ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 418 จอมทัพสิบสามแห่งแก๊งหยางเหมิน
อาคารสุ่ยจิน
เวลาเที่ยงคืน
หลินอิ่งกลับไปถึงออฟฟิศประธานนานแล้ว
เขานั่งพิงหลังอยู่บนเก้าอี้ ค่อยๆหลับตา จากนั้นก็หลับไป
แสงสาดส่องจากดวงจันทร์ เค้าโครงใบหน้าของหลินอิ่ง มีความเคร่งขรึม ทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ท่ามกลางความเงียบ
ประตูออฟฟิศ ไม่รู้ว่าถูกเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่
ภายในออฟฟิศอันกว้างขวาง มีคนชุดดำปรากฏตัวขึ้นทีละคน ยืนอยู่รอบตัวหลินอิ่ง
ส่วนทางเดินนอกออฟฟิศ บอดี้การ์ดร่างบึกบึนชุดสูทแต่ละคน ต่างก็นอนราบอยู่กับพื้น
ทั้งอาคาร เงียบสงบ เต็มไปด้วยความมืดและเคร่งขรึม
หลินอิ่งค่อยๆลืมตา สีหน้าเรียบเฉยไร้คลื่นเหมือนดั่งน้ำในบ่อลึก มองฝ่ายตรงข้ามอย่างเฉยเมย
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“พวกนายไม่ควรมานะ”
“แต่เรามาแล้ว”
ชายชุดดำ ท่ามกลางแสงจันทร์บางๆ เผยใบหน้าที่แปร่งประกายความโหดเหี้ยม
นี่คือชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ดวงตาโหดเหี้ยมดั่งหมาป่า มีแสงสีแดงท่ามกลางแสงจันทร์ ดูแล้วก็เป็นคนที่เปรียบได้แค่คำเดียวก็คือโหด
“ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องทิ้งอะไรไว้หน่อย”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือไขว้หลังยืนตรง
วินาทีนี้
คนชุดดำสิบกว่าคนต่างก็พากันถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้
ชุดดำบนตัวพวกเขาปลิวขึ้นโดยไร้ลม ปลิวไหว เสมือนมีพลังอันน่ากลัวกำลังจะมา
พลังในตัวหลินอิ่ง ก็เหมือนกับมังกรที่เพิ่งตื่น ลืมตามองมา
ทำให้พวกเขาทุกคน ต้องถึงกับใจสั่น ร่างสั่นไปทั้งตัว
หลินอิ่ง เก่งมาก
ในใจของทุกคน เกิดความคิดนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย
เคี้ยง!
เสียงของโลหะอันกึกก้องดังขึ้น คนชุดดำต่างก็ดึงมีดออกจากเอง แปร่งประกายแสงแสบตา เต็มไปด้วยแรงสังหาร
“ท่านจะมั่นใจในตัวเองมากไปไหม” ชายชุดดำพูดเสียงเรียบ สองตาจ้องหลินอิ่งไม่กะพริบ
“วันนี้พวกเรารับคำสั่งมา เพื่อทำเรื่องเดียว นั่นก็คือขอให้ท่านออกไปจากเมืองก่าง”
“ท่านเป็นคุณชายอิ่งตระกูลฉีแห่งตี้จิง พวกเราไม่ได้อยากมีเรื่องกับคุณท่านตระกูลฉี ไม่ได้มาเพื่อจะเอาเป็นเอาตายกับท่าน แต่เพียงแค่อยากให้ท่านถอนตัว……”
ได้ยินแล้ว หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้น
“แค่อยากให้ถอนตัว?”
“ถูกต้อง” ชายชุดดำพยักหน้า
“แก๊งมังกรเมืองก่าง จอมทัพสิบสาม หงต้า เคารพคุณชายอิ่งแห่งตระกูลฉี”
ถ้อยคำทั้งหมดพูดมา หงต้าถือด้ามมีด พูดเสียงเรียบ “คุณชายอิ่ง หัวหน้าแก๊งของเราถูกไหว้วาน วันนี้ ให้มาบอกคุณชายอิ่งให้ถอนตัว อย่าสร้างเรื่องที่เมืองก่าง”
“มิเช่นนั้น อย่าโทษพวกเราต้องลงมือฆ่า”
หลินอิ่งส่ายหน้า
หงต้าพูดแล้ว เขาก็เข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นเรื่องอะไร
จอมทัพสิบสามแก๊งหยางเหมินนี้ คือยอดฝีมือที่จี้ฉงซานใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเชิญมาจากแก๊งหยางเหมิน
“กลับไปบอกหัวหน้าแก๊งของพวกคุณ กล้ามาขวางงานผมอีก ผมจะฆ่าล้างสำนักในเมืองก่างของแก๊งหยางเหมิน”
พูดจบ ก็เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ สะเทือนกลุ่มหงต้าทุกคนสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่ไม่มีที่เปรียบ
คำพูดของหลินอิ่ง ไม่ได้พูดเล่น
“คุณช่างกล้าดี”
หงต้าหน้าดำเคร่งเครียด พูดเสียงเย็นชา
“พวกเรานับถือท่านเพราะเป็นคุณชายอิ่งตระกูลฉีแห่งตี้จิง เคารพก่อนรบ ไม่ได้หมายความว่า แก๊งหยางเหมินกลัวคุณ” หงต้าพูดเคร่งขรึม
“ผมบอกคุณตามตรงได้เลย นายท่านจี้กับแก๊งหยางเหมินของเรามีความสัมพันธ์กัน”
“ได้รับการไหว้วานจากนายท่านจี้ ให้พวกเขามาบอกให้ท่านถอนตัว”
“ถ้าหากคุณยอมถอนตัวตอนนี้ พวกเราก็ถือว่าได้คืนบุญคุณนายท่านจี้แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอันจบสิ้น”
“ถ้าหากคุณยังไม่ยอมถอย ไม่ฟังคำเตือน ทำอะไรตามใจชอบในเมืองก่าง ถ้าเช่นนั้นก็คือบีบบังคับให้แก๊งหยางเหมินของเราลงมือ”
พูดจบ พวกหงต้าต่างก็จับด้ามมีดในมือไว้แน่น ใสสายตาเต็มไปด้วยแรงสังหาร
นี่เป็นการเตือนสุดท้าย
ความเกี่ยวพันทั้งหมดได้อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย
เขารู้จักอำนาจของแก๊งหยางเหมินดีกว่าคนทั่วไป
อำนาจของแก๊งหยางเหมิน ตำแหน่งและความสามารถในวงการแห่งความลึกลับนั้น จัดอยู่ในสิบอันดับ
แก๊งหยางเหมินมีตำนานสืบทอดมาเป็นร้อยปี พื้นฐานแน่นหนา นั่นคืออำนาจที่สืบทอดจากศตวรรษที่แล้ว ในสำนักเกือบมีคนถึงจุดสูงสุดของประเทศหลุง
ทุกวันนี้ อำนาจควบคุมทั่วโลก เครือข่ายความสัมพันธ์กว้างขวางไม่อาจคาดการณ์ได้
ครั้งที่แล้ว หลินอิ่งอยู่ที่มณฑลเกาหยาง รักษาอาการป่วยให้กับกงซุนฉงหลง เคยเจอกับแก๊งหยางเหมิน แบบแผนก็แก๊งหยางเหมินในมณฑลเกาหยาง ได้ยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจภายในของตระกูลกงซุน วางแผนอยากจัดการเหล่าตระกูลผู้ดีแห่งตี้จิง
เขายังเคยปราบลูกหลานตระกูลกงซุน กงซุนเฟยเจี้ยน และเป็นนักสู้ในแก๊งหยางเหมิน ทุกวันนี้ยังช่วยตัวเองคอยสืบหาข่าวสารซ่อนตัวอยู่ในมณฑลเกาหยาง
แก๊งหยางเหมินมีสำนักอยู่นับไม่ถ้วนในประเทศหลุง มีอยู่เกือบทุกเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ต่างคนต่างทำเรื่องของสำนักตัวเอง
ในนั้นไม่ว่ากิจการไหน ต่างก็มีผู้มีฝีมือมากมาย เครือข่ายความสัมพันธ์วุ่นวายจนไม่อาจคาดคิดได้
“คุณชายอิ่ง รู้หนักรู้เบา ผมหวังว่าคุณจะคิดให้ดี” หงต้าพูดอย่างเคร่งขรึม
เขารู้ว่าคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงท่านนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องที่หัวหน้าแก๊งสั่ง ก็แค่ตักเตือนหลินอิ่ง ให้หลินอิ่งยอมออกจากเมืองก่างเอง
ถ้าหากหลินอิ่งไม่ฟังคำเตือน จากลงมือเอง พากลับสำนัก ส่งให้หัวหน้าแก๊งจัดการเอง
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “ก็แค่สำนักเล็กๆอย่างแก๊งหยางเหมินเมืองก่าง กล้าขู่ผมต่อหน้า?”
“ถ้าผมไม่พังสำนักในเมืองก่างของพวกคุณ พวกคุณก็จะขัดขวางการทำงานของผม ใช่ไหม?” หลินอิ่งค่อยๆพูด
ทุกอย่างในโลกเปลี่ยนไปจริงๆ
ในอดีต เมืองก่าง สมัยที่องครักษ์มังกรดำเฟื่องฟู อำนาจครอบคลุมทั่วเมืองก่าง กดทับอำนาจลึกลับทั้งหมดจนเงยหัวไม่ขึ้น
อำนาจลึกลับแห่งเมืองก่าง มีเพียงสำนักนี้เท่านั้น
ทุกวันนี้ องครักษ์มังกรดำไม่อยู่แล้ว แก๊งหยางเหมินสาขาเดียว ยังกล้ามาขวางอยู่ข้างหน้าเขา?
“คุณอวดดีเกินไปแล้ว”
หงต้าทนกับความยั่วยุนี้ไม่ไหว สีหน้าโมโห
“แค่เปิดปากพูดก็บอกจะฆ่าล้างสำนักแก๊งหยางเหมินของเรา คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? จำไว้ ที่นี่คือเมืองก่าง ไม่ใช่ตี้จิง”
“คุณอยู่ในตี้ติงเป็นคุณชายอิ่งที่อำนาจสูงส่ง แต่ในเมืองก่าง ก็ต้องรักษาระเบียบของเมืองก่าง”
ซั๊ว
ทันใดนั้น หงต้าโบกมีด แสงอันเยือกเย็นสาดส่อง เขาพุ่งเข้าหาหลินอิ่ง
คั๊กคั๊ก
ฟันไปครั้งเดียว ก็ผ่าโต๊ะตรงหน้าหลินอิ่งเป็นสองท่อน เศษไม้กระจัดกระจาย
ส่วนร่างของหลินอิ่ง หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว
“อือ?”
หงต้าขมวดคิ้ว แววตาตะลึง “วิชาระดับนี้……”
ร่างที่ปลิวไปมาไม่คงที่ของหลินอิ่ง เหมือนดั่งวิญญาณ เหลือไว้เพียงเงาในออฟฟิศ
ยอดฝีมือจอมพลสิบสามแก๊งหยางเหมินในนี้ สีหน้าสงสัย เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก ทุกคนต่างก็จับมีดไว้แน่น หลับตาแล้วฟังเสียงลม
วินาทีนี้พวกเขาถึงรู้ว่า ความสามารถของหลินอิ่ง เกินการคาดการณ์ของพวกเขา