ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 492 สะเทือนไปทั้งเมืองชิงหยูน
ได้ยินแล้ว โจผิงที่ถูกถีบนอนอยู่กับพื้น ความหวาดกลัวในสายตายิ่งเพิ่มขึ้น
“ประธานหลิน ขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่เจียมตัวเอง ผมไม่มีสิทธิ์ช่วยท่านเลียรองเท้าจริงๆ”
“ขอร้องท่านอย่าโกรธเลย ติดใจเอาความกับคนเล็กๆอย่างผม…..ท่านปล่อยตระกูลโจไปเถอะ ท่านจะให้ผมยอมรับผิดขอโทษยังไง ผมก็ยอมทำหมด แม้แต่จะคุกเข่าขอโทษให้ท่านที่พลาซ่าเมืองชิงหยูน ผมก็ยินดี”
โจผิงยังยิ้มอย่างประจบ ใช้น้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตนที่สุด พูดจาขอร้อง
หลินอิ่งยืนมือไขว้หลัง ได้แต่ส่ายหัว คนที่ทำงานให้คนชั่วแบบนี้ เขาก็ไม่อยากไปลงมือเอง
“นี่ นี่มัน”
“เป็นไปได้ยังไง คุณชายโจผิงไปคุกเข่าขอร้องหลินอิ่งแบบนี้?”
“หรือว่า หลินอิ่งจะเป็นคนใหญ่โตที่แอบซ่อนฐานะไว้? คำพูดง่ายๆสองคำ ก็ทำให้คุณชายโจผิงกับคุณหลี่ตกใจถึงขนาดนั้น?”
แขกที่นั่งในงาน ต่างพากันสนทนาอย่างสงสัย สังเกตมองหลินอิ่งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ขณะนี้ หลินอิ่งกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของงานไปอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นตัวเอกของงาน
เขายืนเฉยๆอยู่ตรงนั้น ก็ให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งกับคน ไม่สามารถต่อต้านได้ สูงส่งน่านับถือ
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่ชื่อเสียงลูกเขยไร้น้ำยาของหลินอิ่ง พวกเขาก็เลยมีอคติและดูถูกเหยียดหยาม คงไม่กล้าละเลยพลังอำนาจอันแข็งแกร่งของหลินอิ่งแน่นอน
“คุณชายโจ นี่ หลินอิ่งเขา?” ลู่หย่าฮุ่ยดูจนรู้สึกหวาดกลัวในใจ คิดไม่ถึงว่าวันแบบนี้จะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้
พวกเขาอยากให้ลูกสาวจางฉีโม่แต่งเข้าตระกูลจางมาตลอด สนับสนุนงานแต่งนี้อย่างเต็มที่ ก็เพื่ออยากได้ใช้ชีวิตมหาเศรษฐี รู้สึกว่าโจผิงดีกว่าไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนั่นไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ปรากฏกลับพบว่า
โจผิงที่พวกเขาชื่นชมในใจมาโดยตลอด แต่กลับ คุกเข่าขอร้องต่อหน้าหลินอิ่ง เหมือนหมากระดิกหาง?
โลกใบนี้เกิดอะไรขึ้น?
“หลินอิ่ง นี่แก…….” จางซิ่วเฟิงมองหลินอิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรบ้าง
หลินอิ่ง ณ ตอนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ใช่ลูกเขยไร้น้ำยาในความทรงจำของพวกเขา
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมีย เริ่มที่จะคาดเดาในใจได้บ้างแล้ว หลินอิ่งคงไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
ดูจากพฤติกรรมที่โจผิงและอดีตผู้นำสูงสุดของเมืองชิงหยูนหลี่ชิงซงที่มีต่อเขา ก็สามารถดูออกได้ หลินอิ่งคงจะมีฐานะที่สูงส่งมาก
แต่ว่า ในใจของลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียยังคงมีความสงสัย รู้สึกไม่อยากเชื่อ
ในสายตาของพวกเขา หลินอิ่งนั้นก็แค่ลูกเขยไร้น้ำยาแท้ๆคนหนึ่ง ก่อนที่จะแต่งเข้ามาก็ได้ยินว่าเป็นลูกกำพร้าไร้พ่อไร้แม่ หลายปีนี้อยู่กินฟรีที่บ้านพวกเขา ล้วนแต่พึ่งคำสั่งเสียเรื่องสัญญาการแต่งงานที่นายท่านทิ้งไว้ แต่งเข้ามาเกาะครอบครัวพวกเขากิน เป็นคนไร้ความสามารถ
หลังจากลูกสาวโชคดีเจริญก้าวหน้าแล้ว หลินอิ่งก็เป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายลูกสาว
นอกจากนี้แล้ว หลินอิ่งจะไปมีความสามารถอะไรอีก?
อีกอย่าง ถ้าหากหลินอิ่งมีความสามารถใหญ่โต ทำไมต้องแต่งเข้าตระกูลจาง? หรือว่าเป็นเพราะรักลูกสาวของพวกเขา? ดูท่าทางพฤติกรรมของหลินอิ่งที่เจ้าชู้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงข้างนอก นั่นก็ไม่เหมือนคนซื่อตรงจริงจังเลย?
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียเริ่มคิดฟุ้งซ่านในใจ พิจารณาหลินอิ่งใหม่ ในใจคิดยังไงก็คิดไม่ตก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“ประธานหลิน ท่านอย่าโกรธเลยนะครับ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ผมหวังว่าท่านยกโทษ ให้โอกาสตระกูลโจเราสักครั้ง อย่าตัดขาดอนาคตของตระกูลโจเลยนะครับ” โจผิงคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าเจ็บปวด พนมมือขอร้อง
“คำพูดเดียวกัน ฉันไม่อยากพูดสองรอบ” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “โวยวายเสียงดังอีก ฉันจะให้ตระกูลโจสูญพันธุ์”
“อ้าก”
โจผิงเบิกตากว้าง หัวใจเต้นอย่างแรง
คำพูดอันเรียบเฉยของหลินอิ่งนั้นมีแววแรงสังหาร ทำให้โจผิงตกใจจบเกือบเป็นลม
ไม่มีช่องว่างให้เจรจาเลยแม้แต่น้อย คุณชายอิ่งผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ไม่อยากให้โอกาสตระกูลโจเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ รนหาที่ตายชัดๆ ไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตอย่างคุณชายอิ่ง เทวดาลงจากสวรรค์ก็ช่วยตระกูลโจไม่ได้
จากความสามารถของหลินอิ่ง นั้นไม่ใช่เรื่องปลอมแน่ แค่ใช้อำนาจเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ตระกูลโจสูญหายไปจากโลกนี้ทันที
“ขอบคุณประธานหลิน ที่ไว้ชีวิตตระกูลโจของเรา…….” โจผิงพูดอย่างเศร้าโศก บนหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเคารพ คุกเข่าขอบคุณ
เขารู้ดี ทุกอย่างของตระกูลโจจบสิ้นแล้ว
ก็เพราะว่า ไปดูถูกเหยียดหยามเทวดาอย่างหลินอิ่งอย่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“หลิวจุน แจ้งเสิ่นซานกับเจียงฉี ผมต้องการให้พวกเขาสองคนจัดการเรื่องตระกูลโจซะ” หลินอิ่งออกคำสั่งอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็ไขว้มือหมุนตัว เดินออกจากห้องรับรอของตระกูลโจไปช้าๆ
“ครับ” หลิวจุนพยักหน้าอย่างหนักแน่น กดเบอร์โทรออกอย่างรวดเร็ว
หลิวจุนอยู่ที่ตระกูลโจด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ต่อจากนั้น เรื่องทุกอย่างในตระกูลโจ ก็จัดการโดยเสิ่นซานและเจียงฉี
จากฝีมือการทำงานของพวกเขาสองคน ไม่ถึงสามวัน ตระกูลโจที่ยืนหยัดอยู่ในเมืองชิงหยูนมาร้อยปี จะหายไปจากประวัติศาสตร์…
“โน้มส่งประธานหลิน”
“ประธานหลินเดินทางปลอดภัย”
โจผิงและหลี่ชิงซงตะโกนพูดด้วยสีหน้าซีดชาว ยังคงรักษาความเคารพ ไม่กล้าทำให้หลินอิ่งไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว
ถึงแม้หลินอิ่งจะเอาทุกอย่างของพวกเขาไปจนหมด พวกเขา ยังคงต้องคุกเข่าส่งแขก
