ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 623 มาเล่นงานถึงที่
“หา?”ท่านเฉินเฟิงสีหน้าตกใจ มองแม่เฒ่าตระกูลหลินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ”แม่เฒ่า ท่านบอกว่า หลินอิ่งนั่น เป็นเหลนชายของท่านอย่างนั้นเหรอ?”
เดิมทีท่านเฉินเฟิงนึกว่า ที่หลินอิ่งแห่งตี้จิงอาละวาดแผลงฤทธิ์ขนาดนี้ จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ในกลุ่มสันโดษแน่ๆ แล้วเบื้องหลังก็จะต้องมีบุคคลระดับสูงค่อยสั่งการอยู่แน่นอน
ดังนั้น หลังจากที่ได้รู้ว่าศิษย์รักถูกฆ่า ท่านเฉินเฟิงก็ไม่ได้ลงเขาไปเอาเรื่องหลิ่นอิ่งที่ตี้จิงอย่างใจร้อน แต่สืบเสาะกลุ่มสันโดษอย่างละเอียด
ผลที่ได้ ภายในกลุ่มสันโดษไม่มีเบาะแสร่องรอยของหลินอิ่งคนนี้หลงเหลืออยู่เลย เป็นบุคคลที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนสกุลหลินของหลินอิ่ง ก็ทำให้ท่านเฉินเฟิงหันเป้าหมายมาหาตระกูลหลินแห่งลังยา เพื่อที่จะไปพิสูจน์ตรวจสอบด้วยตัวเอง เลยคิดที่จะถามให้ชัดเจนเลยว่าสรุปแล้วหลินอิ่งมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินแห่งลังยาหรือไม่
แต่คิดไม่ถึงว่า แม่เฒ่าตระกูลหลินจะบอกเขาซึ่งๆ หน้าเลยว่า หลินอิ่งเป็นเหลนชายของแม่เฒ่าเอง
เหลนชายจะสกุลหลินเหมือนกันได้ยังไง?
“แม่เฒ่า ท่านช่วยพูดความจริงได้ไหมครับ”ท่านเฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”เท่าที่ผมรู้ รุ่นเด็กหนุ่มสาวของตระกูลหลินแห่งลังยา ไม่มีชื่อหลินอิ่งนี่ครับเขาเป็นลูกหลานในสายเลือดของท่านจริงๆ เหรอครับ?”
แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ “ตู้เฉินเฟิง หญิงชราแบบฉัน จำเป็นต้องโกหกนายไปทำไม? หลินอิ่งเป็นเหลนชายของฉัน การที่จะสกุลหลินตามแม่ของเขา มันไม่ถูกต้องเหมาะสมตรงไหนอย่างนั้นเหรอ?”
“เอ่อ……”ท่านเฉินเฟิงขมวดคิ้ว ในใจกำลังคิดไตร่ตรอง
ตอนแรกนึกว่า หลินอิ่งมากสุดก็เป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งในโลกธรรมของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นแค่ชื่อปลอมๆ เท่านั้น ก็เลยมาลองสอบถามที่ตระกูลหลิน แต่ไม่คิดว่า จะเป็นลูกหลานแท้ๆ ในสายเลือดของแม่เฒ่าตระกูลหลิน
หรือว่าหลินอิ่งก็เป็นเหลนชายของนายท่านใหญ่ตระกูลหลินเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?
ท่านเฉินเฟิงพูดพึมพำกับตัวเอง เขาที่เคยมีสถานภาพเป็นถึงคนเก่งกาจในโลกธรรมของระดับสวรรค์ของประเทศหลุงมาก่อน มีศักดิ์ศรีเป็นที่เคารพของลูกศิษย์ไปทั่วกลุ่มสันโดษ
แต่พอเทียบกับนายท่านใหญ่ตระกูลหลินคนนั้นแล้ว มันเหนือชั้นเกินไป แทบจะเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นตระกูลที่เขาไปยุแหย่ด้วยไม่ได้
อย่าว่าแต่ท่านเฉินเฟิงที่ตอนนี้มือซ้ายที่จับดาบถูกทำให้ใช้การไม่ได้ ไม่มีพลังบูโดระดับสวรรค์แล้วเลย ต่อให้ช่วงที่เขารุ่งเรืองอยู่บนจุดสูงสุด ก็ไม่กล้าไปต่อสู้กับตระกูลหลินแห่งลังยาอยู่ดี
ถึงยังไง ตระกูลหลินแห่งลังยา ก็เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่หกตระกูลของกลุ่มสันโดษ ยืนอยู่หนึ่งในผู้มีอำนาจอิทธิพลที่สุดของกลุ่มสันโดษของประเทศหลุง
โดยเฉพาะนายท่านใหญ่ตระกูลหลินคนนั้น ถูกยอมรับว่า เป็นดั่งเทพที่แตกฉานด้านบูโดจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของประเทศหลุง!ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้มีอำนาจอิทธิพลสูงสุดอย่างประมุขแก๊งมังกรยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ
เป็นการดำรงอยู่ในตำนานภายในกลุ่มสันโดษ
“แม่เฒ่า ตอนนี้ตระกูลหลินของลังยาก็ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ขออนุญาตถามเลยก็แล้วกันนะครับ ทำไมตระกูลหลินถึงไม่ไว้หน้าไม่ไว้ศักดิ์ศรี ถึงได้ลงมือฆ่าลูกศิษย์ของผม”ตู้เฉินเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”เรื่องนี้ ตอนนี้ขอให้แม่เฒ่าให้ความกระจ่างด้วยครับ”
แม่เฒ่าตระกูลหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น”ตู้เฉินเฟิง มีเรื่องบางเรื่อง ที่นายไม่ควรถาม ก็อย่าถามเลย”
“นายสูญเสียศิษย์รักไป ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของนาย แต่ นี่ไม่ใช่เหตุผลที่นายจะมาถามที่ตระกูลหลิน”
หยุดไปสักพัก แม่เฒ่าก็พูดขึ้นต่อ”เอาแบบนี้แล้วกัน นายอยู่ต่อที่เมืองชางโจวชั่วคราวสิ ฉันเรียกหลินอิ่งกลับมาภูเขาลังยาแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะให้เด็กคนนี้ทำพิธีรินน้ำชาให้กับนายต่อหน้าเลย เพื่อเป็นการชดเชย”
“เอ่อ……”ท่านเฉินเฟิงสีหน้าดูไม่ดี อารมณ์ความรู้สึกยุ่งยากซับซ้อน
มีพลังอำนาจของตระกูลหลินแห่งลังยาอยู่ด้วย เขาก็ไม่กล้าท้าทาย แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะละทิ้งการแก้แค้นหลินอิ่งเหมือนกัน
เขาก็รู้เหมือนกัน ว่าตระกูลหลินกำลังไว้หน้าเขาอยู่
แต่รินชาแก้วเดียว แลกกับชีวิตของลูกศิษย์เขา ไม่ว่าคิดยังไงก็รู้สึกไม่เต็มใจอยู่ดี
“ตู้เฉินเฟิง ในตอนนั้นอาจารย์ของนายกับตาเฒ่าก็มีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้น ฉันก็ขี้เกียจที่จะพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องนี้กับนายแล้วเหมือนกัน”แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ”ลูกศิษย์ที่ตายไปของนาย ฉันจะให้หลินอิ่งชดใช้ให้กับนายเอง ในอนาคต ให้เขาทำงานให้กับนายหนึ่งเรื่อง เพื่อเป็นการชดใช้ให้ก็แล้วกัน”
“เอาล่ะ ตามนี้ก็แล้วกัน ฉันเหนื่อยแล้ว ค่อยเจรจากันใหม่”
แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดประโยคนี้จบอย่างน่าเกรงขาม จากนั้นก็หรี่ตาลงไม่พูดอะไรอีก
ท่านเฉินเฟิงสีหน้าหนักอึ้ง ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเหมือนกัน พยักหน้า พูดขึ้น”ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่เฒ่าพูดแล้วกันครับ บังอาจมาให้แม่เฒ่าตัดสินใจแทนคนฐานะต่ำกว่า ไม่รบกวนแม่เฒ่าแล้วครับ……”
