ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 632 ถูกคนพูดตำหนิ
มณฑลตุงไห่ อำเภอเจียงเยว่
นี่เป็นอำเภอเล็กๆที่อยู่ห่างไกลออกไปภายในมณฑลตุงไห่ แล้วก็เป็นบ้านเกิดที่ตากับยายของจางฉีโม่อาศัยอยู่ด้วย
ณ ถนนริมแม่น้ำ ชุมชนหลิวเยว่
โซน3ตึก6ชั้น15
ภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งหรูหรา มีกลุ่มชายวัยกลางคนนั่งอยู่
ครอบครัวของจางฉีโม่ก็อยู่ในนั้นด้วย กำลังนั่งล้อมโต๊ะอาหาร
อำเภอเจียงเยว่ เป็นบ้านของลู่หย่าฮุ่ย แม่ของจางฉีโม่
แต่บ้านนี้ก็เป็นบ้านของลู่ฉ่ายเชีย ลูกพี่ลูกน้องของลู่หย่าฮุ่ยเหมือนกัน
ครอบครัวของลู่หย่าฮุ่ย ช่วงนี้กลับจากเมืองชิงหยูนมายังบ้านฝ่ายหญิง
หลักๆก็เพราะว่าสภาพจิตใจของจางฉีโม่ไม่ดี ไม่อยากที่จะอยู่เมืองชิงหยูน อยากจะออกมาปล่อยใจผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย ก็เลยกลับมาที่อำเภอเจียงเยว่พร้อมกับพ่อแม่
เมืองชิงหยูน มีความทรงจำมากมายของเธอกับหลินอิ่ง
ทุกครั้งที่จางฉีโม่เดินบนถนน เห็นสิ่งต่างๆแล้วคิดถึงเขา ควบคุมอารมณ์ที่อยู่ในจิตใจเอาไว้ไม่อยู่
จนถึงวันนี้ จางฉีโม่ยังคงปรับตัวตอนที่ไม่มีหลินอิ่งคอยอยู่เคียงข้างกายไม่ได้
ถึงขนาดที่ ละทิ้งบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อลง ไม่ไปเข้าร่วมการประชุมของบริษัทอีกเลย ขนาดเสิ่นซานกับเจียงฉีมาเชิญถึงที่ ก็ปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง
วิลล่าที่วิลล่าหิมะมังกรที่หลินอิ่งมอบให้ บ้านที่อยู่ที่ชุมชนสุ่ยหยวน จางฉีโม่ก็ย้ายออกมาแล้ว ไม่ได้กลับไปอีก
แต่ในทางกลับกัน พ่อแม่ ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิง ยืนกรานไม่ยอมย้ายออก จะอยู่ที่วิลล่าหิมะมังกรให้ได้
ถึงยังไงพวกเขาก็เคยร่ำรวยมีเงินทองใช้มากมายมาก่อน พวกเขาสองสามีภรรยาจึงรับไม่ได้กับชีวิตที่ยากจนตกต่ำลง เลยคิดที่จะประจบประแจงเอาใจทางฝั่งของหลินอิ่งจากงานที่จางฉีโม่ทำมาโดยตลอด
ตั้งแต่รู้ว่าหลินอิ่งเป็นคุณชายใหญ่ของตี้จิง ท่าทีของลู่หย่าฮุ่ยก็เปลี่ยนไปไม่น้อย
“เห้อ ฉีโม่ ป้าได้ยินมาว่าตอนนี้เธอไม่มีงานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ทำซะจนบริษัทที่เมืองชิงหยูนพังล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ?”จู่ๆ ที่โต๊ะก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดปากพูดขึ้น เธอแต่งตัวดูแพง ใส่เงินใส่ทอง ดูท่าทางเหมือนมีอำนาจทางการเงินไม่น้อย มองสำรวจจางฉีโม่ด้วยสายตาขี้เล่น”ป้าน่ะนะ มีความคิดที่อยากจะช่วยแนะนำงานให้กับเธอนะ เธอจะเต็มใจหรือเปล่าไม่รู้”
จางฉีโม่ก้มหน้ากินข้าว ราวกับไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนเรื่องนี้
“ขอบคุณป้ามากค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงานชั่วคราว”
“ไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงาน? มันได้ยังไงกัน? พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้ทำธุรกิจแล้ว ในบ้านก็ต้องกินต้องใช้กันไม่ใช่เหรอ?”หญิงวัยกลางคนพูดต่อ”ฉันได้ยินมานะว่าเธอกับหลินอิ่งคนไร้ค่าอะไรนั่นหย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ? ความสัมพันธ์ของป้ากับคนที่อำเภอเจียงเยว่ไม่เลวเลยนะ รู้จักคุณชายเถ้าแก่ที่ร่ำรวยหลายคน ครั้งก่อนคนเขามองดูเธออยู่ไกลๆ ต่างก็รู้สึกพอใจทั้งนั้น เธออยากจะเจอหน้าทำความรู้จักกันสักหน่อยไหม?”
จางฉีโม่มองต่ำลงเล็กน้อย ส่ายหัว พร้อมกับพูดขึ้น”ป้าคะ เรื่องพวกนี้ไม่ต้องให้คุณมาเป็นกังวลหรอกค่ะ”
“เห้อ จะไม่กังวลได้ยังไงกันล่ะ? ป้าก็เห็นพ่อแม่ของเธอลนลานกระวนกระวายตลอดทั้งวัน วิ่งแจ้นกลับมาบ้าน อยู่ที่เมืองชิงหยูนต่อไปไม่ได้แล้ว”
หญิงวัยกลางคนชำเลืองตามองไปยังลู่หย่าฮุ่ย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าขี้เล่น
พอได้ฟังแบบนี้ ลู่หย่าฮุ่ยสีหน้าก็ดูไม่ดี รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้กำลังจงใจยั่วยุเธออยู่
คนที่พูดคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของลู่หย่าฮุ่ยลู่ฉ่ายเชีย
ลู่ฉ่ายเชียแต่งงานกับเถ้าแก่ของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในอำเภอเจียงเยว่ เป็นคนรุ่นเดียวกันที่มีตำแหน่งทรงพลังมากที่สุดในบ้านของลู่หย่าฮุ่ยมาโดยตลอด
จนกระทั่งต่อมา หลังจากที่จางฉีโม่เปิดบริษัทในเมืองชิงหยูนแล้ว ลู่หย่าฮุ่ยถึงจะได้มีตำแหน่งในบ้านขึ้นมา เริ่มมีอำนาจในการพูด
แถม นิสัยของเธอก็ชอบเงินและอำนาจความฟุ่มเฟือย ชอบโอ้อวดต่อหน้าของลู่ฉ่ายเชียอยู่บ่อยครั้ง
ตอนนี้ในตระกูลเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก พอวิ่งแจ้นกลับมาที่บ้าน ก็ต้องถูกคนพูดวิจารณ์ตำหนิเป็นธรรมดา
“แฮ่มๆ พี่สามเอ๋ย พูดแบบนี้ไม่ได้สิ ไม่ใช่ว่าตระกูลของพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชิงหยูนต่อไปไม่ได้สักหน่อย แต่เพราะช่วงนี้ฉีโม่สภาพจิตใจไม่ค่อยดี มาปล่อยตัวปล่อยใจผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น”ลู่หย่าฮุ่ยไอแห้งสองที พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”พอฉีโม่จิตใจดีขึ้นแล้ว ก็กลับเมืองชิงหยูนไปดูแลจัดการบริษัทต่อแล้ว บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อยังอยู่ดี ยังไม่ได้ล้มละลายไป”
“อ๋อ เป็นแบบนี้เองเหรอ?”ลู่ฉ่ายเชียยิ้มขี้เล่น มองไปยังลู่หย่าฮุ่ย”ฉันจะบอกให้นะหย่าฮุ่ย เธอจะตายอยู่แล้วอย่ามาห่วงหน้าตาอยู่เลย ไอ้เฉียนของบ้านฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเส้นสายเครือข่ายเลยในเมืองชิงหยูน ได้ยินคนบอกมาหมดแล้ว่า บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อนั่นเปลี่ยนผู้ถือหุ้นไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ของครอบครัวพวกเธอแล้วนี่”
“เรื่องนี้ ปิดบังฉันไม่ได้หรอก”ลู่ฉ่ายเชียพูดยิ้มๆ”ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จากนิสัยของเธอ จะยอมย้ายออกไปจากวิลล่าของวิลล่าหิมะมังกรเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีปัญญาอะไรเกิดขึ้น?”
“เอ่อ……”ลู่หย่าฮุ่ยสีหน้าดูไม่ดี ถูกพูดตรงๆใส่แบบนี้จนอับอายขายขี้หน้าจนหมด
“พี่สาม เรื่องในที่นี้คุณไม่เข้าใจ ชื่อในใบรับรองของวิลล่าในวิลล่าหิมะมังกรหลังนั้น ก็ยังเป็นชื่อของฉีโม่”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกละอายอยู่ภายในใจไม่น้อย”แถมบริษัทก็อยู่ภายใต้ชื่อของฉีโม่ด้วย ไม่ได้ดูแย่แบบที่คุณคิดสักหน่อย คุณจะต้องได้ฟังข้อมูลมาผิดแน่นอน”
“ได้ยินมาผิด?”ลู่ฉ่ายเชียยิ้มขี้เล่น สายตาที่มองไปยังจางฉีโม่ แฝงไปด้วยความดูถูกดูแคลน”ฉันจะบอกให้นะ หย่าฮุ่ย พวกเราตระกูลลู่ล้วนแต่เป็นคนซื่อตรงทั้งนั้น อย่าเอาแต่คิดแต่เรื่องที่จะร่ำรวยเฟื่องฟูขึ้นมาแค่ในชั่วพริบตา เอาแต่ให้ฉีโม่เรียนรู้แต่จะเกาะผู้ชายรวยมันไม่ดีหรอกนะ”
“ฉันที่เป็นป้า ก็หวังดีทั้งนั้น อยากจะหาคนที่ดีๆให้กับฉีโม่สักคน จัดหางานดีๆให้สักงาน ให้เธอได้มีครึ่งชีวิตที่เหลือที่ดีๆ”
ลู่ฉ่ายเชียพูดขึ้นด้วยท่าทางหวังดี”ในครอบครัวตกต่ำลงแล้วก็ตกต่ำลงไปสิ แค่พูดออกมา คนครอบครัวเดียวก็เต็มใจที่จะช่วย จะเอาแต่เสแสร้งว่าชีวิตของตัวเองไม่ได้ตกต่ำลงไปทำไม?”
“ไม่ใช่!ป้า อะไรคือเกาะผู้ชายรวย? นี่คุณหมายความว่าอะไร?”จู่ๆจางฉีโม่ก็ตอบสนองกลับมา เงยหน้ามองไปยังลู่ฉ่ายเชีย ถามขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เห้อ ฉีโม่ ขอโทษนะ ป้าพูดตรงเกินไปหน่อย แต่ว่านะ ป้าก็หวังดีกับเธอทั้งนั้น”ลู่ฉ่ายเชียแสร้งทำเป็นสายตาล้อเล่น พูดขึ้น แกล้งทำเป็นพูดขึ้น”นิสัยแม่ของเธอฉันรู้และเข้าใจทั้งนั้น ใช่ไหม? อันนี้ฉันไม่พูดเยอะแล้วกัน”
“ครอบครัวของพวกเธอสามัญธรรมดามาตลอด จู่ๆเธอก็ร่ำรวยขึ้นมา แถมยังเปิดบริษัทเครื่องประดับที่ใหญ่ขนาดนั้นอีก คนของบ้านเกิดนี้ก็ต่างพากันพูดซุบซิบ พากันมาถามฉันว่า เธอไปได้กับประธานใหญ่คนไหนหรือเปล่ากันทั้งนั้น”
“ตอนนี้ บริษัทในตระกูลก็ล้มละลายแล้ว ฉันน่ะ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสาเหตุอะไร ก็เลยถามสักหน่อย พอคนตระกูลลู่ถามขึ้นมาอีก ฉันก็จะได้มีคำตอบไปอธิบายแล้วไม่ใช่หรือไง”ลู่ฉ่ายเชียพูดขี้เล่นเหมือนจะเน้นอะไรบางอย่าง
ใช่แล้ว จากที่คนของตระกูลลู่คิดแล้ว จางฉีโม่จะต้องเจอกับความโชคดีอะไรโดยบังเอิญแน่นอน ไม่มีเหตุผลที่จู่ๆจะมีชื่อเสียงมากขนาดนั้นขึ้นมาในเมืองชิงหยูน
ไม่ใช่ว่าไปจับ”คนรวย”ได้หรือไง?
“พี่สาม พวกคุณเข้าใจผิดหมดแล้ว นี่ไม่ได้เป็นแบบที่พวกคุณคิดเลยสักนิด!”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”ฉีโม่น่ะเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ พวกคุณอย่ามาพูดอะไรมั่วซั่วข้างนอกแบบนี้นะ”
“บริษัทเครื่องประดับนั่นของฉีโม่ แล้วก็วิลล่าพวกนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกเขยของฉันหามาทั้งนั้น ไปเกาะผู้ชายรวยที่ไหนกัน? อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ”
“ลูกเขย? ลูกเขยนั่นน่ะเหรอ? หลินอิ่ง ลูกเขยไร้ค่าที่แต่งเข้าบ้านมาน่ะนะ? “ลู่ฉ่ายเชียพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าขี้เล่น
“หลินอิ่งหามาเองทั้งนั้น”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้น”ลูกเขยคนนั้นของฉัน เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ที่มีชื่อเสียงของตี้จิงเชียวนะ”
“ฮ่าๆๆๆ!”ลู่ฉ่ายเชียกุมปากหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่”หย่าฮุ่ยเอ๋ย เธอหยุดพูดพล่ามกับพวกเราได้แล้ว ชื่อเสียงของลูกเขยไร้ค่าแบบหลินอิ่งนั่น อื้อฉาวมาจากเมืองชิงหยูนจนมาถึงอำเภอเจียงเยว่แล้ว ยังจะมาคุณชายใหญ่ของตี้จิงอีก?”
“น้องหย่าฮุ่ย เมื่อก่อนเธอก็ชอบพูดต่อหน้าพวกเราบ่อยๆ บอกว่าหลินอิ่งน่าสมเพชอย่างนั้น ไร้ค่าอย่างนี้ เหลืออดเหลือทนแล้วไม่ใช่หรือไง? แล้วตอนนี้มาคุณชายใหญ่ของตี้จิง? สรุปแล้วอันไหนมันคือความจริงอันไหนมันปลอมกันแน่?”