ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 4 นิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่
บทที่ 4 นิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่
เมืองชิงหยูนเขตตะวันออก อาคานิ่งซื่อ
ตึกอาคารมีทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าชั้น ซึ่งเป็นตึกอาคารที่สูงใหญ่ตระหง่าน และตั้งอยู่ใจกลางเมืองด้วย
ที่นี้เป็นแปลงที่ดินที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในใจกลางเมืองชิงหยูนอีกทั้งอาคานิ่งซื่อ ยังเป็นสถาปัตยกรรมเป็นแบบทันสมัยของเมืองชิงหยูนด้วย
เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่นิ่งซื่อกรุ๊ปมาตั้งบริษัทที่เมืองชิงหยูนชั่วคราวนั้น สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งเมืองตุงไห่
เพราะนี้เป็นอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล ตระกุลนิ่งของตี้จิง ซึ่งเป็นตระกูลที่สูงส่งที่สุดของประเทศหลุง
ก่อนที่จะมาถึงตึกอาคาร หลินอิ่ง เดินเข้าห้องโถงต้อนรับแขกก่อน
“ไม่ทราบว่าคุณมาติดต่อใครค่ะ?” พนักงานต้อนรับผู้หญิงซักถามแขกขึ้น
“ผมมาหา นิ่งซวน ประธานของพวกคุณครับ” หลินอิ่ง พูดขึ้น
“คุณมาหาประธานนิ่ง หรอครับ? ไม่ทราบว่าคุณนัดหมายล่วงหน้าหรือยังค่ะ?” พนักงานบริการหญิงซักถามด้วยความสงสัยขึ้น
ชายหนุ่มคนนี้สวมชุดขายของ ซึ่งแทบไม่เหมือนคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถพบกับท่านประธานนิ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นคนคนใหญ่คนโตแบบนี้
ประธาน นิ่งซวน เป็นถึงตัวแทนของตระกูล ตระกุลนิ่งของตี้จิง ที่อยู่เมืองตุงไห่ซึ่งเป็นถึงบุคคลที่มีอำนาจคับฟ้า จนแทบไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอพบกับเขาเลยทั่วทั้งเมืองชิงหยูน
หลินอิ่ง พูดขึ้นว่า “ช่วยฝากบอกเขาหน่อยว่า ผมเป็นเพื่อนของ นิ่งไท่จี๋”
“ค่ะ เชิญคุณรอสักครู่นะค่ะ” พนักงานบริการหญิงเผยสายตาลังเลเล็กน้อย พร้อมเตรียมโทรศัพท์ ตั้งแต่มาทำงานนิ่งซื่อกรุ๊ปมา เธอไม่เคยได้ยินชื่อบุคคลนี้มาก่อนเลย
อีกด้าน ห้องทำงานของประธานตึกอาคารใหญ่สูงตระหง่าน มีชายหนุ่มหน้าตาไม่ธรรมดาคนหนึ่งกำลังจัดการเอกสารอยู่
ก็อก! ก็อก!
“เชิญเข้ามา”
เลขาชายหนุ่มเคาะประตูเดินเข้ามา และพูดอย่างสุภาพว่า “ประธานครับ ที่เคาน์เตอร์มีคนมาหาคุณครับ”
“เคาน์เตอร์หรอ? เวลานี้ของวันนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีนัดหมายล่วงหน้าหรอกหรอ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว และพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “หากมีหมาแมวที่ไหนมา ไม่ต้องมาบอกฉันอีก เข้าใจไหม?”
“เออว่า…..” เลขาชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าลังเลว่า “ประธานครับ คนๆนั้นฝากบอกว่า เขาเป็นเพื่อนของ นิ่งไท่จี๋ ครับ”
“ผมเกรงว่า มีคนจากตระกูลของคุณมาหา….เลยมารายงาน”
นิ่งไท่จี๋!
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอยู่สักพัก แล้วขมวดคิ้ว
นิ่งไท่จี๋ เป็นหัวหน้าตระกูลของ ตระกุลนิ่งของตี้จิง ซึ่งเป็นชื่อของคุณปู่ของเขา
ใน ตี้จิง แล้ว มีเพียงญาติมิตรที่มีสายเลือดโดยตรงเท่านั้นที่จะทราบชื่อผู้อาวุโสที่เคารพของคุณปู่ และคงไม่มีใครกล้าเรียกชื่อเต็มของคุณปู่ด้วย ในเมืองชิงหยูนและมณฑลนี้มีใครบ้างที่รู้จักกับคุณท่านของตระกูลนิ่ง แถมยังกล้ามาหาตัวเองด้วย?
“คนนั้นเป็นคนยังไงหรอ?” นิ่งซวน ซักถามขึ้น
เลขาชายตอบว่า “ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆครับ”
“งั้นเรียกให้คนนั้นมาที่ห้องทำงานของฉัน” นิ่งซวน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับเผยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย “ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆหรอ?”
ห้านาทีต่อมา หลินอิ่ง ก็เดินตามเลขาหนุ่มมาที่ห้องทำงานของประธานชั้นที่หกสิบหก
หลินอิ่ง นั่งลงอย่างตามสบาย
จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสง่าผึ้งผ่ายกำลังจ้องมองตัวเองด้วยสายตาเคร่งขรึมอยู่
ไม่ทราบว่าคุณคือ?” นิ่งซวนถามขึ้น พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอย่างมึนงง
“นายจำสิ่งนี้ไม่ได้แล้วหรอ?” หลินอิ่ง หยิบป้ายหยกสีเขียวขึ้นมา
บนป้ายหยกสลักตัวอักษรที่สับซ้อนอยู่ โดยตรงกลางมีตัวอักษรนิ่ง อยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน
“นี้คือ?” นิ่งซวนจ้องมองป้ายหยกชิ้นนี้ด้วยสายตาตกตะลึง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเวียนหัวด้วย
นี่คือป้ายหยกแสดงสัญลักษณ์ตำแหน่งของตระกูล ตระกุลนิ่งของตี้จิง มีทั้งหมดไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งแม้แต่เขาที่เป็นตัวแทนของมณฑลแห่งนี้ของตระกูลนิ่ง ยังไม่มีติดตัวเลย…..
ตอนที่เขายังเด็กเคยเห็นในมือของพ่อเขามีป้ายหยกตระกูลนิ่ง ชิ้นหนึ่ง ซึ่งหากยึดตามลำดับขั้นแล้ว พ่อของเขามีลำดับขั้นต่ำกว่าชายหนุ่มคนนี้อยู่ขั้นหนึ่ง…..
“เดียวรบกวนคุณรอสักครู่นะครับ เดียวผมจะไปตาม พ่อบ้านกู่ มาหานะครับ” นิ่งซวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงความอ่อนโยนขึ้น และไม่กล้าทำเสียมารยาทต่อหน้าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าด้วย
หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย
เขาไม่เคยสงสัยในคำพูดของท่านอาจารย์เลย เพราะตอนที่ยังเด็ก เขาเคยพบกับ นิ่งไท่จี๋ หัวหน้าตระกูลนิ่ง กับท่านอาจารย์มาก่อน แม้แต่ นิ่งไท่จี๋ ที่เป็นบุคคลใหญ่โตยังปฏิบัติตัวสุภาพกับท่านอาจารย์เขาเลย แล้วหลานของเขาล่ะ?
ก่อนมาเขาทำความเข้าใจมาแล้วว่า นิ่งซวน เป็นสายเลือดรุ่นที่สามของตระกูลนิ่ง ซึ่งไม่นับว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากในรุ่นนี้ แต่ก็เป็นคนไม่ธรรมดา เพราะเป็นคนดูแลควบคุมนิ่งซื่อกรุ๊ปในเมืองตุงไห่
ธุรกิจของนิ่งซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเมืองตุงไห่ครอบคลุมทั้งการประมูลวัตถุโบราณ ไข่มุกอัญมณี ยารักษาโรค รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนทางการเงิน ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่มาก
ไม่นาน นิ่งซวน เชิญผู้อาวุโสผมงอกมีหนวดสวมชุดสูทสีแดงคนหนึ่งเข้ามา
จากนั้น นิ่งซวน ก็เดินไปนั่งอีกด้าน
เขารับผิดชอบเพียงกิจการค้า ส่วนเรื่องกิจการค้าลับพ่อของเขาเป็นคนรับผิดชอบ นั้นคือคุณกู่…..
ผู้อาวุโสดูแล้วเหมือนอายุราวๆห้าสิบหกสิบปี แต่ยังคงเดินอย่างคล่องแคล่ว และมีสายตาที่เฉียบแหลมมาก
ผู้อาวุโสถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นป้ายหยกในมือของ หลินอิ่ง จากนั้นเขาก็สูบลมหายใจหนึ่งที และพูดว่า “ฉันกู่ชางไห่ ไม่ทราบว่านายท่านมีนามว่าอะไรครับ?”
“หลินอิ่ง”
“สหายหลิน ขอเสียมารยาททดสอบตำแหน่งของนายท่านสักหน่อยจะได้ไหมครับ?” กู่ชางไห่ พูดขึ้น พร้อมเผยสีหน้าจริงจัง
“ได้” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย
เขาเองก็มองออกว่า กู่ชางไห่ เป็นคนไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือโบราณที่หายาก
กู่ชางไห่ พยักหน้าเล็กน้อย แล้วฝ่ามือก็ขยับเล็กน้อย จู่ๆวงแหวนหยกหนึ่งก็ผุดโผล่ขึ้นกลางอากาศ จนเกิดเสียงสั่นสะเทือน พร้อมพุ่งตัวตรงที่ หลินอิ่ง
หลินอิ่ง นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัว จากนั้นมือข้างหนึ่งก็กุมวงแหวนหยกอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเขาก็คลายมือออก ปรากฏเป็นละอองหินหยกออกมา….
เมื่อเห็นฉากนี้ นิ่งซวน ก็คิ้วกระตุก พร้อมเผยสายตาตกใจช็อกออกมา
บนใบหน้าของ กู่ชางไห่ ก็เต็มไปด้วยสีหน้าตกใจเหมือนกัน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ยอดฝีมือกำลังภายใน….แถมยังอายุน้อยด้วย ไม่ทราบว่าท่านเป็นลูกศิษย์ของใครหรอ….”
ในฐานะผู้บริหารของตระกูลนิ่ง เขาประสบแต่เรื่องลี้ลับโบราณเกี่ยวกับตระกูลหลิน เลยสามารถคาดเดาตำแหน่งของ หลินอิ่ง ได้อยู่
กู่ชางไห่ ก้มโค้งคำนับ และพูดว่า “ผู้บริหารรุ่นที่สามของตระกูลนิ่ง กู่ชางไห่ ขอคารวะนายท่าน”
“นิ่งซวน ขอคารวะนายท่าน” นิ่งซวน เองก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเหมือนกัน
ตระกูลนิ่ง ซึ่งตระกูลนิ่ง เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบมาก จนแทบไม่มีใครกล้าละเมิดเลย
เมื่อได้รับการยอมรับตำแหน่ง หลินอิ่ง ก็พยักหน้าเล็กน้อย
“ไม่ทราบว่านายท่านมาบริษัทสาขาตุงไห่ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” กู่ชางไห่ ก็พูดจริงจังขึ้น
ตรึงตรึง…..
ทันใดนั้น จู่ๆโทรศัพท์ของ หลินอิ่ง ก็ดังขึ้น
“หลินอิ่ง ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกอยู่ไหน? รีบมาโรงพยาบาลเมืองเลย! ใบหย่าฉันให้คนเตรียมการแล้ว แกรีบมาเซ็นเลย” ในสายมีเสียงของ ลู่หย่าฮุ่ย ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” หลินอิ่ง ซักถามขึ้น
“วันนี้ตอนที่พ่อของ ฉีโม่ อยู่โรงงานเจอกับ จางเถียนไห่ ที่มาซื้อโรงงาน แต่ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ส่วน ฉีโม่ ที่โต้เถียงก็ถูก จางเถียนไห่ ที่โมโหทำร้ายจนหมดสติเหมือนกัน ตอนนี้ จางเถียนไห่ ยังคงบีบบังคับเรื่องนี้อยู่อีก แถมบ้านที่พวกเราอยู่ยังต้องถูกยึดชดใช้หนี้ด้วย เขาบอกว่าหากแกกับ ฉีโม่ หย่ากัน เขาจะยอมปล่อยพวกฉัน ทุกอย่างเป็นเพราะแกคนเดียวเลย! ฉันขอร้องล่ะ แกหย่ากับลูกสาวของฉันเถอะ! ถ้าแกพอมีเมตตาอยู่! ครอบครัวของฉันคงไม่ทรมานแบบนี้หรอก!”
ในสายนั้น ลู่หย่าฮุ่ย พูดด้วยน้ำเสียงสะเอื้อน พร้อมกับท่าทางรีบร้อนใจ
“ผมทราบแล้วครับ เดียวผมไป” หลินอิ่ง วางสายลง แล้วค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง
ฉีโม่ สลบหมดสติหรอ?
หลินอิ่ง เผยสายตาแหลมคมออกมา แล้วหันหน้ามอง กู่ชางไห่ กับ นิ่งซวน
“ภายในหนึ่งวัน ฉันต้องการเห็นบริษัทเครื่องประดับจางซื่อล้มละลาย” หลินอิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น
“ครับ! นายท่าน เราจะทำตามคำสั่งครับ” นิ่งซวน พูดขึ้น
นิ่งซวน ถอนหายใจในใจเงียบๆ เขานึกว่านายท่านที่หล่นจากฟ้าจะออกคำสั่งให้เขาทำเรื่องลำบากใจซะอีก
ทำให้บริษัทขนาดเล็กอย่างบริษัทเครื่องประดับจางซื่อล้มละลาย นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก