ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 350 จัดการตระกูลสวีไปพร้อมกัน
“นิ่งจองอู่ ฉันว่าช่วงนี้แกได้อำนาจจากตระกูลนิ่งนิดหน่อย ก็ผยองขึ้นเลยนะ ไม่เห็นคุณชายเผียวอยู่ในสายตาเลย ยังไม่มีเราสองคนในสายตาอีก?” โม่เฟยถูกเสียงเย็นชา สายตาเฉียบคมจ้องอยู่ที่หลินอิ่งกับนิ่งจองอู่ อย่างอาฆาต
นิ่งจองอู่ สีหน้าตื่นเต้น รู้สึกกดดัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีหลินอิ่งอยู่ด้วย เขาเพียงคนเดียวเอาสถานการณ์ตอนนี้ไม่อยู่แน่นอน
กิจการธุรกิจของนิ่งจองอู่ล้วนอยู่ในเขตตี้เจียง เมื่อก่อนก็ไปมาหาสู่กับสวีถันโจวกับโม่เฟยไม่น้อย
อำนาจของสองคนนี้ในเขตตี้เจียงสูงกว่าเขามาก มาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว เมื่อก่อนก็ถูกสวีถันโจวสองคนดูถูกไม่น้อย ต่อหน้าสองคนนี้ เขาซึ่งเป็นคนรุ่นที่สองของตระกูลนิ่ง ก็ต่ำกว่าเขาระดับหนึ่ง
ต้องรู้ว่า ในเขตตี้เจียงผู้ที่มีอำนาจสูงสุด ก็คือตระกูลสวีแห่งตี้จิง เพราะกิจการหลักของตระกูลสวี อยู่ที่ท่าเรือขนส่งแม่น้ำตี้หวาง ความสัมพันธ์กว้างขวางและพันธมิตรการค้ามากมาย แข็งแกร่งใหญ่โต
เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้ขุมทรัพย์ของตระกูลสวีถูกคนระเบิดไปแล้ว เป็นเรื่องที่สร้างความโกลาหลในแวดวงธุรกิจแห่งตี้จิง ได้ยินว่าคนที่ทำคือคนโหดลึกลับคนหนึ่งของตระกูลฉีแห่งตี้จิง
กลุ่มเรือโกดังสินค้าถูกระเบิดทำให้ตระกูลสวีเสียหายหลายหมื่นล้าน แต่ก็ไม่ได้กระทบต่ออำนาจของตระกูลสวีในเขตตี้เจียง
ในเขตตี้เจียง ตระกูลสวี ก็เหมือนอยู่สูงเหนือฟ้า
มองประธานหลินไปทีหนึ่ง นิ่งจองอู่พูดว่า “สวีถันโจว นี่เป็นเรื่องของตระกูลนิ่ง ตระกูลสวีจะเข้ามายุ่งใช่ไหม?”
“แกมันตำแหน่งอะไร เป็นตัวแทนของตระกูลนิ่งได้เหรอ?” สวีถันโจวสีหน้าเหยียดหยาม ดูถูกนิ่งจองอู่ “อีกอย่าง ชีซิงกรุ๊ปกับตระกูลสวีของเราเป็นสัมพันธมิตรที่ดีต่อกัน แกทำร้ายคุณชายเผียวที่เขตตี้เจียง ก็เท่ากับทำลายหน้าของตระกูลสวีของเรา เรื่องนี้ ตระกูลสวียุ่งแน่นอน”
สวีถันโจวไม่ได้เห็นนิ่งจองอู่อยู่นายสายตาแม้แต่น้อย ถึงแม้ตัวแทนของตระกูลนิ่งจะไม่ยอมออกหน้า เขาก็ต้องช่วยเผียวซิ่วชวนจัดการแก้แค้นแน่
นิ่งซิ่วชวนไอ้ปัญญาอ่อนนี่ ก็ไม่รู้จักคิด ว่าที่นี่เป็นเขตตี้เจียง
ในถิ่นของตระกูลสวี กล้าทำร้ายแขกพิเศษของตระกูลสวี? ถ้าหากนายท่านของตระกูลรู้เรื่องนี้ จากความสัมพันธ์ของนายท่านกับชีซิงกรุ๊ป ก็ต้องช่วยเผียวซิ่วชวนแก้แค้นแน่
“พี่สวี รีบให้คนจัดการมันสองคนเลย ฉันทนไม่ไหวที่จะทำให้พวกมันคุกเข่าแล้ว” เผียวซิ่วชวนพูดอย่างทนไม่ไหว สายตาเย็นชา
หลินอิ่งสายตาปกติมองไปทุกคนหนึ่งรอบ พูดเสียงเรียบ “ตระกูลสวีของคุณ แน่ใจเหรอว่าจะคุ้มเผียวซิ่วชวน?”
“แกเป็นใคร?” สวีถันโจวถาม
หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “หลินอิ่ง”
สวีถันโจวขมวดคิ้ว สำรวจตัวหลินอิ่ง
เขาดูออก ในตัวหลินอิ่งมีบุคลิกที่ไม่ธรรมดา เผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย เป็นคนเคยเจองานใหญ่มาแล้ว
อีกอย่างชัดเจนมาก หลินหวู่จงถูกหลินอิ่งยึดอำนาจแทน เคารพหลินอิ่งมาก
“หลินอิ่ง……เป็นใครมาจากไหน?” สวีถันโจวสำรวจมองหลินอิ่ง สีหน้าระวังและสงสัย ไม่รู้มีที่มายังไง หลินอิ่งอายุเพียงยี่สิบกว่า อายุน้อยขนาดนี้?
คุณชายตระกูลใหญ่ในตี้จิงที่อายุประมาณนี้ สวีถันโจวคิดว่าตัวเองอยู่ในแวดวงตระกูลผู้ดีตี้จิงมานาน ล้วนเคยเห็นหน้าทั้งนั้น
ไม่เคยเจอหลินอิ่งคนนี้เลย และไม่เคยได้ยินชื่อของเขาด้วย
“พี่สวี เขานั่นแหละ ไอ้ขยะแซ่หลินคนนี้ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ทำลายมือของผมกับน้องชาย ในโทรศัพท์ มันยังกล้าอวดดีกับพ่อผมด้วย” เผียวซิ่วชวนพูด มองหลินอิ่งตาเป็นไฟ
เผียวซิ่วชวนเกลียดมาก จนอยากเผากระดูกหลินอิ่งคืนนี้เลย หั่นแยกเป็นแปดชิ้น
“คุณชายเผียว คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ไอ้หน้าโง่สองคนนี้ คืนนี้เดินออกไปไม่ได้แน่” สวีถันโจวพูดอย่างใจเย็น และมั่นใจเต็มร้อย
เขาคิดว่า เหตุการณ์ในหอตี้เจียงอยู่ในการควบคุมของเขา
“หลินอิ่ง? ดูแล้ว แกน่าจะมาจากต่างจังหวัด? ไม่รู้ว่าเป็นคนตระกูลไหน แต่ว่า นี่ไม่สำคัญ”
สวีถันโจวพูดอย่างใจเย็น “มีปัญหากับตระกูลสวีในเขตตี้จิง ถึงแกจะเป็นมังกรก็ต้องหดตัวไว้ เป็นเสือ ก็ต้องหมอบไว้”
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา พูดว่า “ถ้าหากตระกูลสวีของคุณยังมั่นใจที่จะปกป้องเผียวซิ่วชวน ถ้าอย่างนั้นผมจะได้จัดการตระกูลสวีพร้อมกันเลย”
“แกเป็นใคร? กล้ามาขู่ฉัน?” โม่เฟยที่อยู่ข้างสวีถันโจว ชี้หน้าด่าหลินอิ่ง สีหน้าดูถูก “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกจะไปมีเบื้องหลังใหญ่โตอะไร? คุณชายตระกูลผู้ดีในตี้จิงอายุประมาณแก มีใครที่ฉันไม่เคยเห็น? ยังมาแกล้งทำตัวอยู่นี่อีก?”
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร? หาเรื่องใส่หัวแล้ว ยังกล้าอวดดีอีก?” โม่เฟยพูดอย่างดูถูก ไม่เห็นหลินอิ่งอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“มาจากไหนกัน ไอ้โง่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ยังกล้าจะจัดการตระกูลสวีพร้อมกัน? ไอ้บ้าเอ้ย แกคิดว่าแกเป็นใคร?” สวีถันโจวพูดอย่างเย็นชา ส่ายหัว ในใจยิ่งดูถูกหลินอิ่ง
ได้ยินคำพูดที่ตลกที่สุดในโลก
กล้าทำร้ายคุณชายชีซิงอย่างไม่กลัวตาย ยังกล้าพูดว่าจะจัดการตระกูลสวีพร้อมกัน?
ไอ้หลินอิ่งคนนี้มีความสามารถแค่ไหนกัน? จะรับมือกับสองตระกูลใหญ่ระดับโลกได้?
พูดตามตรง สวีถันโจวเคยเห็นคุณชายตระกูลผู้ดีที่มีเบื้องหลังใหญ่โตในแวดวงสังคมตี้จิงมาเยอะแล้ว
คนอายุน้อยที่จัดการรับมือกับสองบริษัทใหญ่ระดับโลกได้ คาดว่ายังไม่เคยมี
“จัดการพวกมันทุกคน จับตัวมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” สวีถันโจวพูดเสียงเฉียบขาด สะบัดมือ ออกคำสั่ง
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดชุดดำร่างใหญ่ยี่สิบกว่าคนก็เดินเรียงแถวมา เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาทุกคนจ้องไปที่หลินอิ่ง เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรู
เพราะพวกเขารู้ว่าหลินอิ่งมีความสามารถชิงปืนด้วยมือเปล่า คู่ต่อสู้ร้ายกาจขนาดนี้บางทีก่อนตายอาจจะลากใครไปด้วยก็ได้ ดังนั้นเลยไม่กล้าดูถูกฝีมือหลินอิ่ง
ตอนนี้ นิ่งจองอู่และลูกสาวหวาดกลัว หลบอยู่ข้างหลังของหลินอิ่ง
มีเพียงร่างอันเรียบเฉยของหลินอิ่งเท่านั้น ที่ให้ความปลอดภัยกับพวกเขาได้
มุมปากของหลินอิ่งมีแววโหดเหี้ยม เดินออกไปหนึ่งก้าว
ในเวลาเดียวกัน บอดี้การ์ดชุดดำยี่สิบกว่าคนนั้น หยิบมีดดำออกจากกระเป๋าตัวเองในเวลาเดียวกัน ฆ่าไปพร้อมกันทางหลินอิ่ง
พวกเขาทุกคนยืนประจำที่ทุกทิศ ให้ความร่วมมือกันได้อย่างดี ล้วนเป็นทหารที่ซ้อมรบปฏิบัติการมาพร้อมกันประจำ ฝีมือท่าทางกระฉับกระเฉง
เพียงแค่ชั่ววินาที หลินอิ่งก็เริ่มลงมือเร็วดั่งสายฟ้าแลบ เหลือไว้เพียงเงาในตำแหน่งเดิม
ปังปังปัง
หลินอิ่งฝ่ามือดั่งมีดเท้าแข็ง ท่าง่ายๆเพียงท่าเดียว เงาดั่งสายฟ้า ตัวกระแทกกับลมกลางอากาศจนเกิดเสียงดัง ทำให้คนที่มองตาลาย แยกแยะทิศทางไม่ออก
ในสายตาทุกคน เห็นเพียงจุดที่หลินอิ่งผ่าน ทั้งหมัดทั้งถีบบนตัวบอดี้การ์ดชุดดำ ความรุนแรงเหมือนดั่งรถแข่งพุ่งชน ชนจนบอดี้การ์ดชุดดำแต่ละคนกระเด็นไกลสิบเมตร ล้มกระแทกพื้นกระอักเลือด
“เอื้อกอ๊าก”
“อ๊าก”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังไม่ขาดสาย ร่างคนชุดดำลอยไปทีละคน
ไม่ถึงหนึ่งนาที ทหารรับจ้างฝีมืออาชีพที่ฝึกฝนมาอย่างดียี่สิบกว่าคน ก็ถูกหลินอิ่งต่อยจนกระอักเลือด ล้มอยู่บนพื้นกลิ้งไปมาเหมือนหมา