ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 434 ฝีมือกระจอกไม่คุ้มกับการเอ่ยถึง
บทที่ 434 ฝีมือกระจอกไม่คุ้มกับการเอ่ยถึง
ในขณะเดียวกัน
ณ เกาะไห่เทียน แถบทะเลของเมืองก่าง
จู่ๆก็มีเครื่องบินลำหนึ่งบินตรงมายังเกาะ มีกลุ่มนักธุรกิจสวมชุดสูททางการกลุ่มหนึ่งลงมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปยังวิลล่าหรูที่อยู่ตรงเขตส่วนกลางด้วยความรีบร้อน
ภายในวิลล่า จี้ฉงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้จันทร์ยาวที่ดูดีมีสไตล์หนึ่งตัว มีพวกของว่างที่ดูน่ารับประทานวางอยู่ประมาณยี่สิบสามสิบชุด
“พ่อ!เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!งานทางส่วนของบริษัท เกิดความวุ่นวายไปหมดแล้วครับ!”
“คุณท่านจี้ เมืองก่าง คำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนเมืองก่างรุนแรงถึงขีดสุดแล้วครับ ทางด้านของตลาดหุ้น พวกเราก็ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีน้ำเงินคนหนึ่งเข้ามาข้างในวิลล่า มีคนแก่ที่ดูเหมือนพ่อบ้านคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็พวกสมาชิกทางธุรกิจอีกหนึ่งกลุ่ม
พวกเขาทุกคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก เหมือนกับกำลังได้รับความกดดันอย่างหนัก
จี้ฉงซานสีหน้านิ่งเฉย คีบเสี่ยวหลงเปาสองลูกเข้าปากไปอย่างช้าๆ ชิมรสชาติของชาไปหนึ่งจิบ แล้วค่อยเอากระดาษในมือของคนใช้ มาเช็ดปาก
“พ่อ สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ พวกคุณลุงที่ถือหุ้นในบริษัทเริ่มโทรศัพท์กันมาแล้ว ถามว่าพ่อจะรับมือยังไง”ชายหนุ่มชุดสูทถามขึ้นด้วยความกระวนกระวาย
“คุณท่านจี้ ตอนนี้ทุกสื่อต่างเขียนข่าวโจมตีคุณกันหมดแล้ว ทางด้านของประชาสัมพันธ์ก็จัดการรับมือยากด้วย ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของบริษัทนะครับ ตอนนี้ตลาดหุ้นก็หยุดชะงักแล้วด้วยครับ”คนแก่สวมชุดสูทที่ดูเหมือนพ่อบ้านพูดขึ้นด้วยความกังวล
สารคดีเบื้องหลังที่เหี้ยมโหดโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต สำหรับบริษัทวั่นซานของจี้ฉงซานแล้ว ถือว่าเป็นระเบิดนิวเคลียร์หนึ่งลูกเลยก็ว่าได้ ได้รับผลกระทบไปทั่วทุกด้าน ทำให้บริษัทได้รับแรงกดดันที่มหาศาล ไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้
ไม่ว่ายังไง ของที่หลินอิ่งเอาออกมา นั่นก็เป็นหลักฐานสำคัญที่แน่นหนาสุดๆ
ถ้าไปบังคับให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ช่วยลบล้างความผิดให้ ก็มีแต่จะยิ่งเน้นความผิดให้ชัดมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว”จี้ฉงซานพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉยไม่แยแสอะไร
ในมือของเขาถือหนังสือพิมพ์ประจำวันฉบับล่าสุดไว้หนึ่งฉบับ ใบหน้าที่เหี่ยวย่น ยิ้มอย่างดูถูกเย้ยหยัน
“แล้ว ท่านวางแผนจะรับมือกับวิกฤตในครั้งนี้ยังไงครับ?”ชายแก่ชุดสูทพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง“คุณท่านจี้ ทางด้านครอบครัวของภรรยาของคุณ กำลังกระวนกระวายอยู่ไม่สุขกับเรื่องนี้ พวกเขาให้ผมมาปรึกษากับคุณโดยเฉพาะน่ะครับ”
“ใช่ๆ พ่อ พวกพี่ใหญ่พี่รอง พอได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็รีบกลับจากราชอาณาจักรบริเตนใหญ่มายังเมืองก่างทันทีเลย เพราะว่าเป็นห่วงพ่อ ส่วนในบ้าน ก็เละวุ่นวายกลายเป็นโจ๊กกันหมดแล้ว”ชายหนุ่มชุดสูทพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใครให้พวกแกกลับมาเมืองก่างล่ะ?”จี้ฉงซานขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา“จี้ชวน ฉันเคยสอนแกแล้วใช่ไหม? ว่าเวลาเจอปัญหาใหญ่ๆต้องเงียบสงบเอาไว้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แกเล่นทำซะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ต่อไปจะไปบริหารจัดการธุรกิจได้ยังไง?”
“เหอะ!”
จี้ฉงซานสบถหึออกมา แสดงถึงความไม่พอใจ
พอเห็นพ่อโมโห จี้ชวนสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นอบน้อมเชื่อฟังแต่โดยดี
ไม่ว่ายังไง จี้ฉงซานก็เป็นผู้ก่อตั้งตระกูลจี้แห่งเมืองก่างขึ้นมา เขาพูดคำไหนคำนั้น มีศักดิ์ศรีและความน่าเกรงขามมาก
ทั้งตระกูลจี้ ต่างก็พึ่งพาอาศัยเขาทั้งนั้น
“ขอโทษครับ พ่อ เป็นเพราะผมเป็นห่วงพ่อ ถึงยังไงเรื่องมันก็ใหญ่โตขนาดนี้แล้ว ทางด้านของพวกแม่กับพี่ๆก็นั่งกันไม่ติดแล้ว”
จี้ชวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณลุงมากมาย ก็รออยู่ตรงประตู พ่อจะกลับเข้าไปในเมือง เพื่อไปสงบสติอารมณ์ของทุกคนลงก่อนไหม?”
จี้ชวนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าพ่อที่เย่อหยิ่งทะนงตัวของตัวเอง ครั้งนี้ไปมีเรื่องกับใครเข้า ถึงได้เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ สื่อข่าวต่างๆต่างก็กระจายข่าวไปทั่วประเทศหลุงแล้ว!
แถมนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพ่อระมัดระวังตัว ถึงได้มาแอบอยู่ในสถานที่ลับที่เกาะแบบนี้ แม้แต่คนในครอบครัวก็ยังติดต่อไม่ได้
“ตอนนี้ฉันยังกลับไปในเมืองไม่ได้”จี้ฉงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเข้มงวด“จี้ชวน แกเป็นลูกชายที่ฉันไว้ใจที่สุด เรื่องทางบ้าน ฉันขอมอบให้เป็นหน้าที่ของแกก็แล้วกัน ไปคุยกับพวกพี่ๆของแกให้เข้าใจ ให้พวกเขารีบกลับไปที่บริเตนใหญ่ซะ เมืองก่าง ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาควรจะอยู่!”
“ครับพ่อ!ผมจะกลับไปพูดกับพวกพี่ๆให้ครับ”จี้ชวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“อือ”จี้ฉงซานพยักหน้า“ฉันจะบอกพวกแกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ไอ้ชั่วที่ก่อปัญหาอาละวาดไปทั่วคนเดียวเท่านั้น”
พอได้ฟังแบบนี้ คนแก่ชุดสูทกับจี้ชวน สีหน้าก็ตกตะลึงทันที
ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีกเหรอ?
ข่าวฉาวแพร่กระจายไปทั่ว เบื้องหลังที่โหดเหี้ยมถูกพวกชาวเน็ตต่างพากันด่าทอต่อว่าด้วยความโกรธแค้น
นี่ยังไม่เท่าไรนะ
ไหนจะถูกถอนออกจากตำแหน่งหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจ ตลาดหุ้นของบริษัทตัวเองหยุดชะงักอีก
แถมผู้ช่วยคนสำคัญของพ่อ หลิวสฺยงก็ไม่รู้หายสาบสูญไปไหน รองหัวหน้าสมาคมหลี่ที่ส่งเข้าไปอยู่ในสมาคมเมืองก่าง ก็ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด
ปัญหาโลกแตกขนาดนี้ ทำไมพ่อถึงนิ่งสงบได้อยู่?
“พ่อ พ่อประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปใช่ไหม สถานการณ์ในตอนนี้มันโหดร้ายรุนแรงมากๆเลยนะ”จี้ชวนพูดขึ้น
“คุณท่านจี้ สถานการณ์ในตอนนี้มันร้ายแรงมากจริงๆนะครับ ถ้าปล่อยให้ข่าวฉาวในอินเทอร์เน็ตมันหมักหมมไปเรื่อยๆ อาจจะกู้กลับมาไม่ได้แล้วนะครับ บริษัทก็จะยากที่จะดำเนินต่อไปได้”ชายแก่ชุดสูทพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่มันเกี่ยวข้องถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทเลยนะครับ ถ้าเกิดประชาชนไม่มีความเชื่อถือแล้ว ต่อให้ใช้เงินเท่าไรก็ซื้อกลับมาไม่ได้แล้วนะครับ……”
ถ้าแค่ตลาดหุ้นหยุดชะงัก สูญเสียทรัพย์สินไป มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้คนของตระกูลจี้ตื่นตกใจถึงขั้นวิ่งแจ้นมาตามตัวเขาที่สถานที่ลับด้วยความรีบร้อนแบบนี้หรอก
ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ การสูญเสียชื่อและความน่าเชื่อถือไป ไม่สามารถที่ชดเชยคืนมาได้ ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์จนมากถึงมากที่สุด!
พอพูดถึงตรงนี้ จี้ฉงซานสีหน้าก็ดูถูกดูแคลน สบถออกมาอย่างเย้ยหยัน
“พวกแกยังไม่เคยเจอกับโลกที่แท้จริง!อุปสรรคแค่นี้ จะกลัวอะไร?”
“แค่ศัตรูที่ฝีมือกระจอกไม่คุ้มกับการเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำแค่นี้น่ะเหรอ?”
“เหอะๆ น่าขำสิ้นดี”
จี้ฉงซานส่ายหัว มุมปากยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“พวกแกนึกว่า คำวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน จะสามารถล้มบริษัทวั่นซานที่ยืนหยัดอยู่ในเมืองก่างมานานหลายปีขนาดนี้ลงได้อย่างนั้นเหรอ?”จี้ฉงซานพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“เอาเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ฉันโทรศัพท์ไปหานายกเทศมนตรีถัง ให้เขาช่วยปิดสื่อข่าวทั้งหมดเอาไว้ซะ พอปัญหาพวกนี้มันผ่านไป ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”จี้ฉงซานพูดอธิบายอย่างง่ายๆ
“พ่อ พ่อจะให้นายกเทศมนตรีถังออกหน้ามาเลยเหรอ?”จี้ชวนสีหน้าประหลาดใจ
นายกเทศมนตรีของเมืองก่างถังคังเจิ้นก็คือผู้นำสูงสุดของเมืองก่าง เป็นบุคคลระดับสูงของพวกรัฐบาล ตำแหน่งเป็นถึงนายกเทศมนตรี ตำแหน่งสูงมีอำนาจ
ถังคังเจิ้นก็เป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลจี้ในเมืองก่าง!
จี้ฉงซานยิ้มเล็กน้อยพยักหน้า โบกมือบอกส่งสัญญาณ ให้คนที่อยู่ข้างๆโทรศัพท์ออกไปทันที
หลังจากเสียงตู๊ดๆดังขึ้นสองครั้ง
ในสายก็มีคนรับ จี้ฉงซานรับมือถือมา
“ฮาโหล คุณท่านจี้ โทรมาเพราะว่าเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในวันนี้ใช่ไหมครับ?”
ในสาย มีเสียงนิ่งขรึมและทรงพลังของชายวัยกลางคนดังเข้ามา
“เหล่าถัง คุณนี่ช่างเข้าใจผมจริงๆ เรื่องนี้ก็ต้องรบกวนคุณออกหน้าไปช่วยจัดการกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกประชาชนแล้วสักหน่อยแล้วล่ะครับ”จี้ฉงซานพูดเปิดประเด็น
“คุณท่านจี้พวกเราเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมาหลายปี เรื่องของคุณ ก็คือเรื่องของผมอยู่แล้ว”ถังคังเจิ้นพูดขึ้น“แต่ว่า ผมอยากรู้ เหล่าจี้ คุณไปยุแหย่ใครเข้าเหรอ ถึงได้เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้?”
“เหล่าถัง ผมจะไม่ปิดบังแล้วกัน ผมจะบอกคุณตรงๆเลย”จี้ฉงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“เป็นคนจากตี้จิง คุณชายอิ่งจากตระกูลฉีแห่งตี้จิง”