“นี่……”
ทุกคนในงาน ต่างก็มองดูร่างที่เดินจากไปอย่างสง่าของหลินอิ่ง
ทันใดนั้น ทุกคนต่างพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรบ้าง
ในใจของพวกเขา ต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้ตกใจ
หลินอิ่ง ลูกเขยไร้น้ำยาขึ้นชื่อแห่งเมืองชิงหยูน ท่ามกลางสายตาของผู้คน คำพูดเพียงคำเดียว ก็ขจัดตระกูลโจผู้มีอำนาจล้นฟ้าในเมืองชิงหยูน มูลค่าทรัพย์สินพันล้านอย่างราบคาบ
เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าคงจะทำให้ทุกคนตะลึงอย่างแน่นอน
คนในเมืองชิงหยูน ต่างก็เป็นคนมองคนอื่นผิวเผิน ต่างมองหลินอิ่งผิดไป
“หลินอิ่ง เขา…….เขาเป็นอะไรกัน ซิ่วเฟิง กลับไปต้องถามฉีโม่ให้ชัดเจน…….” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างขมขื่น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและลำบากใจ
จางซิ่วเฟิงมุมปากกระตุก สีหน้าเหมือนหมดหนทาง ท่าทางอารมณ์แปรปรวน
คนยิ่งใหญ่อย่างหลินอิ่ง บุคคลที่อำนาจแข็งแกร่งขนาดนี้
ปรากฏว่า ถูกพวกเขาผัวเมียไล่ออกจากบ้านไปอย่างนั้น?
ปรากฏว่า พวกเขาคิดหาทุกวิธีเพื่อแยกลูกสาวตัวเองออกจากหลินอิ่ง?
นี่มัน เป็นเรื่องที่ตลกน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่ง จะมีอำนาจใหญ่โตขนาดนี้ น่าเสียดายจริงๆ”
“สองผัวเมียตระกูลจาง คงจะเสียใจจนท้องไส้พันกันหมดแล้วมั้ง ที่ไล่ลูกเขยแบบนี้ออกจากบ้าน ยังทำลายดูหมิ่นชื่อเสียงลูกเขยอีก?”
แขกในงาน เมื่อตั้งสติได้แล้ว ก็เริ่มซุบซิบนินทาขึ้นมา
ทุกคน ต่างก็มองลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียด้วยสายตาประหลาด
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิง กลายเป็นตัวตลกในสายตาทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาคิดหาทุกวิธีเพื่อจะไล่หลินอิ่งออกไป คิดหาวิธีให้ลูกสาวแต่งเข้าตระกูลโจ
ปรากฏว่าในวันหมั้น ถูกหลินอิ่งใช้คำพูดเดียวจัดการตระกูลโจอย่างแบนราบ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกแห่งศตวรรษเลย
ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียสีหน้าแดงก่ำ ทั้งไม่พอใจ และรู้สึกอับอายขายหน้า จนอยากจะหาหลุมมุดตัวลงไป
“คุณชายโจ หลินอิ่งเขา มีฐานะอะไรกันแน่? คุณ คุณกับคุณหลี่ ทำไมถึงได้กลัวเขาขนาดนี้?” จางซิ่วเฟิงสีหน้าแดงก่ำ ถามคำถามไปอย่างไม่ยอมรับ
“หลิน ประธานหลิน เป็นคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง……” โจผิงสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณ ก้มหน้าพูด “ห้าตระกูลมหาอำนาจแห่งตี้จิง ทายาทคนเดียวของตระกูลฉี เวลาเดียวกัน ก็เป็นตระกูลฉีคนปัจจุบัน……”
หลังจากที่คำพูดนี้พูดออกไปแล้ว ทุกคนในงานเงียบสงบ เงียบสงบจนได้ยินเสียงใบไม้ร่วง
หลังจากวันนี้ ชื่อเสียงคุณชายอิ่ง ต้องสร้างความสะเทือนให้กับเมืองชิงหยูนแน่นอน สะเทือนมณฑลตุงไห่