ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 436 แข็งแกร่งกว่าใคร?
บทที่ 436 แข็งแกร่งกว่าใคร?
“คุณหลิน โปรดระวังคำพูดคำจาของคุณด้วยนะครับ!”ติงยี่จ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาแหลมคม สีหน้าโมโหเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่เขามาเป็นตัวแทนพูดเจรจาแทนนายกเทศมนตรีถัง ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนด้วย!
ไม่คิดว่าจะถูกคนพูดเตือนต่อหน้าต่อตาแบบนี้
หลินอิ่งคนนี้ แม้แต่ความน่าเกรงขามของนายกเทศมนตรีถังก็ยังไม่แยแสเลยสักนิด
“คุณควรจะรู้ซะนะ ว่าที่นี่คือเมืองก่าง!ไม่ใช่ตี้จิง!ที่คุณจะมาทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้น่ะ”ติงยี่พูดขึ้นด้วยความโมโห“ถ้าคุณยังดื้อดึงทำตามใจไม่สนอะไรแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่จบดีแน่ๆ!”
ติงยี่โมโหสุดขีด รู้สึกเหมือนโดนดูถูก!
กะอีแค่คุณชายจากตระกูลร่ำรวยที่มาจากตี้จิงแค่คนเดียว ไม่คิดว่าจะกล้าดูถูกศักดิ์ศรีความน่าเกรงขามของท่านนายกเทศมนตรีได้ขนาดนี้?
หลินอิ่งขำเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย“คำพูดนี้ของคุณ นายกเทศมนตรีถังก็เป็นคนให้คุณมาพูดเหมือนกันเหรอ?”
“หือ?”
พูดพลาง หลินอิ่งจ้องมองติงยี่ด้วยสายตาเยือกเย็น ติงยี่สีหน้าเปลี่ยนทันที ราวกับถูกฟ้าผ่า พอเผชิญหน้ากับท่าทีที่ดุร้ายแบบนี้ของหลินอิ่งแล้ว เขาก็สั่นสะดุ้งไปทั้งตัวอย่างไม่หยุดหย่อน
“ไม่……”ติงยี่รู้สึกตึงดเครียดกดดัน พูดติดๆขัดๆ
คำพูดที่นายกเทศมนตรีถังให้เขามาพูด จริงๆแล้วไม่มีประโยคนี้เลย พอเจอคำถามที่รุนแรงของหลินอิ่งเข้าไป มันทำให้เขาหมดความมั่นใจไปในทันที
“คุณ กลับไปบอกถังคังเจิ้นตามเดิม”
“สิ่งที่สื่อข่าวรายงาน ล้วนแต่เป็นหลักฐานของจริงทั้งนั้น”
“ผมหวังว่าเขา จะทำตัวเป็นกลางนะ!”
ติงยี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“คุณหลิน ผมจะกลับไปบอกกับนายกเทศมนตรีถังให้!ส่วนคุณก็ทำตัวให้มันดีๆล่ะ!”
หลังจากพูดจิกกัดทิ้งท้ายไปหนึ่งประโยค ติงยี่ก็พาชายสวมเสื้อธรรมดาออกไปจากอาคารสุ่ยจินอย่างรีบร้อนด้วยสีหน้าไม่ที่ไม่ยอมแพ้
พอติงยี่จากไปแล้ว ฉู่สงซานก็สีหน้าตึงเครียดทันที ครุ่นคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดขึ้น“ประธานหลิน ถังคังเจิ้นท่าทางแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างจี้ฉงซานคงจะไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ”
“ตระกูลฉู่ของพวกเรา มีคนที่พอจะพูดกับถังคังเจิ้นได้อยู่ คุณหลิน ไม่ทราบว่าจะให้ผมติดต่อให้ไหมครับ?”ฉู่สงซานถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมขอบคุณความเจตนาดีของประธานฉู่มากครับ แผนของผมไม่จำเป็นต้องไปติดต่อถังคังเจิ้นเลย”หลินอิ่งตอบอย่างนิ่งๆ
ฉู่สงซานมีสถานะเป็นคนของตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน ถ้าใช้กำลังความสามารถของตระกูลฉู่จริงๆล่ะก็ แค่นายกเทศมนตรีของเมืองก่างคนเดียวเอาอยู่แน่นอน
แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ เขาไม่จำเป็นต้องให้ฉู่สงซานมามาช่วยเหลือหรอก
ขนาดผู้คุมพระราชเสาวนีย์แห่งตี้จิง ท่านหลุยกงที่ทรงเกียรติ ก็ยังไม่กล้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของจี้ฉงซานเลย เพราะเกรงกลัวความน่าเกรงขามของหลินอิ่ง แล้วถังคังเจิ้น นายกเทศมนตรีของเมืองก่างแค่คนเดียว จะมาทำอะไรหลินอิ่งได้?
“ถ้าอย่างนั้นประธานหลิน ตอนนี้สื่อข่าวต่างๆไม่สามารถรายงานข่าวได้ แผนการก่อนหน้านี้ของพวกเรา ก็เท่ากับว่าทำไปเปล่าประโยชน์เลยน่ะสิครับ”ฉู่สงซานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งพูดอธิบายไปอย่างง่ายๆ“ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผมให้เวลาถังคังเจิ้นแค่สามวัน”
“ภายในเวลาสามวัน ถ้าคำวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าประชาชนยังคงถูกปิดกั้นอยู่ จะมีคนไปคุยเจรจากับเขาอย่างแน่นอน”
ฉู่สงซานสีหน้าจริงจัง ทำความเข้าใจความหมายคำพูดของหลินอิ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน
……
ณ ศาลากลาง ของเมืองก่าง
ติงยี่โค้งคำนับอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน พูดรายงานสถานการณ์อย่างเคารพนอบน้อม
“ให้ฉันทำตัวเป็นกลาง?”
ถังคังเจิ้นถอดแว่นออก ใช้มือเช็ดๆเลนส์แว่นตา สีหน้านิ่งขรึมบึ้งตึง
“ใช่ครับ หลินอิ่งพูดแบบนี้”ติงยี่พูดรายงานด้วยความเคารพนอบน้อม“ท่าน ไอ้คนสกลุหลินกำลังดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีของท่านชัดๆเลยนะครับ เตือนท่านว่าอย่าเข้าไปยุ่งแทรกแซงเรื่องของพวกสื่อต่างๆอีกด้วย”
“หลินอิ่งอาศัยว่าตัวเองเป็นคุณชายจากตระกูลร่ำรวยของตี้จิง ถึงได้ยโสโอหังขนาดนี้ ผมแนะนำให้ท่านจัดการสั่งสอนมันซะ ให้มันรู้ว่า เมืองก่างไม่ใช่สวนสนุกของมัน ถึงคิดจะมาเล่นอะไรได้ตามใจชอบแบบนี้ได้”
ติงยี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงไม่พอใจหลินอิ่งสุดๆ
“เหอะๆ”ถังคังเจิ้นขำแห้งออกมาสองที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆไม่รีบไม่ร้อน“วัยรุ่นไฟแรง มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
“แต่ก็แค่ไฟแรงเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ?”
“ท่านครับ หลินอิ่งยังบอกอีกว่า ถ้าท่านยังไปยุ่งเรื่องของเขาอีก เขาจะทำให้ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองก่างได้แค่สามวันเท่านั้น”ติงยี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด
พอได้ฟังแบบนั้น ถังคังเจิ้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย สวมแว่นตาอีกครั้ง สีหน้าดำมืด ในแววตาแฝงไปด้วยความโมโห
“เขาพูดแบบนี้จริงๆเหรอ?”ถังคังเจิ้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมไม่กล้ารายงานข้อมูลเท็จหรอกครับ”ติงยี่พูดขึ้น
“เหอะ”
ถังคังเจิ้นสบถเหอะออกมาอย่างเย้ยหยัน ส่ายหัว
“ไอ้หนุ่มคนนี้ จะเก่งกาจกว่าใครอย่างนั้นเหรอ?”
“เสี่ยวติง นายไปติดต่อคนของกรมพาณิชย ให้เขาสำรวจกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเมืองก่างของหลินอิ่งหน่อย ว่ามีการทำผิดกฎระเบียบของตลาดบ้างหรือเปล่า”ถังคังเจิ้นพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย
“แล้วก็ ติดต่อจี้ฉงซานให้ฉันด้วย ฉันจะไปพูดคุยปรึกษากับเขาสักหน่อย”
“ครับ!”ติงยี่พยักหน้าอย่างแรง
……
ระยะเวลาสองวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ
จี้ฉงซานยังคงยืนหยัดอยู่ในเมืองก่างยังไม่ได้ไม่ล้มลง ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขสุขสบายดี
ความคับแค้นใจของผู้เสียหาย ถูกผู้คนเมินเฉย
แม้ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจะถูกปิดกั้นไป แต่บรรดาคนในเมืองก่างก็ยิ่งมีความโกรธแค้นต่อจี้ฉงซานเพิ่มมากขึ้น!
วันนี้
หลินอิ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องไพรเวทของร้านอาหารผองเฟย
ภายในห้องไพรเวทที่ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา มีเพียงแค่คนสองคน ตรงข้ามมีชายหนุ่มแต่งกายชุดสูททางการนั่งถือแก้วชาด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณหลิน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณมากเลยนะครับ ครั้งนี้ผมเป็นตัวแทนของหลุยกง มาขออภัยอย่างสูงสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตี้จริงครั้งที่แล้วครับ”ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งพูดตอบอย่างนิ่งเฉย“หลุยกงเป็นคนเข้าใจเรื่องสถานการณ์ต่างๆดีคนหนึ่ง”
“ผมจะส่งทอดเจตนาของคุณหลินไปให้กับหลุยกงได้รับรู้ครับ”ชายหนุ่มพูดขึ้น“คุณวางใจได้ ครั้งนี้ ทีมสืบสวนของพวกเรามาด้วย จะต้องสืบเจอความสัมพันธ์ระหว่างถังคังเจิ้นกับจี้ฉงซานได้อย่างชัดเจนแน่นอน ถ้ามีการติดต่อซื้อขายอำนาจการเงินที่ไม่ถูกต้องล่ะก็ พวกเราจะต้องรายงานให้ทุกคนรู้ ทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน!”
ชายหนุ่มพูดเสียงดัง
เขาเป็นสมาชิกลับที่ท่านหลุยกงส่งมายังเมืองก่าง
การมาในครั้งนี้ ก็เพื่อมาสืบประวัติเบื้องลึกเบื้องหลังของถังคังเจิ้นโดยเฉพาะ
หลินอิ่งเข้าใจความหมายของหลุยกงดี ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปติดต่อกับกองทหารอะไรมากมาย หลุยกงก็มาแสดงเจตจำนงที่จะให้ความร่วมมือกับเขาเองเลย เพื่อที่จะชดใช่ให้กับความผิดที่ทำไปก่อนหน้านี้
หลุยกงในฐานะที่คุมพระราชเสาวนีย์แห่งตี้จิง ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้นำสูงสุดของตี้จิงแล้ว ยังเป็นคนใหญ่คนโตหนึ่งที่อยู่ในสามอันดับแรกของรัฐบาลแห่งชาติอีกด้วย
นายกเทศมนตรีแห่งเมืองก่าง ถังคังเจิ้นแม้ว่าจะเป็นผู้นำสูงสุดเหมือนกัน แต่ไม่ได้ร่วมจัดอันดับอำนาจแห่งชาติ เทียบกับหลุยกงแล้ว ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย อยู่คนละระดับกัน
“หลุยกงยังให้ผมมาถามคุณด้วยว่า ว่ามีเรื่องไหนที่อยากจะสั่งเป็นพิเศษไหม?”ชายหนุ่มชุดสูทพูดถาม
“นั่นเป็นงานของพวกคุณ ผมจะไม่ก้าวก่าย ผมหวังว่า พวกคุณจะทำตัวเป็นกลาง!”
“ความจริงจะเป็นยังไง แน่นอนว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว พวกคุณไม่ต้องมาพูดอธิบายอะไรกับผม แค่ไปพูดอธิบายให้เหล่าพวกผู้เสียหายจำนวนมากที่เมืองก่างก็พอแล้ว”หลิงอิ่งพูดขึ้นอย่างจริงจัง
ชายหนุ่มชุดสูทพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักแน่น“คุณวางใจได้ หลุยกงจะให้ความสำคัญกับเรื่องของเมืองก่างแน่นอนครับ จะไม่ให้พวกคนชั่วพวกนั้นก่อเรื่อง ควบคุมบงการสื่อ มาปิดหูปิดตาประชาชนแน่นอนครับ!”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก
เสียงก๊อกๆดังขึ้นสองที
ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ประธานหลิน เกิดเรื่องแล้วครับ”
ฮาเดสเดินเข้ามา พูดขึ้นสีหน้าเคารพนอบน้อม