ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 360 บอกความลับของฉีหยิ่นให้คุณ
ชายหนุ่มคนนี้คิดจะเล่นอะไร
การต่อสู้ระหว่างตระกูลสวีกับตระกูลฉี นั่นมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสงครามระหว่างสองตระกูลมหาอำนาจแห่งตี้จิง พูดได้ง่ายดายเช่นนี้หรือ?
“ช่างเถอะ เรื่องของตระกูลสวี ยังไม่ถึงกับต้องให้คนนอกมาช่วย” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยเสียงเย็นชา โบกมือส่งแขก
“นายท่านสวี ถ้าไม่ให้ผมช่วย ต้องขออภัยด้วยผมต้องพูดตามตรง คุณ ไม่ใช่คู่คงต่อสู้ของฉีหยิ่น!” กงจิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณพูดอะไร?” สวีจิ่วหลิงสายตาจ้องไว้ที่กงจิ่ว อารมณ์เหมือนไฟที่พร้อมระเบิด
นี่มันเป็นการเหยียดหยามกันซึ่งๆหน้าเลย
ช่างใจกล้ายิ่งนัก เขาสวีจิ่วหลิงมีชีวิตมาแปดสิบเก้าปี ตั้งแต่คุมตระกูลสวีแห่งตี้จิงมา ยังไม่เคยมีใครกล้าดูหมิ่นต่อหน้าแบบนี้เลย!
“ไม่ต้องโกรธขนาดนั้น นายท่านสวี ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ไม่ว่าคุณจะกลัวฉีหยิ่นหรือไม่ ในใจคุณรู้ดีกว่าใคร ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงไม่กล้าแก้แค้นตระกูลฉี?” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น
“ผมจะบอกคุณคือ ความแข็งแกร่งของฉีหยิ่น เขาแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดไว้อีก เขาแค่ลงมือเพียงเล็กน้อย อำนาจที่คนนอกสามารถมองเห็นได้เท่านั้น คุณก็หวาดกลัวแล้ว ไม่มีผมช่วยคุณ ความโกรธแค้นของคุณ เกรงว่าถึงวันตายก็คงไม่สามารถแก้แค้นได้”
กงจิ่วพูดจาไม่น่าฟัง แต่ว่าพูดความจริงหมด เปิดบาดแผลของสวีจิ่วหลิงอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย และสาดเกลือบนบาดแผล
สวีจิ่วหลิงโกรธจนตัวสั่น คิ้วกระตุก
“คุณ คุณ คือคนของฉีหยิ่น? มาเพื่อทำผมโกรธ?” สวีจิ่วหลิงถามด้วยเสียงต่ำ “รู้ไหมว่าที่นี่คือตระกูลสวี แค่คำสั่งเดียว คุณมีปีกก็หนีไปได้ยาก”
เผชิญหน้ากับคำเตือนของสวีจิ่วหลิง ใบหน้ากงจิ่วไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย แค่ส่ายหน้า
“นายท่านสวี ผมพูดตั้งแต่แรกแล้ว ฉีหยิ่น คือศัตรูคนเดียวกันของพวกเรา” กงจิ่วพูดเบาๆ“ผมมา เพื่อจะบอกความลับเกี่ยวกับฉีหยิ่นให้คุณรู้”
“ผมไม่อยากฟัง และไม่อยากรู้เรื่องของฉีหยิ่น” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยความโกรธ “คุณ ออกไปจากตระกูลสวีเดี๋ยวนี้ อย่าบีบบังคับให้ฉันต้องโมโห ส่งแขก”
“ฮาฮา ตระกูลสวีแห่งตี้จิง ก็แค่นี้เองหรือ!”
“สวีจิ่วหลิงที่ถูกเรียกว่าเสาหลักอันแข็งแกร่งแห่งตงหลิงในอดีต ยิ่งใหญ่และมีอำนาจแค่ไหน? แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กรุ่นหลังอย่างฉีหยิ่นทำให้หวาดกลัวจนขี้ขลาด ตลกสิ้นดี”
“คิดสักว่าผมไม่เคยมาตระกูลสวีแล้วกัน ลาก่อน”
กงจิ่วหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ ทำท่าแบมือจากนั้นหมุนตัว
“ช้าก่อน”
สวีจิ่วหลิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา หน้าผากมีเส้นเลือดออกมา
รู้ทั้งรู้ว่ากงจิ่วตั้งใจยั่วโมโหเขา แต่เขาก็อดไม่ไหว!
