ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 488 แกจะทำอะไรได้?
“ฉันกำลังทำเรื่องโง่ขนาดไหน? ฮาฮาฮา หลินอิ่ง ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกยังมาข่มขู่ฉัน?”
โจผิงหัวเราะเย็นชา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉันรู้แค่ว่า ฉันกำลังทำเรื่องที่ถูกต้องที่สุก ฉันจะแต่งงานกับจางฉีโม่” โจผิงพูดอย่างโอ้อวด “แกมีอะไรไม่พอใจไหม? ไอ้น้ำยาอย่างแกมันไม่คู่ควรกับจางฉีโม่แม้แต่น้อย ไม่คู่ควรกับผู้หญิงที่เก่งขนาดนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะแย่งผู้หญิงของแก ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกจะทำอะไรได้?”
“แกหลินอิ่ง ก็แค่ลูกเขยไร้น้ำยาขึ้นชื่อในเมืองชิงหยูนคนเดียวเท่านั้น ไร้ค่า ไร้ทรัพย์สิน ไร้อำนาจ” โจผิงพูดด้วยสีหน้าได้ใจ “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ไอ้ขยะอย่างแก ยังมีชีวิตอยู่ทำไม? แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองยังดูแลไม่ได้ รู้ไหม? ไอ้ไร้น้ำยา”
พูดจบ โจผิงก็ยิ้มอย่างดูถูก ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่งเข้ามาในงานกะทันหัน ข่มขู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ อยากทำให้เขาขายหน้าชัดๆ
ไอ้ไร้น้ำยาแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำให้เขาขายหน้า?
พูดถึงฐานะแล้ว หลินอิ่งควรต้องคุกเข่าให้เขาด้วยซ้ำ
“หลนอิ่ง ไอ้หน้าโง่ แกได้ยินหรือยัง? คุณชายโจผิงว่าแกยังนี้มันผิดตรงไหน? ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกมีสิทธิ์เข้ามาในงานของตระกูลโจเหรอ? มาเล่นตลกเหรอ?”
“เหอะเหอะ หลินอิ่ง ถ้าฉันเป็นแก ตอนนี้คงขาเสาไฟชนตัวตายไปแล้ว เป็นคนไร้ประโยชน์ได้ถึงขนาดนี้ ผู้ชายทั้งคนยังมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม? ทำไมไม่ไปตายซะ?”
“ฉันว่า จางซิ่วเฟิงผัวเมีย หลินอิ่งคนนี้เมื่อก่อนก็เป็นลูกเขยของครอบครัวคุณ ถึงแม้พวกคุณจะไล่มันออกจากบ้านไปแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกคุณก็เคยเลี้ยงไอ้ไร้น้ำยานี่มาหลายปี พวกคุณสองคนต้องพูดอะไรหน่อยแล้ว อย่าให้ไอ้ไร้น้ำยานี่มาก่อกวน มาทำเรื่องขายหน้า”
คราวนี้ แขกในงานต่างก็พากันชื่นชมโจผิง ดูถูกเหยียดหยามหลินอิ่งสารพัด และเสนอความคิดเห็นต่อลู่หย่าฮุ่ยผัวเมีย
ได้ยินคำพูดของแขกในงาน ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียก็สีหน้าไม่ดี
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมีย มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเกลียดชัง ขึงตาใส่ ไม่พอใจอย่างมาก
พฤติกรรมของหลินอิ่ง ตั้งใจทำให้พวกเขาสองคนอึดอัดใจชัดๆ
ตั้งใจมาทำให้พวกเขาสองคนขายหน้าในตระกูลโจ ทำให้พวกเขาอับอายขายหน้า
“หลินอิ่ง แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ไอ้เนรคุณ ครอบครัวเราเลี้ยงแกมาตั้งกี่ปี ไม่หวังผลตอบแทนจากแกแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ลูกสาวเราหย่ากับนายแล้ว หาคนที่ดีได้แล้ว ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแก กลับมาสร้างความวุ่นวาย? อยากทำลายเรื่องดีๆของครอบครัวเราใช่ไหม?”ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างเคร่งขรึม สีหน้ารำคาญ
“หลินอิ่ง ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ผู้ชายแท้ๆ แกไม่รู้จักขายหน้าหรือไง” จางซิ้วเฟิงต่อว่า “คุณชายโจผิง มีตรงไหนสู้ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกไม่ได้? ฉีโมแต่งงานกับคุณชายโจผิง อนาคตชีวิตจะมีความสุขแค่ไหน ถ้าแกคิดดีต่อลูกสาวของฉัน ก็ออกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันเห็นไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกแล้วก็โมโหขึ้นมาทันที”
“แกพูดพวกเราไล่ออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว ลูกสาวฉันจะแต่งงานกับใคร ก็ดีกว่าอยู่กับแก จะแต่งกับใคร ก็ไม่ใช่สิทธิ์ของแกที่จะมายุ่ง แกไสหัวออกไปจากงานเลี้ยงตระกูลโจเดี๋ยวนี้ อย่ามาขัดใจฉันที่นี่ เห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างรังเกียจ
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มุมปากยิ้มขึ้น
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียจะมองเขายังไง เข้าใจเขาผิดยังไง ในใจเขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ยอมที่จะเชื่อคำพูดของคนนอก เข้าใจตัวเองผิด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมเชื่อ คำพูดที่จริงใจจากเขาแม้แต่คำเดียว
ไม่อธิบาย คือทัศนคติของหลินอิ่ง
“หลินอิ่ง แกยิ้มอะไร? แกคิดว่าเราว่าแกผิดไปเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างไม่พอใจ ยิ่งดูท่าทางหลินอิ่ง ความโมโหในใจก็ลุกเป็นไฟ
เธอไม่เข้าใจ ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่ง ทำไมยังมีหน้ามีทำท่าทางแบบนี้? ไอ้ขยะไร้น้ำยาแบบนี้ ควรที่จะไสหัวออกจากงานเลี้ยงตระกูลโจถึงจะถูก
“หลินอิ่ง แกคิดว่าพวกเราไล่แกออกจากบ้าน แกไม่พอใจใช่ไหม? จะต้องให้เขาเล่าเรื่องโสโครกของแกออกมาใช่ไหม?” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างโมโห “ได้ วันนี้ฉันขอพูดหน่อยละกัน ว่าแกหลินอิ่งทำเรื่องขายหน้าอะไรไว้บ้าง”
“ครอบครัวเราไล่แกหลินอิ่งออกจากบ้าน เพราะว่าแกมันไร้ยางอาย ไปมั่วสุมกับผู้หญิงข้างนอก โดยเฉพาะ เงินที่แกใช้เป็นเงินที่ลูกสาวฉันให้ เงินที่แกได้มาล้วนได้มาจากงานผู้ช่วยที่ลูกสาวฉันจัดให้” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างมีเหตุมีผล “แล้วก็ลูกสาวฉันให้แกไปทำงานที่เมืองก่าง แกก็ไปทำตัวเหลวไหลที่เมืองก่าง ยังทำร้ายร่างกายหลานสาวฉัน รังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแล้วยังไม่ยอมรับ ยังใส่ร้ายเขาอีก? แกว่าแกมันไร้ยางอายแค่ไหน? หา?”
“ใช่แล้ว ทุกคนพวกคุณไม่รู้ ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนี่อยู่ตระกูลจางเรามาหลายปี ไม่เคยทำเรื่องดีอะไรเลย วันๆก็ทำแต่ใช้ชื่อเสียงลูกสาวฉันโอ้อวดอยู่ข้างนอก รู้จักแต่พวกเพื่อนมีปัญหา ไม่มีปัญญาหาเงินเองก็เอาเงินกับลูกสาวฉัน” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างไม่ไว้หน้า
“เรื่องพวกนี้ ครอบครัวเราก็ทนแล้ว แต่ครั้งนี้ หลินอิ่งมันนอกใจมีผู้หญิงอื่น ถูกจับได้มีรูปถ่ายเป็นหลักฐาน ยังถูกส่งมาถึงบ้านเรา ทุกท่านว่า ผู้ชายไร้น้ำยาแบบนี้ ครอบครัวเราจะเก็บไว้ไหม?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดจาใส่ไฟเต็มที่ ยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด
“หา บนโลกนี้ยังมีผู้ชายไร้ยางอายอย่างหลินอิ่งอีกเหรอ?”
“โอ้โห น่าเหลือเชื่อจริงๆ ฉันพูดตามตรงนะ ถ้าบ้านฉันมีลูกเขยแบบนี้ ถูกฉันตีจนขาหักแล้ว”
“คุณจาง ครอบครัวคุณนี่ดีกลับหลินอิ่งเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าไอ้ไร้น้ำยานี่ มันจะไม่รู้จักบุญคุณ หย่ากันแล้วยังจะมาทำลายลูกสาวพวกคุณอีก ก่อกวนเรื่องมงคลของครอบครัวคุณ ไอ้ไร้น้ำยาเนรคุณจริงๆ”
ได้ยินคำพูดของลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียแล้ว แขกที่นั่งในงานต่างก็พูดจาเสียดสีขึ้นมา ต่อว่าหลินอิ่งสารพัด
“หลินอิ่ง ไอ้ไร้น้ำยาแกไม่ได้ยินหรือไง? แม้แต่อดีตพ่อตาแม่ยายแกก็ไม่ไว้หน้าแกแล้ว แฉเรื่องทุเรศของแกออกมาหมดแล้ว ดูถูกแกขนาดนี้ แกยังมีหน้ามีหาเรื่องกับฉันอีกเหรอ?” โจผิงหัวเราะเยาะ
“ฉันขอพูดอะไรน่าเกลียดหน่อยนะ แกหลินอิ่งก็แค่หลังในทรัพย์สินของฉีโม่ไม่ใช่เหรอ? รู้สึกว่าเกาะฉีโม่กินมันสบายใช่ไหม? ยังสามารถเลี้ยงไอ้ไร้น้ำยาอย่างแก?” โจผิงพูดจาเสียดสี “ถ้าฉันเป็นแก คงหาหลุมมุดลงไปนานแล้ว ยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้? ผู้ชายมีมือมีเท้า วันๆรู้แต่เกาะผู้หญิงกิน?”
สีหน้าของโจผิงได้ใจมาก รวมทั้งคนตระกูลโจอย่างโจยู่ถานและโจตง ต่างก็มองหน้าหลินอิ่งด้วยสายตาเยาะเย้ย
วันนี้ ถือว่าได้ทำให้หลินอิ่งมันขายหน้าแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ ถูกอดีตพ่อตาแม่ยายตัวเองเปิดโปงเรื่องชั่ว ขายหน้าถึงตระกูลจริงๆ
จากนี้ไป ดูว่าไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งมันยังมีหน้าอยู่ในเมืองชิงหยูนอีกไหม?
“เหอะ” หลินอิ่งส่ายหน้า ใบหน้านิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน มองโจผิงอย่างเย็นชา
“โจผิง ฉันให้เวลานายหนึ่งนาที คุกเข่า ก้มหัวเคารพ” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตระกูลโจยังสามารถมีชื่อในเมืองชิงหยูนได้ สายกว่านี้ ต่อจากนี้ไป เมืองชิงหยูนก็ไม่มีตระกูลโจอีก”
“ฮาฮาฮาฮา” โจผิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มองหลินอิ่งอย่างเหยียดหยาม “ไอ้ไร้น้ำยาแกบ้าไปแล้วใช่ไหม? ตัดชื่อตระกูลโจ? แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
“วันนี้ฉันจะหมั้นกับจางฉีโม่ แก จะทำอะไรฉันได้?” โจผิงพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก