ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 505 หลินอิ่งทำไมถึงหักหน้ากัน?
“ครับ พ่อ ผมจะทำตามคำสั่งพ่อ” ฉู่สงซานพูดอย่างจริงจัง ในความรู้สึกนั้นมีอารมณ์ความตื่นเต้น
ตอนแรกคิดว่า เพราะว่าเรื่องของหลินอิ่งทำให้คุณท่านโกรธ ยังสร้างความโมโหภายในตระกูลฉู่
แต่ตอนนี้ดูแล้ว การตัดสินของเขาไม่ได้ผิด หลินอิ่งมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาจริง แม้แต่คุณท่านตระกูลตัวเองยังบอกว่าหลินอิ่งเป็นศิษย์ของเพื่อนเก่าท่าน
ต้องรู้ว่า คนที่สามารถถูกคนหัวโบราณอย่างฉู่จี้ชังเรียกว่าเพื่อนเก่า นั่นก็มีฐานะที่สูงส่งในแวดวงลึกลับนี้แน่นอน
“พ่อ นี่…..นี่มันเรื่องเด็กเล่นเกินไปไหม ดอกโคม เอาไปให้คนอื่นแบบนี้เลย?”
“ใช่ พ่อ ฟังความหมายของพ่อ คือจะเอาคุณหนูตระกูลเราไปให้คนธรรมดาอย่างหลินอิ่งเหรอ? นี่มันเป็นไม่ได้นะครับ”
“พ่อ พ่อต้องคิดให้ดีนะ เรื่องแบบนี้ถ้าถูกลือออกไป คนในแวดวงลึกลับต้องหัวเราะตระกูลฉู่ของเราแน่”
คราวนี้ ผู้ใหญ่ตระกูลฉู่ที่นั่งอยู่ในนี้ ต่างก็พากันห้ามปราม
สำหรับการตัดสินใจนี้ของคุณท่าน โดยส่วนรวมหรือส่วนตัว พวกเขาต่างก็ยอมไม่ได้
ฉู่สงซานถึงแม้อำนาจในตระกูลฉู่จะไม่มากนัก แต่ว่าลูกสาวของเขาฉู่ฉู่ ได้รับความรักใคร่จากคุณท่านเป็นอย่างมาก เหมือนดั่งไข่มุกในกำมือ แม้แต่เรื่องใหญ่โตอย่างดอกโคม ยังพูดให้คุณท่านพยักหน้าได้
และนี่สร้างความอิจฉาของคนในตระกูลฉู่
“ทำไม? ตอนนี้แม้แต่เรื่องแค่นี้ฉันก็ตัดสินใจไม่ได้แล้วเหรอ? ต้องให้พวกเธอมาสอนฉันแล้วเหรอ?” ฉู่จี้ชังทำเสียงเย็นชา แล้วยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม
จากการที่คุณท่านขมวดคิ้ว และคำพูดนี้ออกมา คนตระกูลฉู่ที่นั่งอยู่ในนี้ต่างก็เงียบไม่กล้ากล้าสนทนาอะไรอีก
เพราะว่า อำนาจของคุณท่านฉู่อยู่ตรงนี้
“เงียบทุกคน เรื่องนี้ ฉันมีความคิดของฉันเอง อีกอย่าง เด็กหนุ่มหลินอิ่งนั่น ก็อาจจะไม่ตกลงก็ได้” ฉู่จี้ชังพูดอย่างใจเย็น
“เด็กนั่นจะไม่ตกลงได้ยังไง?”
พี่ใหญ่ตระกูลฉู่สายตาแปลกใจ คนตระกูลฉู่ต่างก็มองหน้ากัน
นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหม?
คุณหนูตระกูลฉู่ คำพูดของคุณท่าน เอาดอกโคมอันล้ำค่า ส่งยาไปให้เขาเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่ไกลถึงตี้จิง หลินอิ่งจะไม่ตอบรับ?
ดูแล้ว คุณท่านก็ช่างตามใจฉู่ฉู่เกินไปแล้ว โอ๋เกินไปแล้ว
“พอแล้ว สงซาน รีบเดินทางได้แล้ว พาฉู่ฉู่ไปตี้จิงด้วย” ฉู่จี้ชังพูดอย่างจริงจัง จากนั้นก็หันไปมองพี่ใหญ่ตระกูลฉู่ “หยุนซาน เราก็พาลูกศิษย์ในตระกูลฉู่กี่คน ตามไปด้วย ไปเปิดหูเปิดตาที่ตี้จิงหน่อย”
“จำไว้ ต้องนำคำพูดไปส่งถึงตัวหลินอิ่งเอง ยาหลินอิ่งเอาไปได้ แต่เขาต้องมาที่ตระกูลฉู่เราสักครั้ง เชื่อว่าเด็กหลินอิ่งเขารู้หนักเบาเอง”
ฉู่จี้ชังจับแก้วน้ำชา ออกคำสั่งอย่างใจเย็น
“ครับ คุณพ่อ”
“คุณพ่อ ผมจะไปพบหลินอิ่งคนนี้แทนพ่อเอง” ฉู่หยุนซานก็พยักหน้าอย่างเคารพ แววตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
วันนั้น คนตระกูลฉู่ก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวออกเดินทาง ไปสู่ตี้จิง
……
ตี้จิง เขตเหยียนหวง
วิลล่าตระกูลสวี ภายในลานใหญ่ตระกูลสวี
สวีจิ่วหลิงนั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางของห้อง ใบหน้าอันเหี่ยวย่นนั้นเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
ภายในห้องโถง ที่นั่งสองแถว นั่งเต็มไปด้วยผู้ครองอำนาจรุ่นที่สองของตระกูลสวี
สวีฉางเฟิงและสวีถันโจวบาดแผลเต็มตัว พันไปด้วยผ้าพันแผล ท่าทางโทรมซานนั่งอ่อนแรงอยู่บนที่นั่ง
“พ่อ เหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ผมเล่า ผมกับพี่สี่ไปที่จื่อหลงซานมา หลินอิ่งยิ่งอวดดีกว่าเมื่อก่อนอีก ไม่สนใจคำพูดที่คุณกงให้พวกเราไปส่งเลยแม้แต่น้อย เข้ามาก็ทุบตีเลย” สวีฉางเฟิงพูดรายงานเหตุการณ์ ด้วยสีหน้าทนมาร
ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องดีอะไร ยังไปเหยียดหยามความยโสของหลินอิ่งได้บ้าง ปรากฏว่ากลับถูกทำร้ายจนต้องกลิ้งออกจากจื่อหลงซาน
“คำพูดได้พูดกับหลินอิ่งอย่างชัดเจนแล้ว? ส่งจดหมายของคุณกงแล้ว? เขายังกล้ายโสโอหังขนาดนี้?” สวีจิ่วหลิงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พ่อ พวกเราไปทำธุระตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง จดหมายของคุณกงถูกหลินอิ่งฉีกไปแล้ว เขาไม่สนใจความเป็นความตายของฉีเวิ่นติ่งเลยแม้แต่น้อย ยังพูดว่าวันหน้าจะมาฆ่าล้างตระกูลสวีของเรา อวดดีสิ้นดี” สวีฉางเฟิงพูดต่อ
“เห้อ” สวีจิ่วหลิงทำเสียงเย็นชา สีหน้าไม่ดีอย่างสุดขีด “หลินอิ่งทำไมถึงต้องหักหน้ากัน? เป็นคนโหดที่ไม่ห่วงญาติมิตรใดๆเลย เอาชีวิตปู่ของเขาขู่ ยังไม่สะทกสะท้าน”
“พ่อ แล้วต่อจากนี้ ตระกูลสวีของเราจะทำยังไง? ผมว่าพ่อรีบตัดสินใจเถอะ อย่าลังเลอีกเลย ชื่อเสียงของตระกูลสวีตั้งหลายปีขนาดนี้ ครั้งที่แล้วก็ถูกหลินอิ่งทำจนเสียหน้าไปหมดแล้ว ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี ต้องเอาคืนให้ได้” สวีไป๋เห้อนั่งพูดอยู่บนรถเข็น
