ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 546 ซอยหยกมณี
เผชิญกันซึ่งๆหน้า เขาก็ต้องดูออกอย่างแน่นอน นักฆ่าต้าเหอกลุ่มนี้มาจากสำนักยุทธ์เชียน
โชคดีที่จ้าวเฉิงเฉียนทำงานรอบคอบ ให้เผยหวูหมิงคอยปกป้อง ขัดขวางคนต้าเหอกลุ่มนี้ไว้ได้ชั่วครู่ ถ้าหากฉู่ฉู่ตายแล้ว เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปอธิบายต่อตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน
“จ้าวเฉิงเฉียน ที่นี่ให้คุณเป็นคนจัดการแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งก็พาฉู่ฉู่ ออกจากที่แห่งนี้”
“คุณชายอิ่ง รอคุณมาที่ตระกูลจ้าว ค่อยคุยกันต่อ” จ้าวเฉิงเฉียนกำมือคำนับ
เมื่อหลินอิ่งกับฉู่ฉู่ไปแล้ว จ้าวเฉิงเฉียนก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา มองดูคนชุดดำบนพื้น
“คนต้าเหอช่วงนี้ก่อความวุ่นวายที่ตี้จิงยิ่งอยู่ยิ่งหนักแล้ว” สายตาจ้าวเฉิงเฉียนเป็นประกาย พูดพึมพำเอง “ครั้งที่แล้วที่มณฑลเกาหยางในตระกูลกงซุนก่อความวุ่นวายเรื่องแก๊งหยางเหมิน ก่อกวนตระกูลนิ่ง วันนี้ ยุยงให้ตระกูลสวีเป็นอริกับตระกูลฉี ตี้จิง ยิ่งอยู่ยิ่งไม่สงบแล้ว”
“เผยหวูหมิง เมื่อครู่เห็นหลินอิ่งลงมือไหม? ดูอะไรออกบ้างไหม?” จ้าวเฉิงเฉียนถาม
เผยหวูหมิงพูด “นายน้อย ขออภัย สายตาผมมีจำกัด ดูวิชาการต่อสู้ของหลินอิ่งไม่ออก”
“ยอดฝีมือสำนักยุทธ์เชียนจากต้าเหอกลุ่มนี้ หัวหน้าคนชุดดำ ฝีมือการต่อสู้ไม่ได้อยู่ใต้ผม” เผยหวูหมิงค่อยๆพูด “แต่ว่า หลินอิ่งจัดการพวกเขาง่ายดายยิ่งกว่าเชือดไก่อีก สุดท้ายตอนที่ตามฆ่าหัวหน้าคนชุดดำ ผมดูไม่ออกเลยว่าเขาพุ่งออกไปยังไง”
“นายน้อย วิชาการต่อสู้ของหลินอิ่ง เกรงว่าจะสูงกว่าที่เราคาดเดาไว้อีก คนคนนี้ ถึงระดับยอดเยี่ยมเหนือมนุษย์แล้ว” เผยหวูหมิงพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
“แล้วก็ครั้งที่แล้วท่านให้ผมกลับไปทำนายท่านที่บ้าน ถามเรื่องเกี่ยวกับหลินอิ่ง” เผยหวูหมิงพูดอย่างจริงจัง “นายท่านตระกูลผมพูดแค่ประโยคเดียว ถามไม่ได้ ยุ่งไม่ได้”
“แม้แต่นายท่านตระกูลเผยมณฑลจี้โจวยังกลัวหลินอิ่งขนาดนี้……” จ้าวเฉิงเฉียนถอนหายใจเบาๆ พูดพึมพำ “ดูแล้ว คนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาในสังคมทั่วไป สักวันต้องทะยานอยู่เหนือแวดวงลึกลับแน่ ตระกูลจ้าวรั้งไว้ยาก…….”
“ยังดีที่ รู้จักกับเขาคนนี้ได้ทันเวลา หลินอิ่งเป็นคนมีสัจจะ คืนนี้นายช่วยผู้หญิงของเขาขวางมีดไว้ เขาต้องคืนบุญคุณนี้แน่นอน” จ้าวเฉิงเฉียนค่อยๆพูด “เผยหวูหมิง คืนนี้นายทำได้ดีมาก ฉันจะให้นายขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าสาขาย่อยแก๊งหยางเหมิงในตี้จิง กลับไปแล้ว ไปเอายากับเหล่าหม่า รักษาตัวในสาขาย่อยตี้จิงสักพัก”
“อีกอย่าง เมื่อดูแลสาขาย่อยที่ตี้จิงแล้ว นาย ไปสืบเบื้องหลังของคนต้าเหอกลุ่มนี้ให้ละเอียด ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหนในตี้จิง”
จ้าวเฉิงเฉียนกับแหวนหยกเล่นไปมา พูดอย่างเชื่องช้า สายตาแปร่งประกายแววแห่งปัญญา เสมือนมีแผนการที่ไม่เล็กเลย
“รับทราบคำสั่งนายน้อย”
เผยหวูหมิงพยักหน้าอย่างเคารพ
…….
อีกด้านหนึ่ง ภายในอาคารกลับมาสว่างแล้ว แขกในงานก็ถูกกระจายออกไปแล้ว
หลินอิ่งพาฉู่ฉู่กลับไปถึงห้องโถงรอง
หม่าผิงชวนมองหน้าประตูสีหน้าเคร่งเครียด กงซุนชิวอวี่กับจ้าวหลินเอ๋อร์นั่งอยู่บนที่นั่ง
ผู้หญิงสองคนขึงตาให้กัน ท่าทางต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอีกฝ่าย
“พี่ กลับมาแล้วเหรอ? พี่เป็นอะไรไหม? ฉู่ฉู่ล่ะ เธอก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?” กงซุนชิวอวี่เห็นหลินอิ่งกับฉู่ฉู่กลับมา ก็ลุกขึ้นทันที ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร เธอไม่ต้องห่วง” หลินอิ่งพูด
“ไม่เป็นไร” ฉู่ฉู่ก็ตอบเช่นกัน
ความเป็นจริงเธอถูกคนต้าเหอที่มาตามฆ่าคืนนี้ทำให้ตกใจจนใจหายหมดแล้ว และยังมีความหวาดกลัวในใจ แต่ว่าหลินอิ่งมาถึง ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างมหาศาล
อยู่ข้างกายหลินอิ่ง เธอไม่รู้สึกเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรก็ดี ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ไฟดับกะทันหัน ฉันนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรแล้ว” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างโล่งใจ
“แต่ว่ามีพี่ชายอยู่ เชื่อว่าคนทั่วไปก็ทำอะไรไม่ได้” กงซุนชิวอวี่พูด
จ้าวหลินเอ๋อร์นั่งโดดเดี่ยวอยู่บนที่นั่ง เม้มปากแน่น ท่าทางน่าสงสารเหมือนถูกทอดทิ้ง
ตาสวยของเธอมองหลินอิ่งอย่างเป็นประกาย ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไป
“คุณ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?” จ้าวหลินเอ๋อร์เดินไปข้างกายหลินอิ่ง ก้มหน้าเล็กน้อย ท่าทางเขินอายที่เห็นได้ยาก เป็นห่วงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลินอิ่งขยับปาก นิ่งไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ไม่เป็นไร”
“แล้วก็ครั้งที่แล้วในเมืองชิงหยูน ฉันอยากจะขอโทษคุณอย่างเป็นทางการ ฉันทำนิสัยเสีย ฉันผิดไปแล้ว ไม่ควรไปรบกวนตระกูลจาง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดก้มหน้าเล็กน้อย สีหน้าแดงก่ำ
หลินอิ่งไม่ได้พูด ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่า จ้าวหลินเอ๋อร์ดูเหมือนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ ให้ความรู้สึกกับเขา ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย
“คุณ คุณเห็นฉันแล้วก็ไม่มีอะไรจะพูดเลยเหรอ? ไม่มีอะไรอยากพูดกับฉันเลย?” จ้าวหลินเอ๋อร์รวบรวมความกล้า เงยหน้ามองหลินอิ่งแล้วถาม
เงียบไปครู่หนึ่ง หลินอิ่งมองไปที่จ้าวหลินเอ๋อร์ พูดอย่างจริงจัง “สิ่งที่ควรพูด ผมก็พูดกับคุณไปหมดแล้ว อีกสองวัน ผมจะไปที่ตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง”
“คุณ ไม่รู้จัดผมเลย อย่าฝากความหวังไว้บนตัวผม”
พูดถึงจุดนี้แล้ว หลินอิ่งไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวจะจากไป
“หลินอิ่ง ฉันอยากถามคุณประโยคหนึ่ง ฉันจ้าวหลินเอ๋อร์ ในสายตาคุณ มันสู้ผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เลยเหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถามเสียงเคร่งขรึม ดวงตาแดงเล็กน้อย
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้หันกลับไป
“คุณบอกฉัน ว่าฉันควรจะทำยังไงถึงจะถูก?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถามต่อ รู้สึกน้อยใจอย่างมาก
“แคกแคก……”
เวลาเดียวกัน จ้าวเฉิงเฉียนเดินเข้ามาพอดี ไอไปสองครั้ง
“คุณชายอิ่ง เดินทางปลอดภัย” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างยิ้มแย้ม
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เดินออกจากห้องโถงรอง ส่วนกงซุนชิวอวี่และฉู่ฉู่ก็เดินตามไป
จ้าวหลินเอ๋อร์ท่าทางไม่พอใจ รู้สึกอัดอั้นตันใจ ลำคอสั่นเครือ
“พอแล้ว น้องพี่ บนโลกนี้มีเรื่องมากมาย ที่ฝืนกันไม่ได้”
จ้าวเฉิงเฉียนเดินเข้ามา ยื่นมือปิดตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ไว้ แล้วดึงตัวน้องสาวตัวเองไว้ สายตาเขาเปลี่ยนเป็นคมลึก ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ถอนหายใจอย่างเสียดาย
…….
วันที่สอง
หลินอิ่งพากงซุนชิวอวี่และฉู่ฉู่ กลับไปที่จื่อหลงซาน
กลุ่มของกงจิ่ว จับจ้องฉู่ฉู่ไว้แล้ว ฝีมือโหดเหี้ยม ทำออกมาได้ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น เขาจึงตัดสินใจให้ฉู่ฉู่อยู่ในจื่อหลงซาน ที่นี่เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด
ฉู่ฉู่ก็ตอบรับอย่างเต็มใจ ยินดีอยู่ที่จื่อหลงซานคุยเป็นเพื่อนกับนายท่านฉี
กงซุนชิวอวี่ก็ตัดสินใจพักที่คฤหาสน์หลังหนึ่งใกล้จื่อหลงซาน นั่นเป็นกิจการของตระกูลกงซุน การดูแลเข้มงวด ตัดสินใจจะพักอยู่ที่นี่กับฉู่ฉู่ ไปเยี่ยมคุณตาที่จื่อหลงซานทุกวัน
วันนั้น หลังจากได้คุยกับนายท่านแล้ว
หลินอิ่งออกจากจื่อหลงซาน มาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง
มีรถเบนท์ลี่ย์สีดำจอดอยู่ข้างถนน ที่นั่งคนขับ เป็นเย่เฮยในชุดลำลองนั่งอยู่
“เย่เฮย ออกเดินทาง ไปที่ซอยหยกมณีเขตตะวันออก”
หลินอิ่งนั่งอยู่ข้างหลัง สั่งด้วยสายตาเย็นชา