พูดจบ ท่านเฉินเฟิงก็โค้งคำนับ บอกลาก่อนจะหันตัวเดินจากไป
ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่อาจารย์ของตู้เฉินเฟิงในตอนนั้นมีมิตรภาพที่ดีกับนายท่านใหญ่ตระกูลหลินอยู่บ้างล่ะก็ เขาก็คงจะไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปถามตระกูลหลินแห่งลังยาถึงที่แบบนี้
แม่เฒ่าตระกูลหลินมองเงาหลังของท่านเฉินเฟิงเดินจากไป สายตาที่ฉลาดเฉลียวก็มีประกาย ไม่รู้ว่ามีแผนการอะไรอยู่
……
วันต่อมา
ณ เมืองเทียนหลง ตี้จิง
เมืองเทียนหลงที่ยิ่งใหญ่ ถนนการค้าพาณิชย์กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแบบเร่งรัด เป็นภาพที่ดูเจริญรุ่งเรือง
ถนนที่เปิดกว้างแต่ละสาย ก็มีผู้คนเดินสัญจรไปมาเต็มไปหมด บรรยากาศดูโอ่อ่าใหญ่โต
ภายในห้องทำงานของประธาน อาคารเทียนหลงที่ยิ่งใหญ่
หลินอิ่งกำลังยืนมือไขว้หลังริมหน้าต่าง มองทอดออกไปยังทิวทัศน์คึกคักที่อยู่รอบๆ
หลังจากที่ปฏิเสธตระกูลโครเมียร์กับตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานแล้ว เขาก็มาจัดการเรื่องของตี้จิงทันที
ตอนนี้ สถานการณ์ของตี้จิง ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในกำมือของหลินอิ่ง ในแต่ละวันจะมีตัวแทนของตระกูลใหญ่จำนวนมากมาส่งของขวัญแสดงความยินดี
ชื่อเสียงของหลินอิ่ง ถูกดันจนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด
ส่วนตัวเขาเอง ก็ปฏิเสธแขกที่มาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ตี๊ดๆๆ
ในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ใส่รหัสที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา
หลินอิ่งหันตัว ชำเลืองตามองสายที่แสดงอยู่บนจอ หยูจื๋อเฉิงเป็นคนโทรมา เขากดรับสาย
“หยูจื๋อเฉิง เรื่องอะไร?”หลินอิ่งพูดถามอย่างนิ่งๆ
“ท่านอิ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นญาติของท่าน กำลังมาหาท่านที่ทางเข้าอาคารเป่าติ่งครับ”ในสาย มีเสียงที่เคร่งขรึมจริงจังของหยูจื๋อเฉิงดังขึ้น
“คนพวกนี้ดูมีพลังน่าเกรงขาม ลูกน้องจะรั้งแทบไม่อยู่แล้วครับ ผมก็ไม่กล้าตัดสินใจตามอำเภอใจเหมือนกัน ท่านว่า……”
“ญาติของฉัน? มาจากไหน?”หลินอิ่งพูดถามขึ้น
ในใจของเขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาไปมีญาติเพิ่มมามากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? หรือว่าเป็นคนจากตระกูลจางแห่งมณฑลตุงไห่?
“เอ่อ ท่านอิ่ง ผมถามแล้ว พวกเขาบอกว่า ผมไม่สมควรที่จะรู้ครับ”หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง”เหล่าผู้เก่งกาจที่เฝ้าอยู่ตรงประตูของอาคารถูกทำลายจนบาดเจ็บกันหมด ผมก็มองสถานภาพของพวกเขาไม่ออกเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดานะครับ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
“เห้ย!พวกคุณจะทำอะไร?”
จู่ๆ ในสายก็มีเสียงร้องตกใจของหยูจื๋อเฉิงดังขึ้นมา
“หมาเฝ้าประตู ยังกล้ามาขวางทางเหรอ? ไสหัวออกไปซะ!”
เสียงผู้ชายที่เย็นชาแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้นมาในสาย
“หลินอิ่งใช่ไหม? ให้เวลาแกหนึ่งนาที รีบลงมาหาพวกเราเดี๋ยวนี้!ถ้าช้า แกรับไม่ไหวแน่!”
“พวกแกเป็นใคร?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นอย่างไม่แยแส
“ลงมา เดี๋ยวแกก็รู้เอง ใช่แล้ว ต่อไปให้ลูกน้องของแกช่วยแหกตาดูหน่อยนะ ว่าอย่ามาขวางทางของฉัน”ในสาย น้ำเสียงของผู้ชายทั้งเย่อหยิ่งและกราดเกรี้ยว