ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 574 ความสามารถดุดันโหดร้าย
“แคกแคก แก แกเป็นใคร? ทำไมถึงรู้ว่า พวกเราคือคนที่คุณชายอิ่งส่งมา……”
หวงชิงซานไอเป็นเลือดออกมาสองครั้ง มองกงจิ่วด้วยหน้าซีด ถามด้วยสีหน้าสงสัยอย่างมาก
“นี่มันเรื่องอะไรกัน……”
เย่เฮยก็ลุกขึ้นมา เลือดไหลจากมุมปาก จ้องหน้ากงจิ่วดุจศัตรูใหญ่
คนต้าเหอที่ปรากฏตัวกะทันหัน ดุดันโหดร้ายเกินไป ลึกซึ้งไม่อาจคาดเดาได้
เพียงแค่ฝ่ามือเดียว ก็ทำให้พวกเขาสองคนกระเด็นออกไป ความสามารถไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
นี่ทำให้ในใจของทั้งสองคนมีความรู้สึกถึงวิกฤตอันใหญ่หลวง
“เหอะเหอะ……ไอ้กระจอกสองตัว ช่างใจกล้าล้นฟ้าจริงๆ”กงจิ่วหัวเราะอย่างโหดร้าย ดูเหมือนไม่ได้มีหวงชิงซานและเย่เฮยอยู่ในสายตาเลย
เขาหมุนตัวไปช้าๆ บีบคางของจั่วฉวนและจั่วซงไว้ทันที หมุนกระดูกไปมาหลายครั้ง
หลังจากคักคักสองเสียง
จั่วฉวนและจั่วซงดูเหมือนฟื้นฟูเรี่ยวแรงแล้ว ค่อยๆลุกขึ้น ก้มหน้าให้กับกงจิ่ว
“คุณกง ผม พวกเรา……”
“คุณกง ขอโทษ ไม่สามารถทำงานให้ท่านสำเร็จ”
จั่วฉวนและจั่วซงพูดขอโทษ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ถ้าหากหัวหน้ากงจิ่วไม่ได้มาทันเวลา พวกเขาสองคนก็จบแน่
“พวกแกสองคนไร้ประโยชน์ ถูกคนจับตาอยู่ยังไม่รู้ตัว”กงจิ่วตะโกนด่าด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นหันไปมองเย่เฮยสองคน ในตาส่อแววสังหาร
“หัวหน้าพวกแกหลินอิ่ง หาฉันอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ”กงจิ่วหัวเราะเย็นชา “ฉันก็คือกงจิ่ว พวกแกมาจับลูกน้องฉันที่นี่ ไม่ใช่เพราะอยากหาฉันเหรอ?”
กงจิ่วท่าทางถูกอย่างอยู่ในการควบคุม เสมือนรู้เรื่องพวกนี้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว
สีหน้าของเย่เฮยและหวงชิงซานก็เปลี่ยนไปจากปกติอย่างมาก
กงจิ่ว นี่คือผู้นำสูงสุดของสำนักยุทธเชียนที่หลินอิ่งสั่งให้พวกเขาไปหา
คนคนนี้ในข่าวกรองเท่าที่มีอยู่ ความสามารถแข็งแกร่งอย่างมาก
ที่สำคัญที่สุด คือเย่เฮยและหวงชิงซานได้รับข่าวกรองแล้ว ก็รีบมาลงมือเป็นอันดับแรกเลย ไม่มีโอกาสที่ข่าวจะรั่วไหลได้
กงจิ่วทำไมถึงมาอย่างกะทันหัน?
กงจิ่วรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเป็นคนที่หลินอิ่งส่งมา?
“พวกแกสองคนก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่ใช้ได้แล้ว สามารถทำร้ายผู้ปกปักรักษาสองคนข้างกายฉันได้ขนาดนี้ ลงมือโหดและเร็วพอ”กงจิ่วพูดและหัวเราะอย่างเย็นชา “แต่เสียดาย ถูกฉันคาดการไว้ล่วงหน้า”
พูดจบ กงจิ่วก็ชักมีลายเบญจมาศออกมาทันที ร่างดั่งสายลมพุ่งเข้าไปฆ่า
ร่างของเขาเคลื่อนไหวไม่คงที่ดุจปีศาจร้าย ท่าเดินดูเหมือนช้ามาก แต่กลับก้าวออกไปสิบเมตรในชั่วพริบตา เหลือไว้เพียงเงาที่ทำให้คนตาลาย
“พวกนายถอยออกไป”
เย่เฮยตะโกนพูดกับยอดฝีมือทั้งหลาย รวบรวมกำลังภายใน พุ่งออกไปอย่างแรง
ยอดฝีมืออดีตองครักษ์มังกรดำหลายคนถอยออกไปด้านหนึ่ง ไม่ได้เข้าร่วมการสู้รบของยอดฝีมือระดับนี้
อย่างไรเสีย ระหว่างที่รบกันพัลวัน ยอดฝีมือทั้งหลายก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ อาจจะสูญเสียคนไปโดยสูญเปล่าก็ได้
เป็นไปตามนั้น เย่เฮยและหวงชิงซานอดกลั้นอาการช้ำใน อดทนสู้รับมือกับกงจิ่ว
ตังตังตัง
เสียงโลหะกระทบกันดังมาไม่ขาดสาย ภายในสภาพแวดล้อมอันมืดมิดแสงไฟกระจัดกระจาย แรงสังหารอันน่ากลัว
หวงชิงซานและเย่เฮยใช้สุดแรง คนหนึ่งใช้หมัดอันแข็งแกร่งรุกไม่อั้น อีกคนใช้ฝ่ามืออันดุเดือดรุนแรง สู้ล้อมอยู่ซ้ายขวา กลับยังถูกกงจิ่วบีบจนถอยไปเรื่อยๆ
เห็นเพียงแค่ กงจิ่วกดดันเขาสองคน มีดลายเบญจมาศในมืดใช้อย่างยอดเยี่ยม แต่ละมีดประกายเจิดจ้า เหมือนดั่งลมฝนอันรุนแรง น้ำพุที่ไหลเชี่ยว ฆ่าฟันจนเย่เฮยและหวงชิงซานต้องถอยหลัง ใช้พลังกำลังภายในอันแข็งแกร่งต่อสู้
สถานการณ์แบบเหนือชั้นกว่า
ความสามารถอันแข็งแกร่งของกงจิ่วกดทับเย่เฮยทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายในหรือฝีมือการต่อสู้ ล้วนเหนือกว่าระดับหนึ่ง
หนึ่งต่อสองไม่เสียแรงเลยแม้แต่น้อย
เวลาสั้นๆเพียงสองนาที เย่เฮยทั้งสองคนก็ถูกไล่ฆ่าไปไกลร้อยเมตร
ซี๊ด
พู่
ทันใดนั้น กงจิ่วสะบัดมีดเปลี่ยนท่า เปลี่ยนมือฟันด้วยมีดสองเล่ม แสงคมของมีดทำให้เกิดเงา ทำให้ชุดยาวของเย่เฮยทั้งสองคนฉีกขาดกระจุยกระจาย เกิดเสียงดังกึกก้องกลางอากาศสองครั้ง
ปัง ปัง
ฉวยโอกาส กงจิ่วก็ถีบออกไปสองครั้ง โดนที่กลางอกของเย่เฮยและหวงชิงซาน ถีบจนทั้งสองกระเด็นออกเหมือนลูกโป่ง ลอยไปไกลหลายสิบเมตร ล้มโคร่งลงไปไกลหลายสิบเมตร กระแทกพื้นแตกเป็นหลุมใหญ่สองหลุม
“เอื้อก”
เย่เฮยร้องออกมาเสียงอัดอั้น เลือดไหลออกจากปาก บนหน้ามีอาการสีหน้าเจ็บปวด
หวงชิงซานก็สีหน้าซีดขาว พยุงตัวด้วยมือข้างเดียว เลือดไหลทั่วร่าง
กงจิ่วใช้แค่สองมีด ก็รู้แพ้รู้ชนะแล้ว
มีดหนึ่งฟันลงไปที่ไหล่ของเย่เฮย เป็นรอยมีดฉีกขาดเส้นยาว บาดแผลน่าหวาดกลัว เลือดไหลดุจสายฝน
มีดหนึ่งทิ่มลงไปที่ซี่โครงหวงชิงซาน บาดแผลลึกมาก เหมือนดั่งบ่อเลือด เห็นกระดูกได้
ต้องรู้ว่า จากความสามารถในวิชาการต่อสู้ของเย่เฮยและหวงชิงซานแล้ว กำลังภายในอันแข็งแกร่ง ถึงแม้รถบรรทุกทับ อย่างมากก็แค่มีแผลถลอกภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนกงจิ่ว ภายในเวลาสั้นๆไม่กี่นาที ก็ทำให้ยอดฝีมือทั้งสองเจ็บหนัก
มุมปากกงจิ่วยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ยื่นมือเช็ดเลือดบนมีดลายเบญจมาศ วางไว้ข้างปากลิ้มชิมรสชาติ ดูแล้วดุร้ายโหดเหี้ยม
“หลินอิ่งส่งพวกแกมา อยากจับลูกน้องของฉัน เพื่ออยากสอบถามข่าวกรอง?”กงจิ่วหัวเราะเย็นชามองดูเย่เฮยทั้งสอง “เสียดายที่เขาคาดการผิดแล้ว ฉันก็หันกลับมาจับพวกแกสองคน ค่อยๆทรมานสอบถามข่าวกรองลับของหลินอิ่ง……”
“เหอะ”
พูดจบ กงจิ่วก็หัวเราะเย็นชา จับมีดลายเบญจมาศไว้ ค่อยๆเดินทีละก้าว เข้าใกล้เย่เฮยทั้งสองคน
เย่เฮยและหวงชิงซานสีหน้าเคร่งเครียด มองหน้าสบตากัน
ยอดฝีมือองครักษ์มังกรดำหลายคน ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา แต่ละคนสายตาเคร่งขรึมอย่างสุดขีด กำหมัดไว้แน่น
บาดแผลของเขาสองคนไม่ถึงตาย แต่ว่า ถึงแม้จะรวมกับยอดฝีมือหลายคนที่อยู่ข้างกาย เผชิญหน้ากับกงจิ่วก็ไม่มีความสามารถในการตอบโต้แล้ว……
เสียงฮู๊ว
เวลานี้ มีสายลมบางเบาเคลื่อนไหว
“อือ?”
กงจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ในแววตาส่อแววแรงสังหาร หันหน้ามองไปซ้ายขวา
“ทำไม? แก๊งหยางเหมินของพวกแกอยากเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายนี้เหรอ?”
กงจิ่วมองไปทางบันไดขวามือที่ไร้คน ถามอย่างเย็นชา
ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันเงียบวิเวก มีเสียงฝีเท้าของหลายคนดังขึ้น
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเย็นชา พาหม่าผิงชวนและเผยหวูหมิงเดินออกมาจากบันได
ชายหนุ่มบุคลิกไม่ธรรมดากลุ่มหนึ่ง เดินตามจากข้างหลัง จัดแถวเรียงหนึ่ง
“ออ?”กงจิ่วมองจ้าวเฉิงเฉียนอย่างสนใจ “นายน้อยแก๊งหยางเหมิน? คุณมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง?”
“บทเรียนอันสาหัสที่ให้คุณครั้งที่แล้ว ยังลึกไม่พอใช่ไหม? ยังกล้ามาหาเรื่องกับสำนักยุทธเชียนของเรา?”กงจิ่วถามเสียงเย็นชา
“เรื่องครั้งที่แล้วยังไม่ได้สะสางบัญชี แก๊งหยางเหมินของเรา เคยเสียเปรียบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”จ้าวเฉิงเฉียนหรี่ตา ถาม “กงจิ่ว แกไปเอาข่าวกรองมาจากไหน ถึงรีบมาถึงได้?”