ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 390 พวกคุณทุกคนพร้อมกัน
“แกยังกล้าอวดดีขนาดนี้อีก” โม่เก๋อติงมองหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม จนเห็นเส้นเลือดบนหน้าผาก ถูกคำพูดของหลินอิ่งกระตุ้น
ช่างอวดดีจริง ยังมาเรียกให้พวกเขาขึ้นไปหมดทุกคน? คนเดียวไม่พอฆ่า?
“แกจะขึ้นเวทีต่อสู้เอง? แกคิดว่าตัวเองเป็นเทวดา?” โม่เก๋อติงพูดเสียงเย็นชา “ถ้าหากแกอยากตายขนาดนี้ ฉันก็จะทำให้แกสมหวัง”
เท่าที่เขาดูแล้ว วิธีของหลินอิ่งมันบ้าคลั่งอวดดีเกินไป ไม่ได้เห็นเขากับเซียวจวงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
นี่มันเหยียดหยามขนาดไหน?
เห็นพวกเขาเป็นฝูงมดเหยียบได้อย่างเต็มที่
ทนไม่ได้ ทนไม่ได้เด็ดขาด
“แต่ว่า ผมว่าต้องเพิ่มความสนุกเข้าไปหน่อย ลำพังแค่ออกจากเมืองก่าง ยังไม่พอ” หลินอิ่งพูดอย่างใจเย็น “จะเล่น ก็เล่นให้มันใหญ่หน่อย เดิมพันชีวิตคุณด้วย”
“แกยังจะให้ฉันเดิมพันชีวิต?” โม่เก๋อติงลุกขึ้นด้วยความโมโห จ้องหน้าหลินอิ่งตาไม่กะพริบ “ดูท่าแกคงบ้าไปแล้ว คิดว่าไม่มีใครสู้แกได้เหรอ?”
“ทำไม ให้พวกคุณเรียกทุกคนขึ้นไป กลับกลัวกันแล้ว?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “ผมไม่มีเวลามาเสียเวลากับพวกคุณที่นี่ พวกคุณมียอดฝีมือเท่าไหร่ เรียกออกมาครั้งเดียว ขึ้นไปให้หมด”
“แกต้องชดใช้กับความบ้าคลั่งอวดดีของแก ไอ้คนประเทศหลุงหน้าโง่” โม่เก๋อติงพูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“ขึ้นไปให้หมด ขึ้นไปซ้อมมันให้พิการบนเวที”
พูดไป โม่เก๋อติงโบกมือ ก็มีชายชุดดำชาวต่างชาติเจ็ดแปดคนกระโดดขึ้นเวที
“เหอะเหอะ หลินอิ่ง แกรนหาที่ตายเอง จะพนันกับเราสองคนพร้อมกัน? แกยังจะขึ้นเวทีสู้เอง?” เซียวจวงก็หัวเราะเย็นชา “ฉันจะทำให้แกสมหวัง ขึ้นเวทีให้หมด”
ทันใดนั้น บนเวทีก็มีนักฆ่าขึ้นไปยี่สิบคน หัวหน้าสองคนในนั้น คนหนึ่งยอดฝีมือชุดจีนถูกเรียกว่าแก๊งเสือเขตใต้ อีกคนสีหน้าโหดเหี้ยม ร่างสูงใหญ่เป็นคนต่างชาติ
“โอ้แม่เจ้า บ้าคลั่งขนาดนี้เหรอ? ไอ้แซ่หลินนั่น จะขึ้นเวทีเอง? ยังจะสู้หนึ่งต่อคนเยอะขนาดนี้? ยังพูดว่าไม่พอมันฆ่า? คนอะไรเนี่ย บ้าคลั่งขนาดนี้?”
“มันจริงๆ มันสุดๆ ฉันยังอยากลงพนันให้กับหลินอิ่งแล้ว นี่มันจะMANเกินไปไหม?”
หญิงสาวคนหนึ่งตาเป็นประกาย มองหลินอิ่งอย่างคลั่งไคล้
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ นายทุนขึ้นเวทีเอง? ยังให้ฝ่ายตรงข้ามขึ้นเวทีหมด นี่มันบ้าคลั่งขนาดไหน? ไม่ได้เห็นคุณชายเซียวกับประธานโม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย”
คราวนี้ บรรยากาศในสนามเฮฮากันจนระเบิด ทุกคนลุกขึ้นจากที่นั่ง สีหน้าตื่นเต้น สายตาต่างจ้องไปที่ตัวของหลินอิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความตะลึงและตั้งตารอคอย
“ประธานหลิน ระวังด้วยครับ คนที่โม่เก๋อติงส่งขึ้นเวทีคือราจิง เคยเป็นครูฝึกใหญ่ของหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติที่หนึ่งของราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ฝีมือเก่งกาจ เขาสู้เอาชนะฮาเดส” คริสพูดเตือนอยู่ด้านข้าง “ส่วนชายชุดจีนลูกน้องของเซียวจวงนั้น ชื่อหูโหม่ง เรียกกันว่าแก๊งเสือเขตใต้ เคยเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งวิชาการต่อสู้เขตใต้ ในถิ่นเขตใต้ต่อสู้ในเวทีใต้ดินเอาชนะคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน”
“ไม่ต้องห่วง”
หลินอิ่งมือกอดอก จากความสนใจของทุกคนในสนาม เดินออกไปอย่างสบายใจ ก้าวเดียวถึงเวที
“เหอะๆ ไอ้หนุ่มประเทศหลุง ฉันนับถือในความกล้าของแกมาก แต่ว่า ฉันก็จะฉีกเนื้อแกให้เป็นชิ้นๆ” ราจิงผมหยิกสีทอง พูดอย่างดูถูก
“หลินอิ่ง ได้ยินว่ากังฟูแกใช้ได้? แต่ว่าแกอวดดีเกินไป กล้าท้าทายทุกคน แกรู้ไหมว่าบนเวทีมีใครบ้าง? ใครไม่ใช่นักฆ่ามือเปื้อนเลือดมาก่อน?” หูโหม่งพูดเย็นชา
“ประธานโม่ คุณชายเซียว พวกท่านว่า ไอ้หลินอิ่งนั้นจะชนะไหม?” หนีซิงถาม
“ไอ้หนุ่มนั่นคิดว่าตัวเองวิชาสูงส่ง รนหาที่ตายชัดๆ” เซียวจวงพูดอย่างดูถูก
“ฉันว่ามันอ่ยางมากก็ยืนได้แค่หนึ่งนาที เดี๋ยวก็ถูกซ้อมจนพิการคุกเข่าอยู่บนเวที ไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาจะมีวิชาแค่ไหนเชียว คิดว่าตัวเองไร้คู่ต่อสู้ คนด้อยความสามารถอวดดีชัดๆ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทำตัวผยอง ไม่เห็นคนอื่นในสายตา? เหอะ” โม่เก๋อติงสายตาเย็นชา พูดอย่างเยาะเย้ย
โม่เก๋อติงกับเซียวจวงถึงแม้จะเกรงกลัวความสามารถของหลินอิ่ง แต่ลูกน้องทั้งหมดไปสู้กับหลินอิ่ง นั่นก็ไม่มีอะไรให้ห่วง ชนะแน่
หูโหม่ง คือเจ้าสำนักแห่งแก๊งเสือเขตใต้ คิดค้นหมัดแก๊งเสือเองเป็นคนระดับปรมาจารย์ ในแวดวงนักสู้ลึกลับก็มีชื่อเสียงพอสมควร คนที่ตามเขาขึ้นเวที ก็เป็นยอดฝีมือที่หูโหม่งสอนมาเองกับมือ
ราจิง ครูฝึกใหญ่ของหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติที่หนึ่งของราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ คนที่พาขึ้นเวทีล้วนที่ยอดฝีมือหน่วยรบพิเศษ
สำหรับกองทัพบนเวทีนี้ ถึงแม้จะไม่มีอาวุธ ก็สามารถสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างที่พร้อมอาวุธได้หนึ่งกลุ่มอย่างสบาย
สำหรับหลินอย่างท่าทางผอมแห้ง ถึงแม้กังฟูจะใช้ได้ จะเอาอะไรไปชนะคนพวกนี้?
ปัง
เวลาเดียวกัน มีเสียงดังขึ้นบนเวที หูโหม่งสะบัดแขน เสียงดังเปรี๊ยงปร้าง เหมือนดั่งเสียงฟ้าผ่า แรงบางอย่างปลิวขึ้นจากชุดจีนของเขา จากนั้นก็เห็นกล้ามเนื้อที่แน่นหนาและเส้นเอ็นที่เห็นได้ชัดเจน
เห็นได้ชัดว่า เป็นคนฝึกวิชาการต่อสู้มาระดับไหน เสียงกระดูกดั่งสายฟ้า ฝึกฝนอีกหลายปี อาจจะได้วิชากำลังภายใน
ส่วนราจิงเดินเข้าหาหลินอิ่งทีละก้าว เดินแต่ละก้าว พื้นซีเมนต์บนเวทีก็มีรอยแตก เสมือนแบกรับร่างอันใหญ่ยักษ์ของเขาไม่ไหว เห็นได้ว่าแรงเยอะขนาดไหน
หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก ดูออกว่า สองคนนี้ฝีมือใช้ได้ ฝีมืออยู่เหนือฮาเดส สามารถฆ่าล้างแปดทิศได้
“ไม่จำเป็นต้องโชว์ความสามารถของพวกคุณ ไม่มีประโยชน์” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
พูดจบทันใดนั้น ร่างของหลินอิ่ง ก็หายไปจากที่เดิม
ราจิงกับหูโหม่งสีหน้าเปลี่ยนทันที แววตาตกตะลึง ในหูยังเป็นน้ำเสียงอันเย็นชาของหลินอิ่ง ดวงตากลับไม่เห็นคนแล้ว
ซิ๊ว
ทันใดนั้น เสียงลมกระแทก
ร่างหลินอิ่งเคลื่อนไหวดั่งวิญญาณ เคลื่อนไหวไปมาบนเวที
คั๊ก คั๊ก คั๊ก คั๊ก
เสียงกระดูกดังไม่หยุด ภาพที่น่าหวาดกลัวเกิดขึ้นแล้ว
เห็นเพียง นักฆ่าแต่ละคนที่ขึ้นไปบนเวที คอถูกคนหมุนกะทันหัน แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มี ก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้ลมหายใจ
แม้แต่ร่างของหลินอิ่งก็มองไม่เห็น ยอดฝีมือสิบกว่าคนก็ตายคาที่
ชั่วเวลาเดียว ความเงียบปกคลุม
ไม่มีเลือด แต่กลับทำให้ทุกคนในสนาม รู้สึกหวาดกลัวตัวสั่น
ราจิงกับหูโหม่งสายตาตะลึง ในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ร่างสั้นเหมือนตกอยู่หลุมน้ำแข็ง
คู่ต่อสู้อย่างหลินอิ่ง น่ากลัวเกินไป
“แกเล่นอะไรของแก? กล้ามาลองฝีมือซึ่งๆหน้ากับฉันไหม?” ราจิงพูดเสียงเย็นชา
ปัง
หลินอิ่งหยุด แล้วพุ่งเข้าไป ยกขาฟาดไปที่ร่างใหญ่ของราจิง เสียงดังกลางอากาศ แรงสะเทือนสั่นไหว ร่างทั้งร่างกระเด็นออกไป ปลิวออกไปเหมือนว่าว กระแทกจนกำแพงแตก จนเป็นหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็กระแทกกับกระจกนิรภัย ปลิวออกไปจากชั้นหกสิบกว่า
หันกลับมา หลินอิ่งฟาดฝ่ามือลงไป เสียงลมกระแทก ฝ่าเข้าไปตรงไหล่ของหูโหม่ง
ทันใดนั้น กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของหูโหม่ง ความเร็วที่สามารถมองเห็นด้วยตา แบนราบไปอย่างรวดเร็ว เหมือนดั่งลูกโป่งถูกปล่อยลม
“เอื้อกอ้า”
ดวงตาหูโหม่งค่อยๆไร้แวว ปากกระอักเลือกออกมาไม่หยุด ร่างทรุด เสียงกระดูกดังเปรี๊ยงปร้าง เส้นเอ็นแตกไปทีละเส้น
ร่างทั้งร่าง ตาเบิกกว้าง เหมือนไม่มีกระดูกคอยยึดตัว อ่อนตัวล้มลงไปกระแทกพื้น ไร้ลมหายใจ
หูโหม่งจนตายก็ไม่อยากเชื่อ ร่างกายแข็งแกร่งกระดูกเหล็กที่เขาฝึกฝนมาเป็นสิบปี สามารถขวางรถพุ่งชนได้ ทักษะพลังแข็งแกร่ง แต่กลับถูกหลินอิ่งฝ่ามือเดียวก็ทะลุไปทั้งร่าง กระแทกจนร่างอ่อนไปทั้งร่าง
ทุกคนเงียบสงบ ทุกคนต่างตะลึงอ้าปากตาค้าง จนสามารถได้ยินเสียงใบไม้ร่วง
หลินอิ่งมือกอดอกยืนบนเวที สีหน้าเรียบเฉย นิ่งดั่งน้ำบาดาล
ส่วนเซียวจวงกับโม่เก๋อติง สีหน้าซีดขาวไปทันที