ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 629 แล้วแกจะเสียใจ
“แม่เฒ่าตระกูลหลิน?”หลินอิ่งมองไปยังหลินหวูเว่ยด้วยความสนใจ
ที่เขารู้จักตระกูลหลินแห่งลังยา ก็เพราะว่าเคยได้ยินชื่อเสียงของนายท่านใหญ่ตระกูลหลิน
ตอนยังเด็ก อาจารย์เคยพร่ำเคยสอนมาก่อน ในยุคปัจจุบันนี้ ยอดฝีมือที่สามารถเข้าตาของอาจารย์ได้ มีไม่กี่คน นายท่านใหญ่ตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทุกคนต่างรู้ ว่านายท่านใหญ่ตระกูลหลินไม่เคยโผล่ออกมาเป็นสิบปีแล้ว
แม่เฒ่าตระกูลหลินที่หลินหวูเว่ยพูดถึง ก็น่าจะเป็นภรรยาของนายท่านใหญ่ตระกูลหลินแต่งงานด้วย
พูดตามตรง หลินอิ่งก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
ว่าตัวเองกับนายท่านใหญ่ตระกูลหลินที่โด่งดังไปทั่วจะมีความสัมพันธ์กัน
“ใช่!แม่เฒ่าเป็นคนให้ฉันมาหาแกเอง!”หลินหวูเว่ยพูดขึ้น หลังจากที่เห็นหลินอิ่งมีท่าทีสับสน ก็รีบพูดขึ้นต่อทันที
“หลินอิ่ง แม่เฒ่าเรียกชื่อของแก ส่งพวกเราลงเขามาหาแกเลยนะ แกจะไม่สนใจไม่แยแสพวกเราก็ได้ แต่แกจะไม่เห็นทวดของแกอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“บางทีพวกเราอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีต่อแกแน่นอน หลินอิ่ง แกต้องคิดให้ดี แม่เฒ่าเรียกแกกลับไปที่ตระกูลหลินแห่งลังยา นั่นก็คือเห็นถึงความสามารถของแก นี่เป็นโอกาสอันใหญ่หลวงของแก เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งของแกเลยนะ”
“แกอย่าเอาความโกรธแค่ชั่วขณะ มาทำให้เรื่องดีๆ ขนาดนี้กลายเป็นเรื่องหายนะ!แกก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน น่าจะรู้จักไตร่ตรองข้อดีและข้อเสียนะ?”
หลินหวูเว่ยเปลี่ยนจากท่าทีที่เย่อหยิ่งทะนงตัวก่อนหน้านี้ กลายเป็นพูดกับหลินอิ่งด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลท่าทีอ่อนโยน
เขาถูกหลินอิ่งทำให้หวาดกลัวไปแล้ว
ทำลายศิลปะการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับโลกลงได้อย่างง่ายดาย โหดเหี้ยมขนาดนี้ ใครยังจะกล้าเย่อหยิ่งใส่อีก?
ยังไงเขาก็รับไม่ไหว สถานการณ์ที่ศิลปะการต่อสู้ถูกทำลายไป
ในตอนแรกหลินหวูเว่ยฟังคำสั่งลุงสาม ให้มาบังคับพาตัวของหลินอิ่งไป ก่อนที่หลินอิ่งจะเข้าไปในตระกูลหลินแห่งลังยา ให้ตัดไม้ข่มนามใช้อำนาจบารมีข่มขู่อย่างเต็มที่ จัดการขจัดความมุ่งมั่นและอำนาจบารมีของหลินอิ่งทิ้งไปซะ
ถึงขนาดที่ถ้าเป็นไปได้ ให้จัดการฮุบกิจการธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในตี้จิงของหลินอิ่งให้เกลี้ยง
แต่ สถานการณ์ในตอนนี้ ก่อนที่จะมาก็ไม่มีใครคิดถึงมาก่อน
พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่จะไม่สามารถข่มเหงหลินอิ่งได้แล้ว ขนาดชีวิตของตัวเองก็ยังเอาไม่รอดด้วยซ้ำ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเพ้อฝันที่อยากจะฮุบกิจการธุรกิจของหลินอิ่งเลย
“โอกาสอันยิ่งใหญ่?”หลินอิ่งยิ้มๆ มุมปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเย้ยหยัน
ท่าทีที่เย่อหยิ่งก่อนหน้านี้แล้วตอนหลังเปลี่ยนมาให้เกียรติกันของหลินหวูเว่ยนี้ มันช่างน่าขำสิ้นดี
มาถึงขั้นนี้ ยังมาทำปากเก่งอีก นึกว่าพูดคำพูดนุ่มนวลพวกนี้แล้วจะสามารถหลีกเลี่ยงหายนะภัยพิบัติได้อย่างนั้นเหรอ?
ไม่ใช่ว่าเขามองความคิดของหลินหวูเว่ยไม่ออก
ถ้าพวกเขาเหล่านี้มีความจริงใจจริงๆ ล่ะก็ จะไม่มาทำร้ายตัวเอง และมาเสนอข้อเสนอสูงๆ จะเอาอุตสาหกรรมของตี้จิงของตัวเองแบบนี้แน่นอน
แน่นอนว่าหลินอิ่งก็สามารถเดาได้ว่า ตระกูลชั้นสูงชื่อดังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแบบตระกูลหลินแห่งลังยา สถานการณ์ภายในจะซับซ้อนมากขนาดไหน
ต่อให้แม่เฒ่าคนนั้นของตระกูลหลินจะมีความจริงใจที่เชิญตนเองกลับไปยังตระกูลหลินก็ตาม
แล้วคนอื่นๆ ของตระกูลหลินล่ะ? จะยอมให้เด็กข้างนอกกลับไปทีหลังอย่างนั้นเหรอ?
แม่เฒ่าตระกูลหลินออกคำสั่งมา แต่คนที่ปฏิบัติตามก็คงจะเป็นอีกสถานการณ์แล้วสินะ?
วิธีการแบบนี้ หลินอิ่งจะไม่รู้ได้ยังไง
“มันเป็นโอกาสอยู่แล้วแน่นอน! หลินอิ่ง ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าแม่เฒ่ารู้สึกพอใจกับการแสดงออกของแกในโลกธรรมมากๆ ถึงขนาดที่เรียกตาของ
แกกลับไปยังตระกูลหลินเพราะว่าแกเลยด้วย”หลินหวูเว่ยรีบพูดขึ้นทันที”หรือว่าแกพอใจกับการที่เป็นผู้นำผู้มีอำนาจในโลกธรรม ไม่อยากจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในกลุ่มสันโดษอีกแล้ว?”
“แถมแกอายุก็ยังเด็ก แต่แตกฉานในบูโดอย่างลึกซึ้งขนาดนี้ ในอนาคต ขอแค่แกแสดงออกมาให้ดีๆ ตอนที่อยู่ตระกูลหลิน ก็จะสามารถได้รับการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่สูงและลึกขึ้นไปอีกได้แน่นอน!”
หลินหวูเว่ยพูดโน้มน้าว ความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดแรงกล้ามากๆ
“ศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลินแห่งลังยา? เหอะ”หลินอิ่งส่ายหัว
คำพูดขนาดนี้ของหลินหวูเว่ย สำหรับคนอื่นแล้วจะต้องมีแรงดึงดูดอยู่ไม่น้อยแน่ๆ
ถึงยังไงศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นโอกาสที่คนรุ่นหลังจำนวนนับไม่ถ้วนต่างใฝ่ฝัน
แต่เขา ในฐานะทายาทของแก๊งมังกร พลังต่อสู้ สำเร็จทักษะวิชาเทพ ไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
“หลินอิ่ง แกอย่าใจร้อนหุนหันพลันแล่น!”หลินหวูเว่ยสีหน้าตึงเครียด พูดขึ้นต่อ”แกใจเย็นก่อนเถอะ เรื่องในวันนี้ เป็นความผิดของผู้อาวุโสแบบฉันเอง เดี๋ยววันหน้า ฉันจะจัดงานเลี้ยง เพื่อเป็นการขอโทษให้กับแกเอง!”
“แล้วก็ หลินอิ่ง ครั้งก่อนแกฆ่าเหอซานจินลูกศิษย์ของท่านเฉินเฟิงที่ตี้จิงใช่ไหม? ด้วยเหตุนี้ท่านเฉินเฟิงจึงมาที่ตระกูลหลินแห่งลังยาด้วยตัวเอง ตอนแรกคิดที่จะมาแก้แค้นแก แต่สุดท้าย ก็ถูกแม่เฒ่าพูดหยุดท่านเฉินเฟิงไว้ที่ชางโจว เรื่องนี้ ฉันก็ช่วยอ้อนวอนร้องขอให้แกเหมือนกันนะ!”
“ถ้าไม่ใช่ตระกูลหลินมาขวางรั้งให้แก ท่านเฉินเฟิงนั่นก็มาตามฆ่าแกถึงตี้จิงแล้ว แกก็น่าจะคิดได้ใช่ไหม ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่โชกเลือดขนาดไหน?”
“ไม่ว่าจะทั้งทางอารมณ์และเหตุผล ก็ช่วยไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถอะ ครั้งหน้า ฉันจะจัดงานเลี้ยงขอโทษให้กับแกอย่างดีเลย”
ท่านเฉินเฟิงมองหลินอิ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในยามคับขันก็คิดหาวิธีการดีๆ ออกมาได้อย่างฉับพลัน พูดอธิบายถึงส่วนได้ส่วนเสียออกมาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของหลินอิ่ง เขาช่วยวิเคราะห์จากมุมมองของหลินอิ่ง
ในเวลานี้ เขาลดตัวเองลงมาต่ำมากๆ ไม่กล้าเย่อหยิ่งทะนงตัวอะไรอีกแล้ว
หลังจากที่เห็นสถานการณ์เลวร้ายของหลินเจว๋ที่ศิลปะการต่อสู้ถูกทำลายไป หลินหวูเว่ยก็ขอร้องอ้อนวอนเขาแบบหน้าด้านๆ ต่อให้ต้องคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน ก็ต้องปกป้องศิลปะการต่อสู้ของตัวเองให้ได้
ถึงยังไงวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ตอนนี้ยอมจำนนไปก่อน พอเข้าไปในตระกูลหลินแห่งลังยาแล้ว มีอำนาจของลุงสามคอยค้ำไว้อยู่ ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะไม่มีโอกาสได้ระบายความโกรธแค้นในวันนี้แน่นอน
“หลินหวูเว่ย วันนี้คุณพูดจาดี พูดจาไพเราะเสนาะหูมาก แต่ก็เลี่ยงหายนะไปไม่ได้อยู่ดี”
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชา พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“ไม่ทำลายศิลปะการต่อสู้ของคุณ ตระกูลหลินของพวกคุณ ก็จะไม่รู้จักการวางตัวให้เหมาะสม”
พูดจบ หลินอิ่งก็เดินตรงเข้าไป เหยียบลงไปที่หน้าอกของหลินหวูเว่ยอย่างแรง
ปัง!
มีเสียงราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นมาทันที ดังสนั่นลั่นไปทั่ว
หลินหวูเว่ยรู้สึกไม่เต็มใจ เนื้อกระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับเสียงของถั่วทอด ไม่ให้โอกาสหลินหวูเว่ยขัดขืนใดๆ
พื้นที่หลินหวูเว่ยนอนอยู่ ยุบลงไปในทันที เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ รอยพื้นดินแตกระแหงไปเป็นทาง
“อ๊ากๆๆ !”หลินหวูเว่ยร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก สีหน้าดูดุร้ายบิดเบี้ยวถึงขีดสุด
หลินอิ่งเอาเท้ากลับมา มือไขว้หลังหันตัวไป ทิ้งไว้แค่เพียงหลินหวูเว่ยที่ร้องคำรามอยู่ที่พื้นอย่างบ้าคลั่ง
ในตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง จ้องเขม็งเงาหลังของหลินอิ่งด้วยแววตาซับซ้อนสารพัดอารมณ์ความรู้สึก ทั้งตื่นตกใจ ชั่วร้าย หวาดกลัว
เท้าหลินอิ่งเหยียบมาเมื่อตะกี้ กระดูกของหลินหวูเว่ยหัก เส้นลมปราณฉีกขาด ถูกทำลายศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีไปอย่างไม่เต็มใจ……
“หลินอิ่ง!แกกล้าทำแบบนี้!แก แกจะต้องเสียใจ!”
หลินหวูเว่ยตะคอกขู่ออกมาด้วยสีหน้าท่าทีที่บิดเบี้ยว