ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 602 ระเบิดเพียงสัมผัส
“นี่คือ?คนต้าเหอ?”
นิ่งซวนเปล่งเสียงประหลาดใจออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังเงาดำของคนที่กำลังเดินออกมาจากอุโมงค์ทางลอด
พวกเขามีทั้งหมดราวๆ สามสิบกว่าคน โดยทุกคนถือมีดเบญจมาศที่ส่องแสงประกายเย็นยะเยือกออกไว้ในมือด้วย
คนที่เดินนำหน้า รูปลักษณ์ของเหมือนกับคนต้าเหอทั่วไป สายตาดุร้าย ใบหน้าแข็งกระด้าง และมีบุคลิกที่ดูโหดเหี้ยมอำมหิต
“มาเร็วดีนี่”
รอยยิ้มเยาะเย้ยกระตุกขึ้นตรงมุมปากของหลินอิ่ง
เขาพอจะเดาออกแล้วว่าพวกเขาคือคนของสำนักยุทธ์เชียน
ในตอนนั้นที่ฆ่ากงจิ่วไป ก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าทางสำนักยุทธ์เชียนไม่มีทางยอมวางมือแน่นอน ทว่าแค่คิดไม่ถึงว่าคนที่นั่นจะมากันเร็วขาดนี้
นี่ทำให้เห็นชัดเลยว่าพวกเขาได้มีการเตรียมการเอาไว้ดีแล้ว ว่าจะมาซุ่มโจมตีระหว่างที่เขาต้องเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเทียนหลง
“คุณก็คือคนของสำนักยุทธ์เชียน?” หลินอิ่งจ้องมองมุซาชิ จูโตะอย่างเฉยเมย พร้อมกับพูดต่ออย่างเย็นชา “กงจิ่วตายในมือของผม คุณคงคิดจะมาแก้แค้นให้เขางั้นสินะ?”
“เหอะๆ ๆ ……” มุซาชิ จูโตะมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่โกรธเคือง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “ในตอนที่คุณฆ่าศิษย์น้องของผม คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า สำนักยุทธ์เชียนไม่มีทางปล่อยคนกระจอกอย่างคุณไปแน่”
หลินอิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมา
“คนสำนักยุทธ์เชียนอย่างพวกคุณ ไม่นานก็ต้องพังพินาศ”
คนของประเทศต้าเหอ กล้าทำเรื่องยโสขนาดนี้ในตี้จิงเมืองหลวงของประเทศหลุงเลยงั้นหรอ?
ดูเหมือนว่าถ้าหากไม่กำจัดรากขององค์กรสำนักยุทธ์เชียนนี้ให้สิ้นซาก พวกมันก็จะยังทำตัวไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้สินะ
“ฮ่าๆ ๆ ๆ !” มุซาชิ จูโตะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าดูถูกเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าของเขา “ให้สำนักยุทธ์เชียนพังพินาศงั้นหรอ?หลินอิ่ง คุณนี่ก็เป็นแค่กบในกะลาที่ไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละ”
“วันนี้คุณไร้หนทางหนีรอดไปได้แล้ว !ยังจะมาพูดพล่ามอยู่ได้อีก?”
หลินอิ่งส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา สายตากวาดมองไปยังอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ของมุซาชิ จูโตะ
ทางด้านซ้ายของมุซาชิ จูโตะ มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกวิชาต่อสู้สีขาวยืนอยู่ สายตาแหลมคม มีบุคลิกที่เหมือนคนที่มากด้วยความสามารถประสบการณ์
ส่วนทางด้านขวาของเขา มีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทที่เป็นทางการกำลังยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าและบุคลิกของเขามีสไตล์ที่เหมือนกับคนเกาหลีอย่างชัดเจน
เพียงแค่ชั่วพริบตาหลินอิ่งก็สามารถดูออกทันที
ทั้งสองคนนี้มีเทคนิคฝีมือที่ต่างกัน และไม่ใช่คนธรรมดา
“ท่านอิ่ง งานประชุมจะเริ่มขึ้นเที่ยงตรงนี้แล้วนะครับ ถูกพวกเขาขวางไว้แบบนี้ กลัวว่าจะไปไม่ทันกาล” หยูจื๋อเฉิงเดินเข้ามาจากด้านหลังพร้อมพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
การประชุมสุดยอดเทียนหลงจะเริ่มขึ้นอย่างตรงเวลา และไม่มีทางรอใครเด็ดขาด
ดูแล้วนี่คงจะเป็นเคล็ดลับการแก้ปัญหาที่ต้นตอของตระกูลสวี
การมาซุ่มโจมตีระหว่างทางแบบนี้ อย่างน้อยก็สามารถรั้งให้ท่านอิ่งไปร่วมงานไม่ทัน และเมื่อเป็นอย่างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านอิ่งได้วางแผนผังของเมืองเทียนหลงไว้ก่อนหน้านี้ก็จะมลายหายไปอย่างสูญเปล่า
สามารถบอกได้เลยว่า ตระกูลสวี เป็นจอมวางแผนจริงๆ
“หยูจื๋อเฉิง นิ่งซวน พวกนายรีบพาคนขับรถเลี่ยงถนนเดินทางไปที่งานประชุมเทียนหลงก่อน” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบ “ฉันจะตามไปทีหลัง”
“ท่านอิ่ง แล้วคุณล่ะครับ?คนพวกนี้ร้ายกาจมากเลยนะครับ” หยูจื๋อเฉิงพูดอย่างกังวลใจ
“พวกนายอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “อย่าละเลยเรื่องของเมืองเทียนหลงเลยดีกว่า”
หยูจื๋อเฉิงกับนิ่งซวนหันไปสบตากันก่อนจะพยักหน้ารับอย่างคร่ำขรึม
“น้อมรับคำสั่งของครับ”
เมื่อพูดจบทั้งสองก็พากลุ่มยอดฝีมือชั้นสูงถอยออกไปอย่างรวดเร็ว โดยการเลี่ยงทางอุโมงค์ไปตามคำสั่งของหลินอิ่ง จากนั้นค่อยหารถเพื่อเดินทางไปยับยั้งสถานการณ์ในงานประชุม
“ยังคิดจะให้คนของคุณไปอีกงั้นหรอ? เฮอะๆ ”
มุซาชิ จูโตะหัวเราะเยาะออกมาสองเสียง พลางยกมือขึ้นส่งสัญญาณ
ทันใดนั้น เหล่าชายคนต้าเหอที่ถือปืนยาวยืนอยู่ในอุโมงค์ต่างก็ปืนขึ้นมากระหน่ำยิงทันที ปากกระบอกลุกไฟขึ้น ก่อนที่ลูกกระสูนจะพุ่งทะยานออกไป
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งหยูจื๋อเฉิงและนิ่งซวนต่างมีสีหน้าตกใจ หลบไปมาภายใต้การปกป้องของทหารลับยอดฝีมือ
ทางด้านคนที่อยู่กับหลินอิ่งก็หยิบปืนขึ้นมาเช่นกัน
เพียงชั่วครู่เดียวทั้งสองฝั่งก็ยิงปะทะกันโดยทันที
“เอื๊อก!”
หลังจากสวนยิงกันอย่างโกลาหลได้ไม่นาน เสียงครวญเจ็บปวดก็ดังแทรกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนหลินอิ่งนั้นหายไปจากตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ก่อนที่จะเห็นร่างของเขาวิ่งพุ่งเข้าไปในอุโมงค์
ร่างของเขาว่องไวราวกับมังกรที่แหวกว่ายปานสายฟ้า พร้อมกับยกมือขึ้นบีบคอกลุ่มคนต้าเหอที่ถือปืนไว้ทีละคนๆ ให้ล้มลงไปต่อหน้าของเขา
“หืม?”
ทันทีที่เห็น มุซาชิ จูโตะถึงกับอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ พลางรุกหน้าเข้าไปเพื่อฆ่าเขา
และในเวลาเดียวกันสองยอดฝีมือข้างกายเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวตามไปเช่นกัน ก่อนที่พวกเขาจะล้อมหลินอิ่งเอาไว้
ตุ้ม!
มุซาชิ จูโตะตวาดมีดเล่มหนึ่งออกไป คมมีดที่แววประกายแสงแห่งความสยดสยอง บินฝ่าหินกรวดที่อยู่บนพื้นจนกระดอนกระเด็น พุ่งตรงไปตรงคอของหลินอิ่งโดยตรง ทว่าจู่ๆ เสียงกระทบของเหล็กก็ระเบิดขึ้นมา
สิ่งที่คาดไม่ถึงเลยก็คือมีดเบญจมาศเล่มนั้นที่มีอานุภาพแข็งแกร่งไร้ต้านทานกลับถูกหลินอิ่งทำลายลงด้วยมือเปล่าจนหักออกเป็นสองท่อนอยู่ตรงนั้น
บูม!
ในขณะที่ทั้งสามยังคงมึนงงอยู่นั้น หลินอิ่งก็สะบัดพลังหลังมือที่น่ากลัวราวกับพายุทะเลที่ซัดโครม พลังอันบ้าคลั่งนั้นทะลุทะลวงความว่างเปล่า ทำให้กลุ่มคนที่กำลังหวั่นผวาต่างแข็งทื่อ พลางกระเด็นออกไปจากตรงนั้น
“เอื๊อก!”
มุซาชิ จูโตะถูกสะบัดจนถอยหลังออกไปหลายสิบเมตร โดยใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนอีกสองคนต่างจ้องมองไปที่หลินอิ่งด้วยหวาดกลัว พลางการหายใจก็สูบฉีดเร็วขึ้น
การปะทะกันครั้งแรกก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะซะแล้ว
ต่อให้พวกเขาทั้งสามคนจะรวมพลังกันก็ยังไม่สามารถประมาทตัวหลินอิ่งได้เลยแม้แต่น้อย
พลังฝ่ามือของหลินอิ่งนั้นได้มาถึงขั้นที่ไม่สามารถคาดเดาได้ราวกับจุดลึกสุดของมหาสมุทรแล้ว
ซึ่งทำให้พวกเขาเกิดแรงกดดันภายในใจอย่างไม่รู้จบ
“ไม่น่าแปลกเลยที่ศิษย์น้องกงจิ่วของผมถึงได้ตายอย่างอนาถด้วยมือของคุณ ทั้งที่อายุยังน้อย แต่พลังกลับล้ำลึกได้ขนาดนี้” มุซาชิ จูโตะพูดด้วยเสียงทุ้ม แววตาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ซึ่งในเวลานั้นเอง ร่างของเย่เฮยก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของหลินอิ่วราวกับสายลม
“ประธานหลิน ทางตระกูลกงซุนโทรเข้ามาแจ้งว่าที่พักของคุณฉู่ฉู่เกิดปัญหามีคนบุกเข้าไปครับ” เย่เฮยแจ้งด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ฮือ?” จิตสังหารในแววตาของหลินอิ่งชัดเจนมากขึ้น พร้อมเหลียวไปมองพวกมุซาชิ จูโตะ
ฉู่ฉู่กับกงซุนชิวอวี่อาศัยอยู่ด้วยกัน ที่นั่นถือเป็นเขตทรัพย์สินของตระกูลกงซุน ยิ่งกว่านั้นยังมีทหารลับของตระกูลกงซุนคอยดูแลอยู่ด้วย คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางกล้าเข้าไปวุ่นวายแน่
การเกิดเหตุการณ์รุนแรงในเวลาแบบนี้ สามารถเห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นแผนการร้ายกาจอีกอย่างหนึ่งที่สำนักยุทธ์เชียนได้คิดไว้อย่างรอบคอบแล้ว
“เย่เฮย นายรีบเดินทางไปจัดการทางด้านฉู่ฉู่ อย่าปล่อยให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับเธอและกงซุนชิวอวี่เด็ดขาด” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “อย่าช้าแม้แต่วินาทีเดียว”
สีหน้าของเย่เฮยแสดงความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของหลินอิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากนัก ก่อนที่จะหันหลังพร้อมจะจากไป
พรืบ!
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ชายวัยกลางคนจากประเทศหลุงที่อยู่กับมุซาชิ จูโตะคนนั้นก็พุ่งทะยานเข้ามาเพื่อหวังที่จะขวางเย่เฮยที่กำลังจะหันหลัง
“รนหาที่ตายซะแล้ว!”
หลินอิ่งตะโกนอย่างโกรธจัด ร่างกายพุ่งระเบิดราวกับลูกศรธนู พร้อมหมัดที่ซัดลงบนตัวของชายวัยกลางคน แรงนั้นซัดเข้าไปจนทำให้เขาเป็นเหมือนกับลูกบอลรั่ว ก่อนที่จะกระเด็นออกไปหลายสิบเมตรแล้วล้มกระแทกลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง
“ตุ้บ!”
ชายวัยกลางคนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และมองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“คุณในฐานะสมาชิกแวดวงลึกลับประเทศหลุง กลับกล้ามาคลุกคลีกับคนต้าเหอและคนเกาหลี งั้นหรอ?เพียงเพื่อจะช่วยคนพวกนี้ทำเรื่องทุจริตงั้นหรอ?” สายตาของหลินอิ่งเย็นเยือกพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นชา
ซึ่งขณะนั้น มุซาชิ จูโตะและคนเกาหลี ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างหันมาสบตากันด้วยท่าทีที่จริงจัง
เพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้ยอดฝีมือที่ตระกูลสวีอุตส่าห์ไปเชิญมาได้รับบาดเจ็บปางตาย………….
หลินอิ่งคนนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งและน่าเกรงขามมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้