ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 376 หลินอิ่ง นายคิดว่านายเป็นใคร?
เมื่อได้ยินคำพูดแดกดันของหยังเสียง ใบหน้าของหลุ่ยซานกวนกลายเป็นสีแดงเหมือนตับหมู
“ประธานหยัง คุณต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้จริงๆหรอ?” หลุ่ยซานกวนดื้อดึง ต้องการกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมาต่อหน้าเพื่อนๆ “คุณตบผมอย่างไม่มีสาเหตุ พ่อของผมก็คงไม่ปล่อยไปแบบนี้!”
หยังเสียงมองไปยังหลุ่ยซานกวนและพูดว่า “นายยังแกล้งทำเป็นกล้า? บริษัทติ่มซำของบ้านนายอยู่ในระดับไหนนายไม่รู้หรอ?”
“กล้าเรียกบอดี้การ์ดมาจัดการกับประธานหลิน ฉันว่านายกำลังรนหาที่ตาย!”
ในขณะที่พูด ประธานหยังก็ดีดนิ้ว ทำสัญญาณให้บอดี้การ์ดลงมือได้
เสียงดังตุ๊บตับ บอดี้การ์ดหลายคนที่สวมชุดสูทผลักหลุ่ยซานกวนล้มลงบนพื้น แล้วยกเก้าอี้ขึ้นมา ฟาดไปหลายครั้ง จนใบหน้าของหลุ่ยซานกวนบวมช้ำดำเขียว หัวแตกเลือดอาบ กุมศีรษะและขอร้อง
“ไม่ต้องตีแล้ว! เดี๋ยวหน้าเสียโฉม!” หลุ่ยซานกวนตะโกนด้วยความเจ็บปวด
หลุ่ยซานกวนยิ่งตะโกนเสียงดัง บอดี้การ์ดหลายคนก็ลงมือหนักขึ้น ตีจนเขาลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น จนน้ำหูน้ำตาไหล ทำให้คนในร้านอาหารหัวเราะเยาะ อับอายขายขี้หน้ามาก
หลุ่ยซานกวนเหมือนกับหมาที่ตายอยู่บนพื้น ในใจข่มขืน เดิมทีขอให้ประธานหยังมาช่วยเหลือตัวเอง จัดการไอ้ไร้ค่าหลินอิ่ง สุดท้ายกลับโดนเขาตีอย่างรุนแรง?
“ประธานหลิน ไอ้โง่คนนี้มาลามปามคุณ คุณว่าจะจัดการเลยมั้ย?” หยังเสียงพูดด้วยความเคร่งขรึม
หยังเสียงเป็นคนรู้ความ เรื่องนี้เกิดขึ้นในร้านอาหารผองเฟย เขาในฐานะที่เป็นเจ้าของเรื่อง งั้นก็ต้องจัดการอย่างยุติธรรม
หลุ่ยซานกวนมาเยาะเย้ยหลินอิ่งแบบนี้ แถมยังเอารูปของคุณนายหลินมาพูดสนุกปาก กล้าคิดอะไรกับคุณนายหลิน?
ถึงแม้จะไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของประธานหลิน แต่ว่าตามวิธีการจัดการของเจ้านายหวู่เฟยคนก่อน
หวู่เฟยต้องให้พี่น้องในกลุ่มของเขา มาโยนคนในครอบครัวของหลุ่ยซานกวนทั้งหมดลงในแม่น้ำเซียงเจียง
“เขาไม่ใช่บอกว่าพ่อของเขามีอำนาจหรอกหรอ? รอให้พ่อของเขามาก่อน” หลินอิ่งพูดอย่างเฉยเมย
“ครับ!” หยังเสียงพยักหน้าด้วยความเคารพ
“นี่? ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ลู่จิ้ง เธอไม่ใช่พูดว่า พี่เขยของเธอหลินอิ่งที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงเป็นคนไม่ได้เรื่องไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานหยัง?” ใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่งเปลี่ยนไปเลย และถามลู่จิ้งเบาๆ
“ก็ใช่ไง ลู่จิ้ง เธอคงไม่ได้หลอกเราอยู่ใช่ไหม? นี่ เหมือนกับลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องตรงไหน?”
เมื่อกี้คนที่เยาะเย้ยหลิ่นอิ่งตามคนอื่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้เลย ไม่กล้าที่จะมองไปยังหลินอิ่งโดยตรง
แม้แต่ประธานหยังยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามใจชอบ เป็นเหมือนกับที่ลู่จิ้งพูดตรงไหน ลูกเขยที่ไร้ความสามารถไม่ได้เรื่อง?
หลินอิ่งยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทางที่สงบ มีประธานหยังยืนอยู่ข้างๆคอยประจบประแจงด้วยรอยยิ้ม
ในท่าทางนี้ หลินอิ่งเป็นคนที่ไม่พูดไม่จาคนหนึ่งอย่างชัดเจน
ถ้ารู้ว่า คนที่ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็อาจจะเจ้าอารมณ์น้อยกว่า
“ฉัน ฉัน! เขาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ คือคนที่เกาะพี่สาวฉันกิน” ลู่จิ้งพูดอย่างไม่พอใจ “สามารถรู้จักกับประธานหยังได้ นั้นก็เป็นเพราะว่าเส้นสายของพี่สาวฉัน เขาแค่ทำตัวเหมือนเสือก็เท่านั้นเอง!”
ลู่จิ้งมองหลินอิ่งอย่างไม่พอใจ ตีให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ หลินอิ่งจะมีความสามารถอะไรได้ ต้องกำลังพูดพร่ำทำเพลงอย่างแน่นอน
เธอเคยได้ยินคุณป้าลู่หย่าฮุ่ยพูดกับคุณลุงจางซิ่วเฟิงพูดถึงการกระทำของหลินอิ่ง เป็นคนไร้ที่เกาะผู้หญิงกิน
หลินอิ่งคนนี้ แม้แต่พ่อตาแม่ยายก็ยังดูถูกเขา เขาก็แค่ลูกเขยที่ไม่ได้เรื่อง จะมีความสามารถอะไรได้?
“หลินอิ่ง นายอย่าทำเกินไป? พวกคุณชายหลุ่ยเป็นเพื่อนของฉัน! นายอาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาวฉัน อยากจะทำอะไรก็ได้ในที่ตรงนี้ ฉันจะบอกกับพี่สาวของฉัน”ลู่จิ้งพูดอย่างไม่พอใจ
หลินอิ่งมองไปยังลู่จิ้งแล้วพูดว่า “ทำสิ่งที่ตัวเองควรทำ เธอยังเรียนมหาลัยอยู่ เป็นนักศึกษาคนหนึ่ง วันวันเอาแต่ไปเทียบกับคนอื่นไร้สาระ ยังเหมือนนักศึกษาอยู่อีกหรอ?”
“เธอยังเรียนอยู่ที่มหาลัยแห่งตี้จิง พี่สาวของเธอติดตามเธอตลอด และคาดหวังกับเธอมาก ฉันไม่สนใจว่าเธอจะมีอคติอะไรกับฉัน แต่ว่าฉันหวังว่า อย่าทำให้เธอผิดหวัง”
ลู่จิ้งใบหน้าแดงก่ำและพูดอย่างเย็นชา “นายไอ้คนไร้ประโยชน์มีสิทธิ์อะไรมาสอนฉัน? ยังเอาพี่สาวของฉันมากดดันฉัน? นายก็แค่คนที่เกาะผู้หญิงกิน!”
หลินอิ่งส่ายหัว เห็นแก่ฉีโม่ เขาถึงพูดสองคำนี้
ลู่จิ้งไม่ฟังอะไรเลย ตอนเรียนอยู่ก็รู้จักไล่ตามความทรนงในศักดิ์ศรี คิดหาทุกวิถีทางเข้าหาวงการของลูกคนรวย หลงระเริงในความหรูหรา
ในโลกของวัตถุนิยม เธอคงคิดว่ารู้จักกับบุคคลที่เก่งและมีอำนาจเยอะหรอ
แต่กลับไม่รู้ ว่าได้ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดนั่นก็คือ ความธรรมดาเรียบง่าย
“เธออยู่ข้างนอกจะเป็นยังไงก็ช่างฉันขี้เกียจไปยุ่ง แต่ว่า ฉันจะบอกเธอให้นะ เธอไม่ต้องเอาพี่สาวของเธอมาโอ้อวด!”หลินอิ่งมองไปยังลู่จิ้งด้วยสายตาที่เย็นชา
“ฉัน……”ลู่จิ้งอยากตอบอะไรกลับไป แต่เห็นแววตาที่เย็นยะเยือกหลินอิ่ง ก้มหัวลงอย่างไม่เต็มใจ
“หยังเสียง ส่งเธอออกไป”หลิยอิ่งพูดอย่างเฉยเมย
ผู้จัดการหยังพยักหน้า ส่งสัญญาณทางสายตาให้บอดี้การ์ดลงมือ พยุงลู่จิ้งเดินออกไปยังร้านอาหารผองเฟย
ในเวลานี้ ก็มีชายวัยกลางที่สวมชุดสูทสีเทาคนหนึ่ง เดินเข้ามายังร้านอาหารผองเฟยอย่างรีบร้อน
“ประธานหยัง เกิดอะไรขึ้น? ลูกชายผมทำอะไรให้คุณโกรธเคืองแล้วใช่มั้ย?”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยเหงื่อ เดินไปยังข้างกายหยังเสียงด้วยความตื่นตระหนก
“พ่อ! พ่อมาแล้ว! หยังเสียงเขาไม่สนใจว่าใครผิดใครถูกก็ลงมือกับผม พ่อต้องช่วยผมทวงความยุติธรรมคืนมา!”
“เขาต้องการช่วยคนที่มาจากมณฑลบ้านนอก เป็นลูกเขยที่ไม่ได้เรื่อง ก็ทุบตีผมจนเป็นแบบนี้!”
ใบหน้าของหลุ่ยซานกวนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พอเห็นพ่อของเขามา ก็เริ่มตะโกนเสียงดัง
หลุ่ยหวนมองไปยังหยังเสียงด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “ประธานหยัง พวกเราก็นับว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ นายทำแบบนี้ มันจะมากเกินไปหรือเปล่า?”
“เกินไป?” หยังเสียงส่ายหัวและหัวเราะอย่างเย็นชา “หลุ่ยหวน นายรู้มั้ยว่าลูกชายของนายทำเรื่องโง่ๆอะไรลงไป?”
หลุ่ยหวนคือเจ้าของบริษัทอาหารและเครื่องดื่มบริษัทหนึ่ง ในถนนอาหารที่อยู่ใกล้เคียงนี้ก็มีชื่อเสียงอยู่บ้าง
ซึ่งมีมูลค่ากว่าหนึ่งถึงสองพันล้าน
ปกติเขาและหลุ่ยหวนมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ก็จะให้ความเกรงใจหน่อย แต่ว่านี้มันเกี่ยวข้องกับประธานหลินเจ้าของคนใหม่ของร้านอาหารผองเฟย จะต้องลงมือจัดการอย่างไร้ความปรานี
หลุ่ยหวนขมวดคิ้วมองดูลูกชายที่หน้าดำช้ำเขียว ก้มหัวแล้วพูดคุยกับหลุ่ยซานกวนลูกชายของเขา
“งั้นเอาแบบนี้ ประธานหยัง นายก็ถือสาว่าเห็นแก่หน้าฉัน ปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไป” หลุ่ยหวนพูดอย่างเคร่งขรึม “แต่ว่า นายต้องส่งตัวหลินอิ่งคนนี้มาให้ฉันจัดการ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะว่าคนที่มาจากมณฑลบ้านนอกคนนี้”
“นายจะจัดการฉัน?” หลินอิ่งมองไปยังหลุ่ยหวนและถามอย่างเฉยเมย
หลุ่ยหวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นายคิดว่านายเป็นใคร? ลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องที่มาจากมณฑลอื่น ชื่อหลินอิ่งใช่ไหม? ยังมาทำเป็นกล้าอยู่ที่นี่อีก?”
“ประธานหยัง ทางที่ดีอย่าไปสนิทสนมกับคนแบบนี้จะดีกว่า พึ่งพานายและหาเรื่องไปทั่ว สร้างแต่ปัญหา ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดภัยครั้งใหญ่”
บูม!
ทันทีที่พูดจบ หลินอิ่งพุ่งเข้าไปเตะหลุ่ยหวน รองเท้ากดเหยียบใบหน้าของหลุ่ยหวนอย่างแรง เหยียบจนเขากระอักเลือด