“พ่อ พ่อต้องตัดสินใจฆ่าล้างตระกูลฉี หลินอิ่งมันเหยียดหยามตระกูลสวีของเราขนาดนี้แล้ว ยังประกาศบอกว่าจะมาฆ่าล้างตระกูลสวีของเรา จากนิสัยของเขาแล้ว ต้องทำตามที่พูดแน่นอน ถ้าหากพวกเราไม่ลงก่อน ใช้โอกาสที่มีคนคอยช่วย ฆ่าล้างตระกูลฉีในครั้งเดียวเลย มิเช่นนั้นต้องมีเรื่องเลวร้ายตามมาไม่หยุดแน่” สวีฉางเฟิงก็พยายามพูดโน้มน้าว
สวีจิ่วหลิงค่อยๆหลับตา สีหน้าเคร่งเครียด
คนรุ่นสองของตระกูลสวี นำโดยสวีไป๋เห้อ ต่างก็เห็นด้วยกับการสู้เป็นสู้ตายกับหลินอิ่ง ใช้โอกาสที่ร่วมมือกับชีซิงกรุ๊ปฆ่าล้างตระกูลฉี
ส่วนคุณท่านสวีจิ่วหลิง กลับยังไม่ได้ตัดสินใจ
เท่าที่เขาดูแล้ว เรื่องนี้มันหนักหนาเกินไป มันเกี่ยวพันถึงธุรกิจร้อยปีของตระกูลสวี ถ้าหากจะเอาเป็นเอาตายกับหลินอิ่ง เขาไม่มีความมั่นใจ
“พ่อ รีบตัดสินใจเถอะ ลูกหลานตระกูลสวีของเราต่างก็ทนความอัดอั้นนี้ไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงสังคมตี้จิงนี้ ลูกหลานตระกูลสวีของเรา ตอนนี้มีแต่คนดูถูก ถูกคนอื่นชี้หน้าพูดโน่นพูดนี่” สวีไป๋เห้อพูดโน้มน้าวอีก
“พ่อ ผมวางแผนทุกอย่างกับคุณกงเรียบร้อยแล้ว ขอแค่พ่อออกคำสั่ง พ่อพูดออกมาเท่านั้น ตระกูลสวีขอเราจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่กดทับตระกูลฉี ประกาศสงครามกับตระกูลฉีในแวดวงตี้จิง ผมเชื่อว่า ไม่นาน หลินอิ่งต้องพ่ายแพ้ในดินแดนตี้จิงแห่งนี้อย่างราบคาบแน่นอน” สวีไป๋เห้อพูดอย่างจริงจัง รอคุณท่านตระกูลตัวเองเปิดปากตอบตกลงไม่ไหวแล้ว
สวีจิ่วหลิงคิดไปครู่หนึ่ง สายตาเย็นชา พูดว่า “ช่างเถอะ ในเมืองหลินอิ่งยโสโอหังถึงขนาดนี้ ประกาศจะฆ่าล้างตระกูลสวี ก็อย่าโทษฉันว่าไม่รู้จักแยกแยะ ไปเชิญคุณกงเข้ามาคุย”
“พรุ่งนี้ฉันจะประกาศต่อภายนอก ตัดขาดธุรกิจทุกอย่างที่ทำกับตระกูลฉี ธุรกิจทุกอย่างไม่ว่าส่วนตัวหรือบริษัทที่ไปมาหาสู่กับตระกูลฉี ตระกูลสวีของเราจะกดดันถึงที่สุด ในวงการธุรกิจ มีฉันต้องไม่มีเขา” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเด็ดขาด
“ครับ พ่อ พ่อตัดสินใจได้ฉลาดที่สุด” สวีไป๋เห้อพูดด้วยสีหน้าดีใจ
ไม่นาน กงจิ่วก็เดินเข้ามาในห้องโถงตระกูลสวี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณท่านสวี สุดท้ายท่านก็ตัดสินใจแล้ว ดีมาก มีคำพูดของท่าน ด้วยอำนาจความเชื่อถือของท่านในตี้จิง ต้องไม่มีคนกล้ายืนฝั่งหลินอิ่งแน่นอน” กงจิ่วพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