง?
ตระกูลนิ่งนี้ พลิกผันแล้วจริงๆ
หลินอิ่งมองนิ่งจองเต้า พูดว่า “ผมขอถามคุณ พ่อแม่นิ่งซวน ถูกใครฆ่า?”
ได้ยินแล้ว นิ่งจองเต้าขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งมาแล้ว ก็ถามเรื่องนี้ทันที?
นี่คงไม่ใช่คนไม่มีสมองหรอกนะ?
เรื่องของนิ่งซวนเขารู้ดี เพราะนี่คือคำสั่งของเขาให้ทหารลับไปฆ่าพ่อแม่ของนิ่งซวน ลบล้างตระกูลบ้านสามทุกคน
หลินอิ่งกลับมาเพื่อถามเรื่องไอ้น่าโง่สองคนนั้น มาเพื่อแก้แค้น?
“พ่อแม่นิ่งซวนตาย เป็นเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่ได้ถูกใครฆ่า” นิ่งจองเต้าพูดด้วยเสียงเรียบ
“ออ? ใช่เหรอ?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “วันนี้ทุกคนที่อยู่ในนี้รู้เรื่องไม่รายงาน วันหลังผมคิดบัญชีก็อย่าโทษผมละกัน”
น้ำเสียงอันเรียบเฉยนั้น แต่ทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงกลิ่นอายเลือด เพิ่มความกดดันในใจไม่น้อย
ตอนพูด หลินอิ่งใช้สายตาเย็นชามองทุกคนในห้องหนึ่งรอบ
เมื่อทุกคนมองเห็นสายตาของหลินอิ่งแล้ว ต่างก็ก้มหน้าโดยอัตโนมัติ ไม่กล้าสบตา
เพราะว่า เมื่อสบตาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าความลับในใจจะถูกอ่านออก เหมือนตกลงไปในบ่อน้ำ เนื้อตัวสั่น
ความรู้สึกแบบนี้ ก็เหมือนกับตัวเองถูกปีศาจจ้องมอง
“ผู้อาวุโสหลิน คุณอย่ามาสร้างเรื่องน่าตกใจในนี้ นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลนิ่ง ผมเป็นผู้นำตระกูล ต้องจัดการเรื่องให้เรียบร้อยแน่ ผู้อาวุโสไม่ต้องห่วง” นิ่งจองเต้าพูดอย่างไม่เกรงใจ
เขารู้สึกว่าหลินอิ่งพูดจาน่าตลก คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ยังคิดบัญชี วันนี้แกก็หนีไม่รอดแล้ว
จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก ยังมาทำตัวใหญ่ที่นี่
ด้วยท่าทางการพูดจาอวดดีของหลินอิ่ง นิ่งจองเต้าก็ตัดสินใจแล้ว หลินอิ่งก็เป็นเพียงคนโผงผางคนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกลัวเลย ไม่ใช่คู่แข่งของเขาแน่นอน
แค่สองสามคำ นิ่งจองเต้าก็ดูถูกหลินอิ่งในใจไปมากพอสมควร
นิ่งจองเต้าสีหน้าหยอกล้อ ตบมือพูด “ผมว่า ผู้อาวุโสหลิน ท่านมาจากที่ไกล คงร้อนอบอ้าวน่าดู ดูน้ำหน่อยดีกว่า เอามา เทน้ำชาให้ผู้อาวุโสหลินแก้กระหายหน่อย”
พูดไป ข้างกายนิ่งจองเต้า ก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมา ในมือถือน้ำชา เดินไปทางด้านหลินอิ่ง
คนนี้หน้าขาวเหมือนหยก ผมดกเต็มหัว สายตาเฉียบคม ท่าทางเหนือคนธรรมดา
“ผมเจียงกู่จือ ได้ยินชื่อเสียงท่านผู้อาวุโสมานาน ยินดีที่ได้พบท่าน” เจียงกู่จือเดินมาด้วยรอยยิ้ม ยืนถ้วยชาในมือไป
หลินอิ่งขมวดคิ้ว สำรวจดูเจียงกู่จื่อ คนคนนี้ลมหายใจแรง ฝีเท้าเบา เห็นชัดว่าเป็นยอดฝีมือกังฟูระดับสูงที่เห็นยาก
ในขณะที่เจียงกู่จื่อแนะนำตัว ผู้นำตระกูลที่นั่งทุกคน สีหน้าต่างก็มีอาการเปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าเคยได้ยินชื่อเสียงเขามาก่อน
“นี่……เจียงกู่จื่อ คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงแห่งเสฉวนเหรอ?”
“พี่รองเชิญเจียงกู่จื่อมา หมายความว่ายังไง? อยากทดสอบ?”
“ดูแล้ว ถ้าทดสอบดูความสามารถของผู้อาวุโสหลินท่านนี้……”
ผู้นำตระกูลที่นั่งอยู่ ใช้เสียงเบาเท่ายุง ซุบซิบโต้แย้งกัน
แต่หลินอิ่งฟังเข้าหูหมด ระยะร้อยเมตร ไม่ว่าเสียงลมพัดหญ้าปลิวก็ปิดปังเขาไม่ได้
“ผู้อาวุโสหลิน เชิญ”
เจียงกู่จื่อสีหน้ายิ้ม ยื่นน้ำชาไป
หลินอิ่งรู้ เจียงกู่จื่อจะใช้วิธีในยุทธจักร ยกน้ำชาเป็นข้ออ้าง เป้าหมายคือทดสอบฝีมือ
จากความสามารถของเขาแล้ว จะไปสนใจปรมาจารย์จอมปลอมแบบนี้เหรอ?
หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งไขว้หลัง ยกมือไปจับถ้วยชา เจียงกู่จื่อกลับหมุนถ้วยกะทันหัน มือเร็วยิ่งกว่าฟ้าแลบ จับข้อมือของเขาไว้
เสียงเชี้ยวทีเดียว หลินอิ่งยื่นมือออกไปหมุนอย่างรวดเร็วอย่างมังกร จับข้อมือของเจียงกู่จื่อไว้ หมุนอย่างแรง
เสียงดังคั๊ก เสียงกระดูกดังออกมา เจียงกู่จื่อสีหน้าไม่เปลี่ยน เรี่ยวแรงที่พอสำหรับทำให้กระดูกหักหายไปทันที
ตามมาด้วย เขาเปลี่ยนวิธี ลองฝีมือกับหลินอิ่งขึ้นมา
เห็นเพียงมือของทั้งสองเร็วกว่าสายลม ชิ้วชิ้วชิ้วเหลือไว้แค่เงา เวลาเพียงแค่สายฟ้าแลบก็ประลองมือไปสิบครั้งแล้ว ได้ยินแค่เสียงลม
หลังจากหายใจไปสิบครั้ง เสียงดังปัง ถ้วยน้ำชา ลอยขึ้นสูง น้ำชาสาดกระเด็นไปทั่ว
เจียงกู่จื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แขนทั้งแขนสั่นสะเทือนเหมือนโดนไฟดูด รีบดึงมือกลับ ถอยหลังไปเป็นสิบก้าว ถอยไปเรื่อยๆ เหยียบพื้นกระเบื้องจนเป็นหลุม
ดึงระยะห่างออกไป เจียงกู่จื่อรีบเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องไปที่หลินอิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แขนของเจียงกู่จื่อชาไปแล้ว กำลังสั่นอย่างรุนแรง ในลำคอกำลังมีแรงบางอย่างดันขึ้นมา พรูดขึ้นมาจนทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมา
คนนี้ ใช้แรงลึกลับได้เก่งกาจถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่คนอายุเพียงยี่สิบกว่าปี จะฝึกฝนได้
“ท่าน ไม่ทราบว่ามาจากไหน?” เจียงกู่จื่อถามด้วยสีหน้าหนักใจ
เจียงกู่จื่อก็เป็นปรมาจารย์ที่เคยเห็นผู้มีวิชามามากมาย จากการประลองฝีมือแล้ว ก็ตัดสินได้ว่า หลินอิ่งไม่ใช่คนธรรมดา มีความสามารถจริง
“คุณไม่คู่ควรที่จะรู้” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
เจียงกู่จือคนนี้น่าสนใจ สามารถสับเปลี่ยนกระดูกแขนได้อย่างง่ายดาย ฝึกฝนทั้งวิชาตัวเบาและกำลังภายใน เมื่อกี้เขาลองไปกี่ครั้ง แม้แต่ฮาเดสยังทนไม่ไหว อย่างน้อยก็แขนหักไปข้างหนึ่ง แต่เจียงกู่จื่อกลับเปลี่ยนกระดูกได้ หลีกเลี่ยงแรงอันรุนแรงนี้ ฝึกวิชาได้อย่างถ่องแท้
แต่เสียดาย เจียงกู่จื่อยังไม่ถึงขั้นนั้น เมื่อเทียบกับเขายังห่างอีกเยอะ
“ไอ้เด็กหนึ่ง ปากดีนัก” เจียงกู่จื่อโมโหตะโกนออกไป
ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าหลินอิ่งมีความสามารถ แต่ยังไม่ถึงขั้นชนะเขาได้
เจียงกู่จื่อเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเสฉวน แม้กระทั่งตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงยังถือเป็นแขกพิเศษ ก็ต้องมีความมั่นใจอยู่แล้ว จะไปทนคำดูถูกของหลินอิ่งได้ยังไง
กำลังจะลงมือสั่งสอนเด็กเมื่อวานซืนคนนี้สักหน่อย สีหน้าเจียงกู่จื่อก็เปลี่ยนทันที หน้าผากเหงื่อซึม มองหลินอิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ท่ามกลางสายตาผู้คน หลินอิ่งยื่นมือไปจับถ้วยกลางอากาศ มืออีกข้างหนึ่งเหมือนมีเวทมนตร์ ใช้ฝาปิดถ้วยน้ำชาเหมือนดีดเปียโน น้ำชาที่ลอยอยู่กลางอากาศ ถูกเก็บเข้าถ้วยหมด ค่อยๆไหลเข้าไป
“นี่มัน น้ำฟ้าหวนคืน?” เจียงกู่จื่อพูดด้วยสีหน้าตกใจ
เขาเคยได้ยินวิชานี้จากหนังสือศิลปะการต่อสู้โบราณเท่านั้น ฝึกวิชามาครึ่งชีวิต ยังไม่เคยเห็นกับตา นี่มัน เหนือกว่าพลังปราณพิฆาตอีก
“เอาน้ำชาที่เย็นแล้วให้ผม?” หลินอิ่งมือถือถ้วย สายตาเย็นชา “นี่เพราะฐานะผู้อาวุโสตระกูลนิ่งของผมต่ำไป หรือว่าเกณฑ์ของตระกูลนิ่งพวกคุณสูงเกินไป?”
“เหอะ เทน้ำชาที่เย็นแล้วให้คุณ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? นั่นก็เพื่อบอกคุณว่า อาจารย์ของคุณตายไปสิบกว่าปีแล้ว น้ำชาถ้วยนี้ในตระกูลนิ่ง เย็นไปตั้งนานแล้ว” นิ่งจองเต้าพูดเสียงเย็นชา ในคำพูดนั้นไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย