ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 61 ทำให้ตกใจกลัว
บทที่ 61 ทำให้ตกใจกลัว
“นายพูดอะไรนะ?”
หวางหงหลิงเบิกตากว้างจ้องมองหลินอิ่ง และไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยินมา คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าพูดว่า ผู้หญิงที่ทั้งสวยและฉลาดอย่างเธอไม่เหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนกับเขา
“บังอาจ! หลินอิ่ง นายรนหาที่ตายชัดๆเลย! แกกล้าพูดแบบนี้กับคนฐานะแบบนี้ได้ยังไง? เธออุตส่าห์ให้เกียรติกับนาย นายกล้าดียังไงพูดว่า เธอไม่เหมาะสมเป็นเพื่อนกับนาย?” หูหมิงหยินพูดด้วยน้ำเสียงโมโหขึ้น
ในมุมมองของเขาแล้ว ต่อให้ไม่มองที่ฐานะ และตัวเองไม่ได้ออกหน้าช่วย หลินอิ่งคนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความสามารถควรจะยินดีถึงจะถูก
แต่คิดไม่ถึงว่า หลินอิ่งจะบังอาจขนาดนี้!
“หลินอิ่ง ฉันว่านายคือคนโง่” หวางหงหลิงเผยสีหน้าขุ่นเคืองขึ้น พร้อมกับกันริมฝีปากเล็กน้อย
“จับตัวคนที่น่ารังเกียจคนนี้ ฉันต้องการสั่งสอนสักหน่อย!” หวางหงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น
ตึง!
ผู้ชายสวมชุดดำที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ข้างนอกเปิดประตู และกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ปืนสองกระบอกเล็งอยู่แผ่นหลังของหลินอิ่งอย่างมั่นคง และอยู่ห่างเพียงไม่เกินหนึ่งเมตรเท่านั้น
ผู้ชายสวมชุดดำสองคนเผยสายตาแหลมคม พร้อมถือปืนด้วยท่าทางเชี่ยวชาญ
“หืม” หวางหงหลิงแค้นเสียงประชดขึ้น แล้วจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา
“ตอนแรกฉันต้องการคุยธุระกับนายดีๆ แต่ทำไมถึงไม่รู้จักมารยาทบ้าง” หวางหงหลิงยิ้มและพูดต่อว่า “ตอนนี้นายรีบขอโทษยอมรับผิดกับคุณหนูเดียวนี้”
“อับอายแค้นใจจนโมโหเลยหรอ?” หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะเยาะ จนแทบไม่สนใจนักฆ่ามืออาชีพสองคนที่อยู่ข้างหลังเลย
เขาไม่ชอบมีเพื่อนตั้งแรกไหนแต่ไรแล้ว บนโลกนี้มีไม่กี่คนที่พอเข้าตาเป็นเพื่อน ซึ่งนี่เป็นความจริง
“นาย!” หวางหงหลิงเบิกตากว้างจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาขุ่นเคือง เขาถึงกับนิ่งอึ้งกับคำพูดของหลินอิ่ง
คิดไม่ถึงว่า หลินอิ่งที่ถูกปืนเล็งหลังหัวอยู่จะยังบังอาจและเผยท่าทางผ่อนคลายไม่ตื่นตระหนก
“หลินอิ่ง นายคงไม่ใช่คนโง่จริงๆหรอกใช่ไหม?” หวางหงหลิงมองประเมินหลินอิ่งอีกครั้ง พร้อมกับเผยสายตาสงสัย เธอยังไม่เคยเจอผู้ชายที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อนเลย
เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก หลินอิ่งมีตรรกะความคิดแบบไหนกัน
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เหล่าคุณชายตระกูลใหญ่หลายคนต่างพากันกลัวตาย จนแทบไม่กล้าพูดคำพูดไม่รื่นหูแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครกล้าอวดดีและบังอาจเหมือนหลินอิ่งด้วย!
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ทั้งที่มีปืนจ่อหัวอยู่ แต่หลินอิ่งกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวและตื่นตระหนกเลย!
“เอาลูกน้องของคุณไสหัวออกไป” หลินอิ่งพูดต่อว่า “เห็นแก่คุณเป็นผู้หญิง ผมจะไม่ถือสาว่าความล่ะกัน”
“ฮ่าฮ่า” หวางหงหลิงยกมือขึ้นมาปิดปาก เพราะกลั้นหัวเราะไม่ไหว เธอรู้สึกว่า หลินอิ่งเป็นคนตลกจริงๆ
“หลินอิ่ง ฉันคิดว่านายคงมีปัญหาทางด้านสมองแน่เลย!” หูหมิงหยินพูดขึ้น และคิดไม่ออกว่าหลินอิ่งจะมีความสามารถอะไร “ฉันนึกว่านายเป็นคนที่ไม่มีความคิดความอ่าน แต่สมองอย่างนาย ไม่รู้จริงๆว่าเรียนรู้การวิเคราะห์อัญมณีแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“คุณหนูครับ ผมแทบไม่ต้องการคนประเภทนี้มาสมทบเลยครับ ความรู้รอบตัวก็ไม่มี เขาเป็นแค่คนโง่คนหนึ่งครับ” หูหมิงหยินเผยสายตาลังเล และพูดขึ้นว่า “ฉันสงสัย หมิงเป่าซวน สมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือนหรือเปล่า ถึงบอกว่า ขวดเซรามิคนั้นเป็นของปลอม แล้วตีมันจนแตก ซึ่งเรื่องแบบนี้แทบไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าวิเคราะห์ได้เลย”
หวางหงหลิงยิ้มเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า : “หรือว่าฉันให้นายจัดการทุกอย่างเคร่งครัดเกินไป ทำให้เจ้าโง่นั้นมองแผนการออก? ช่างน่าขำจริงๆ”
“คุณหนูครับ อาจจะเป็นไปได้ครับ” หูหลิงหยินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และส่ายหน้าเล็กน้อย “ผมนึกว่าผมได้เจอกับผู้วิเศษ ทำให้ผมตกใจ แต่คิดไม่ถึงว่า ขอปลอมที่ถูกผลิตมาอย่างประณีตด้วยทีมงานทีมยอดเยี่ยม จะถูกมองออกเพียงแวบเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นไอ้โง่คนนี้”
“ไอ้หก ไอ้เจ็ด พวกนายสองคนพาเขาลงไปสั่งสอนข้างล่างตึก จากนั้นทิ้งตามริมถนน” หวางหงหลิงส่ายมือ และพูดขึ้นด้วยท่าทางหมดอารมณ์
ตอนแรกเธอนึกว่าพบกับผู้ชายที่น่าสนใจแล้ว เลยพูดกับหลินอิ่งมากขนาดนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนหลินอิ่งจะเป็นแค่คนที่มีปัญหาทางสมองเท่านั้น
เธอเองก็รู้สึกสงสารหลินอิ่งเล็กน้อย เขาไม่เพียงถูกพ่อแม่ดูถูก แถมสมองยังมีปัญหาด้วย แต่เพราะเป็นคุณหนูแห่งตระกูลหวาง เลยขี้เกียจสนใจแมลงที่น่าสงสารและโง่เขลาแบบนี้
“แฟลบ!”