ใช่ เหตุการณ์รุนแรงที่ฉีหยิ่นทำต่อตระกูลสวีหลายครั้ง ตอนนี้เขาทำจิตใจของคนแก่ตระกูลสวีคนนี้ล่มสลายไปแล้ว หลายสิบปีที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้สิ่งที่สะสมมา ก็โดนฉีหยิ่นทำลายจนหมด โมโหกระวนกระวายทุกวัน เจอเรื่องไม่อาจใจเย็นได้
ฉีหยิ่น ก็เหมือนหนามในใจเขา หนามในตา!
ไม่ว่าข่าวอะไรเกี่ยวกับคนนี้ ก็ทำให้เขาโกรธ แทบรอไม่ไหวที่ฆ่าลูกหลานตระกูลฉีคนนี้อย่างเร็ววัน!
“คุณพูดเลย ฉีหยิ่นมีความลับอะไร? คุณมีสิทธิ์อะไรมาร่วมมือกับตระกูลสวี?” สวีจิ่วหลิงใจเย็นลงมา ถามด้วยเสียงต่ำ
กงจิ่วหมุนตัว ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างได้ใจ พูด “ผมมีสิทธิ์อะไร? นายท่านตระกูลสวี ต่อไปมีโอกาสให้คุณเห็น”
“ฉีหยิ่น คือผู้อาวุโสลึกลับของตระกูลนิ่ง” กงจิ่วพูดเสียงเรียบ มองสวีจิ่วหลิง “นายท่านสวี คุณมีความมั่นใจที่จะแบกรับอำนาจทั้งหมดของทั้งสองตระกูลใหญ่ได้ไหม?”
“ฉีหยิ่น……คือผู้อาวุโสของตระกูลนิ่ง?” สวีจิ่วหลิงสีหน้าตกใจ โดนข่าวนี้ทำให้ช็อก
เขาก็ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงของตระกูลนิ่ง รู้ว่าตระกูลมีผู้อาวุโสกลับมา นิ่งไท่จี๋ที่เป็นรุ่นเดียวกับเขาก็เกษียณ ยอมเอาตระกูลนิ่งให้ผู้อาวุโสดูแล
เพียงแต่ เขาไม่อาจเชื่อได้ อาวุโสลึกลับท่านนี้ คือฉีหยิ่น?
เป็นไปได้ยังไง? นี่มันพลิกผันจากความเข้าใจตามปกติอย่างสิ้นเชิง
ฉีหยิ่นมีความสามารถเก่งขนาดนี้ อายุยังน้อยก็คุมตระกูลฉีแห่งตี้จิง กอบกู้ตระกูลฉีกลับมาพูดได้เลยว่าตลอดชีวิตเขา เป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แต่ฉีหยิ่นอายุเท่าไรเอง? อายุยี่สิบต้นๆ ก็สามารถเป็นผู้อาวุโสของตระกูลนิ่ง?
ต้องรู้ว่า ถ้าเรียบเรียงตามรุ่น ฉีหยิ่นเป็นรุ่นหลานของนิ่งไท่จี๋ ปู่ของฉีหยิ่นฉีเวิ่นติ่ง กับนิ่งไท่จี๋ก็คือรุ่นเดียวกัน ทั้งสองมีตำแหน่งฐานะเท่าเทียมกัน
นิ่งไท่จี๋ทำไมถึงยอมก้มหัวให้คนรุ่นหลาน? ยังเอาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลนิ่งให้ฉีหยิ่นอีก? นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
เรื่องนี้อย่าบอกว่าเขาไม่เชื่อเลย พูดออกไป แม้แต่ปู่ของเขาฉีเวิ่นติ่งก็คงจะไม่เชื่อ?
“คุณกำลังล้อเล่นอะไร? ฉีหยิ่นใช้สิทธิ์อะไรถึงทำนิ่งไท่จี๋ยอมก้มหัวได้ เอาธุรกิจตระกูลให้เขา?” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเรียบเฉย
“นายท่านสวีไม่เชื่อเหรอ?” กงจิ่วพูดด้วยสีหน้าหยอกล้อ “คุณไม่สงสัยหรือ ว่าทำไมฉีหยิ่นถึงออกคำสั่งคนตระกูลนิ่งได้และนิ่งซวนถึงได้ออกหน้าไปช่วย?”
“มิตรภาพของตระกูล ฉีหยิ่นรู้จักนิ่งซวน นี่มีอะไรน่าแปลกใจ?” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเชื่องช้า
“นายท่านสวี คุณประเมินฉีหยิ่นต่ำไปแล้ว ความสามารถในการสืบหาข่าวกรองของตระกูลสวีแย่เกินไปแล้ว” กงจิ่วส่ายหัว “แต่ว่าก็ไม่แปลก ความสามารถของฉีหยิ่น เก่งกว่าปู่ของเขาฉีเวิ่นติ่ง อำนาจของฉีเวิ่นติ่งคุณยังเทียบไม่ได้ แล้วจะสืบเรื่องของฉีหยิ่นได้อย่างไร?”
“เหอะ ถ้าไม่ใช่เพราะผมเกรงกลัวฉีเวิ่นติ่ง ก็ฆ่าฉีหยิ่นตั้งนานแล้ว หากฉีหยิ่นไม่ใช่หลานของฉีเวิ่นติ่ง ไม่ใช่สายเลือดลูกหลานคนเดียวของตระกูลฉี เขาจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เหรอ?” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างได้ใจ
“ผู้อาวุโสลึกลับของตระกูลนิ่งท่านนี้ เมื่อก่อนผมก็เคยได้ยิน เป็นยอดฝีมือเหนือคนธรรมดา ที่อายุเกินร้อยแล้ว ลึกลับมาก แม้แต่คนของตระกูลนิ่งก็ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริง ส่วนนิ่งไท่จี๋ จะเป็นคนโง่หรือไง? ยอมส่งมอบตระกูลนิ่งไปในมือของฉีหยิ่นด้วยความเต็มใจ?”
สวีจิ่วหลิงต่อให้ตายก็ไม่อยากเชื่อ ฉีหยิ่นจะเป็นองค์จักรพรรดิของตระกูลนิ่งคนนั้น
เพราะว่า จะเหยียบย่ำตระกูลใหญ่ในตี้จิงก็ทำได้ จะฆ่าล้างตระกูลใหญ่หนึ่งตระกูลก็ทำได้ แต่ว่า ทำให้นายท่านตระกูลใหญ่หนึ่งตระกูล ยอมเอากิจการทั้งหมดของตระกูลยกให้คนนอก นี่มันยากเกินไปแล้ว ไม่มีวันเกิดขึ้นได้!
ก็เหมือนกับเขาสวีจิ่วหลิง ถูกฉีหยิ่นเหยียบย่ำ ยอมกลืนความโกรธแค้นนี้ ถ้าทนไม่ไหว ก็สู้กับฉีหยิ่น สู้ไม่ได้ก็คงยอมโดนฆ่าทั้งตระกูล
ถ้าหากบอกให้เขาสวีจิ่วหลิงเอาธุรกิจของตระกูลสวีมอบให้ฉีหยิ่นเป็นของกำนัลด้วยตัวเอง? เขายอมให้ตระกูลสวีตายหมด ก็ไม่มีวันให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ยอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ เป็นไปไม่ได้ที่นิ่งไท่จี๋จะไม่เข้าใจหลักการนี้
นอกจาก ฉีหยิ่นมีฝีมือความสามารถที่ทำให้นิ่งไท่จี๋ยอมเคารพอย่างเต็มใจ
แต่ ฉีหยิ่นเด็กหนุ่มที่อายุเพียงยี่สิบต้นๆ จะสามารถทำให้นิ่งไท่จี๋เคารพได้หรือ?
จากที่สวีจิ่วหลิงดูมา ฉีหยิ่นยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งเพราะเขาเป็นสายเลือดเดียวของตระกูลฉี ได้สืบทอดอำนาจทั้งหมดของตระกูลฉี
เพราะว่าตระกูลฉีมีแค่เขาฉีหยิ่นเพียงคนเดียว สามารถใช้อำนาจของตระกูลฉียังไงก็ได้ตามใจชอบ ถึงแม้จะสร้างความเป็นศัตรูกับทุกคนในตี้จิงจนหมดสิ้น สร้างความขุ่นเคืองทั้งคนทั้งเทพ สุดท้ายก็มีเขาตายแค่คนเดียว
คนบ้าคลั่งที่ไร้ข้อต้องห้ามอย่างฉีหยิ่น ใครอยากจะไปมีเรื่องด้วย?
“นายท่านสวี คุณลืมเรื่องที่ฉีหยิ่นฆ่าล้างตระกูลเหวินแล้วหรือ?” กงจิ่วพูดด้วยใบหน้ายิ้ม