แต่ขณะที่หวางหงหลิงหมดความสนใจนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ทำให้เธอถึงกับตกใจช็อกขึ้น
ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ด ที่เป็นนักฆ่าจอมโหดสองคนล้มลงนอนบนพื้น ขณะเดียวกันปืนทั้งสองกระบอกก็ตกอยู่ที่เท้าของหลินอิ่งด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?”
หวางหงหลิงถึงกับสะดุ้งตกใจ เธอแทบไม่รู้เลยว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เธอเห็นเพียงหลินอิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตา ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ดก็ล้มลงบนพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องน่าเวทนาขึ้น
แต่ปัญหาคือ หลินอิ่งแทบไม่หันหลังเลย และแทบไม่เหลือบตามอง ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ด เลย แล้วทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?
หลินอิ่งยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัว พร้อมกับยิ้มและจ้องมองหวางหงหลิง
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางแบบนี้ของหลินอิ่ง หวางหงหลิงก็ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าทันที
เธอรู้ถึงความสามารถของลูกน้องตัวเองเป็นอย่างดี
พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแฝดกัน ถูกเลี้ยงดูสั่งสอนจากกลุ่มนักฆ่าอเมริกามาตั้งแต่เด็ก และถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดโดยคนที่เคยติดคุก ตอนอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเคยถูกทิ้งที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง แบะถูกนำตัวไปเข้าร่วมค่ายนักฆ่าที่โหดเหี้ยมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ สุดท้ายกลายเป็นราชาแมลงพิษ จากนั้นก็เริ่มรับภารกิจ
ไม่กี่ปีต่อมาทั้งสองคนไปทำงานแถวทวีปแอฟริกาและแถมตะวันออกกลางด้วยตัวเอง และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจากการผ่านสงครามทีสายฝนเป็นลูกกระสุน จนสุดท้ายกลายเป็นนักฆ่าที่โด่งดังระดับโลก!
นับตั้งแต่ทำงานกับตัวเองมา พวกเขาสองคนสามารถช่วยลดความยุ่งยากให้กับเธอมากจนจำไม่ได้เลย สามารถพูดได้ว่า ในเมืองชิงหยูน ยังไม่มีใครสามารถต่อกรกับ ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ด ได้เลย ส่วนใหญ่สามารถต่อกรศัตรูทุกคน ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง
แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์ที่ ไอ้หก กับ ไอ้เจ็ด กำลังเล็งปืนจากข้างหลัง กลับถูกหลินอิ่งจัดการแทน!
“นี่นาย! นายกล้าทำร้ายลูกน้องของคุณหนูหรอ?” หูหมิงหยินเองก็ตกใจนิ่งอึ้งเหมือนกัน แต่เมื่อดงสติกลับมาก็โมโหเดือดดาลขึ้น
“นายอย่าคิดว่า พึ่งพาทักษะการต่อสู้อันน้อยนิดนี้จะสามารถบังอาจได้นะ! รอก่อนเถอะ ฉันจะลงไปเรียกบอดี้การ์ดข้างล่างมาจัดการนาย!” หูหมิงหยินพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองขึ้น แล้วรีบเดินออกจากประตูลงไปเรียกลูกน้องมาจัดการหลินอิ่ง
ตึง!
หลินอิ่งฟาดมือตบลงหลังคอของหูหมิงหยินหนึ่งที หูหมิงหยินถึงกับสะดุ้ง และรู้สึกร่างกายอ่อนแรง สุดท้ายสลบหมดสติลงบนพื้น
หวางหงหลิงขยับริมฝีปากเล็กน้อย และจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ จู่ๆก็รู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ไม่ธรรมดา!
จนทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังขึ้น
หลินอิ่งยิ้มจางๆ แล้วค่อยๆเดินไปหาหวางหงหลิง
“คุณคิดจะทำอะไรหรอ?” หวางหงหมิงพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนกขึ้น
“นายอย่ามานะ! ถ้านายกล้าเดินเข้ามาอีก ฉันจะร้องเรียกคน!” หวางหงหมิงเผยสีหน้าแดงก่ำ ภายในห้องเหลือเพียงสองคน ซึ่งไม่รู้เลยว่าหลินอิ่งคิดจะทำอะไร
เธอยกมือกอดอกด้วยท่าทางสั่นเทาเหมือนผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง