ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 638 มาที่ยอดภูเขาเจียงเยว่ตามลำพัง
บนที่นั่งเบาะหลังของรถเบนท์ลี่ย์สีดำที่กำลังแล่นอยู่บนถนนทางด่วน
หลินอิ่งสีหน้านิ่งลึกราวกับสายน้ำ ในมือถือโทรศัพท์
ในตาของเขาเย็นชา แฝงไปด้วยแรงอาฆาตอันแรงกล้า มีรังสีแผ่ออกมาจากตัว ทำให้ฮาเดสกับเจียงฉีที่อยู่บนรถต่างก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นขึ้นมา
“เป็นอะไรไป? หลินอิ่ง แกตื่นตกใจอย่างนั้นเหรอ?”
ในสาย มีเสียงที่ชั่วร้ายน่ากลัวของเหวินเทียนเฟิ่งดังขึ้นมา
หลินอิ่งนิ่งเงียบ ในตอนนี้ไฟโกรธแค้นที่อยู่ในใจของเขาต่อให้ใช้น้ำทั้งแม่น้ำมาสาดก็ไม่มอดดับไป
เขาคิดไม่ถึงว่า จะได้มาสนทนากับผู้หญิงชั่วร้ายแบบเหวินเทียนเฟิ่งอีกครั้ง ในสถานการณ์แบบนี้
ตระกูลเหวิน ก็เหมือนพวกตะขาบที่ตายยากตายเย็น
หลังจากที่ขจัดตระกูลเหวินในตี้จิงแล้ว
ตระกูลเหวินก็หลบซ่อนอยู่ในที่มืด ต่อมาก็อาศัยจี้ฉงซานแห่งเมืองก่างฉุดขึ้นมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก
แต่ไม่คิดว่าตระกูลเหวินยังจะสามารถสร้างเรื่องใหญ่โตแบบนี้ได้อีก
“หลินอิ่ง ถ้าแกยังไม่พูดอะไรอีก ฉันก็จะให้จางฉีโม่พูดไม่ได้อีกต่อไป!”
ในสาย เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นอย่างชั่วร้ายน่ากลัว ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาข่มขู่
“ให้ฉีโม่มาคุยกับฉัน”
หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“เหอะ หลินอิ่ง ฉันยังนึกว่าแกจะไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับฉีเหอถูพ่อของแกซะอีก ดูท่า สำหรับเรื่องผู้หญิงแล้ว แกไม่ได้เด็ดเดี่ยวเหมือนกับพ่อของแกเลยสักนิด”
เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
เธอหันตัวไป ยิ้มอย่างชั่วร้าย มองไปยังจางฉีโม่ เอาโทรศัพท์ไปข้างๆตัว
ใช่แล้ว สำหรับเหวินเทียนเฟิ่ง จางฉีโม่ก็คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหลินอิ่ง
หลินอิ่งผู้ชายคนนี้ ลึกลับและทรงพลัง แทบจะไม่มีจุดอ่อนใดๆเลย
นิสัยก็ไม่มีจุดบกพร่องตรงไหนเลยด้วย แทบจะเป็นคนที่ไร้ที่ติคนหนึ่งเลย
มีจุดบกพร่องแค่จุดเดียวก็คือ ให้ความสำคัญกับภรรยาของเขามากเกินไป
จุดจุดนี้ เมื่อเทียบกับฉีเหอถูพ่อแท้ๆของเขาแล้ว ก็ต่างกันไม่น้อย การจะทำการใหญ่ จะมาหวั่นไหวกับผู้หญิงได้ยังไงกันล่ะ?
“พูดสิ ผู้ชายของเธอยังสนใจเธออยู่ หรือว่าเธอไม่อยากให้เขามาช่วยเธออย่างนั้นเหรอ จะมองเธอถูกทำร้ายร่างกายทั้งอย่างนี้?”
เหวินเทียนเฟิ่งก้มหน้า มองจางฉีโม่อย่างขี้เล่นพร้อมกับพูดขึ้น
จางฉีโม่สีหน้ายุ่งยากซับซ้อน ถูกล่ามเอาไว้กับเก้าอี้ขยับเขยื้อนไม่ได้
ในเวลานี้ ในใจของเธอก็ซับซ้อนเช่นเดียวกัน
เธอได้ยินคำพูดของหลินอิ่ง แล้วก็จินตนาการได้ว่าในตอนนี้อารมณ์ของหลินอิ่งเดือนพลุ่งพล่านขนาดไหน
ในเวลาเดียวกัน เธอก็ซาบซึ้งใจ ว่าหลินอิ่งยังคงให้ความสำคัญกับเธออยู่……
“ฉีโม่ คุณได้ยินผมพูดไหม?”
“มีผมอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัว”
ในสาย มีเสียงของหลินอิ่งดังขึ้นมา
พอได้ยินเสียงที่ห่างหายไปนานและคุ้นเคยเป็นอย่างดีเสียงนี้ ใจของจางฉีโม่ก็เริ่มหวั่นไหว
ใช่แล้ว แค่ได้ยินเสียงของหลินอิ่ง เธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมามาก ราวกับว่าภัยคุกคามทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น
จางฉีโม่ขอบตาเริ่มแดงด้วยความผิดหวัง
“ฉัน ฉันได้ยิน”จางฉีโม่พูดตอบ
“ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”จางฉีโม่พูดคำพูดนี้ออกไปอย่างควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ ไม่อยากให้หลินอิ่งต้องมาเป็นห่วงเธอ
“ดีๆไว้ ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงที่นิ่งเฉยแฝงไปด้วยความอบอุ่นของหลินอิ่ง ดังเข้ามาในหูของจางฉีโม่
ในเวลานี้ เธออึ้งตะลึงไป รู้สึกแค่ว่าใจอบอุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ฉัน ฉัน……”จางฉีโม่สีหน้าสีหน้าเหม่อลอย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“เอาล่ะ”เหวินเทียนเฟิ่งหยิบมือถือขึ้นมา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น”หลินอิ่ง แกได้ยินเสียงของภรรยาของแกแล้วสินะ? ตอนนี้เธอกำลังถูกฉันดูแลอย่างดี ไม่มีการสูญเสียอะไรแน่นอน”
“แต่ว่า ถ้าต่อไปแกไม่เชื่อฟังคำสั่งของพวกเราล่ะก็ ฉันก็ไม่กล้ารับประกัน ว่าจะเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นกับจางฉีโม่ภรรยาของแกหรือเปล่า”
“แกต้องการอะไร?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นอย่างไม่แยแส
“แน่นอนว่าฉันต้องการให้แกตายยังไงล่ะ!”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“แต่ว่า นายท่านยังไม่อยากให้แกตาย ให้โอกาสกับแก”
“นายท่าน? นายท่านของแก คือท่านมังกรดำ?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“เหอะๆ เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หลินอิ่งแกรู้ถึงการมีอยู่ของท่านมังกรดำด้วยสินะ”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน”ถ้าอย่างนั้นในใจของแกก็น่าจะรู้ดี ว่าแกกำลังถูกคนที่แข็งแกร่งแบบไหนจับจ้องสนใจอยู่”
หลินอิ่งแววตาค่อยๆเปลี่ยนไปนิ่งลึก
นี่มันเป็นไปตามการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขา ท่านมังกรดำต้องอยู่เบื้องหลังของตระกูลเหวินแน่นอน
การลักพาตัวของจางฉีโม่ไปในคราวนี้ คนที่คอยสั่งการอยู่เบื้องหลังก็คือท่านมังกรดำที่คอยสอดแนมตัวเองอยู่ในความมืดมาตลอด
“นายท่านต้องการให้มอบวิชาลับเฉพาะของแกมาซะ”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา”แกรู้ว่าสิ่งที่นายท่านต้องการคืออะไร เลิกแสร้งทำเป็นโง่ได้แล้ว”
“แถม นายท่านให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง ขอแค่แก่ยอมมอบวิชาลับเฉพาะ ยอมใช้ยาคุมจิต ยอมจำนน นายท่านก็จะให้โอกาสแกได้แก้แค้น แล้วก็สามารถทำให้ครึ่งชีวิตของแกเจริญรุ่งเรืองได้อีกด้วย”
พอได้ฟังคำพูดนี้ มุมปากของหลินอิ่งก็ยกขึ้นยิ้มอย่างโหดร้าย
เขารู้ ว่าท่านมังกรดำ เล็งเป้าหมายมาที่วิชาเฉพาะของแก๊งมังกรของตัวเองอย่างแน่นอน
พลังระดับเทพที่ไม่ได้ตกทอดต่อนั่น แม้แต่อาจารย์กู้ต้า ยึดชิงไปทั้งแก๊งมังกรแล้ว ก็ยังไม่เคยได้ของสิ่งนั้นไปเลย
เป็นวิชาเฉพาะที่อาจารย์กู้ต้าปรารถนาอยู่ภายในใจมาโดยตลอด
ได้รับสิ่งนั้นมา ถึงจะถือว่าเป็นประมุขแก๊งมังกรที่แท้จริง แล้วก็แก่นสำคัญที่ดำรงอยู่มาพันปีของแก๊งมังกรด้วยเหมือนกัน
จากท่าทีที่เหวินเทียนเฟิ่งแสดงออกมาเกี่ยวกับท่านมังกรดำ
หลินอิ่งก็สามารถวิเคราะห์แยกแยะออกมาได้
เรื่องที่ท่านมังกรดำแอบสอดแนมตนเองอย่างลับๆ มีแค่ตัวของท่านมังกรดำเท่านั้นที่รู้
คนอื่นๆของแก๊งมังกร ถึงขนาดที่อาจารย์กู้ต้าก็ไม่รู้ว่าท่านมังกรดำลงมือคนเดียว
ไม่อย่างนั้น ตัวเองก็ไม่มีทางพัฒนาก้าวหน้าอยู่ที่ตี้จิงได้อย่างมั่นคงขนาดนั้น แต่จะต้องเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงของทั้งแก๊งมังกรแน่นอน
นี่ก็บอกได้ว่า ครั้งนี้ คนที่ตัวเองต้องเผชิญหน้าก็มีเพียงแค่ท่านมังกรดำคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่กองกำลังจำนวนมากของทั้งแก๊งมังกร
ดังนั้น มีโอกาสชนะแน่นอน
แถม หลินอิ่งก็พอจะอนุมานถึงแผนการที่มังกรดำแอบสอดแนมตนเองอย่างลับๆได้
ไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับตนเองแบบซึ่งๆหน้า แต่ไปลักพาตัวของจางฉีโม่แทน
แถมลงมือในช่วงเวลาที่ตนเองกำลังอ่อนแอลงพอดีเลยด้วย
ท่านมังกรดำคนนี้ รู้ว่าตนเองมีระยะวัฏจักร พอตัดสินได้อย่างแม่นยำแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ จากนั้นก็ค่อยลักพาตัวเอ จัดการวางแผนให้ดีๆ
เรียกได้ว่าลึกซึ้งเจ้าเล่ห์มีอุบายสุดๆ
“เป็นยังไงบ้าง? หลินอิ่ง? นายท่านมีความเมตตาต่อแกพอแล้วยัง? ไม่ได้จะบีบคั้นแกให้ได้ตายสักหน่อย”เหวินเทียนเฟิ่งพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น
“ขอแค่แกยอมเป็นหมาให้กับนายท่านอย่างเชื่อฟัง แกก็จะไม่มีอันตรายใดๆ ภรรยาของแกก็จะปลอดภัยไร้กังวล แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ภรรยาของแกก็จะลงเอยอย่างน่าอนาถแน่นอน……”
เหวินเทียนเฟิ่งพูดข่มขู่ด้วยน้ำเสียงโหดร้ายน่ากลัว
“หลินอิ่ง คุณไม่ต้องไปฟังพวกเขา อย่าให้การใหญ่ของคุณได้รับผลกระทบเพียงเพราะว่าฉันเลย ฉัน……”
จางฉีโม่ตะโกนออกมาเสียงดัง น้ำเสียงเป็นห่วงสุดๆ
แต่เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกนายพลงูที่ยืนอยู่ใกล้ๆตบจนสลบไปก่อน
“เหอะๆ ผู้หญิงแบบเธอนี่มันไม่เลวเลยจริงๆ หลินอิ่ง ในเวลาแบบนี้ยังจะเป็นห่วงแกอยู่อีก”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“แกมาที่มาที่ยอดเขาเจียงเยว่ตามลำพังคนเดียว ระหว่างทางพวกเราจะติดต่อแกกลับไปอีก”
“ถ้าแกกล้าเล่นอะไรตุกติกล่ะก็ ฉันจะทำร้ายภรรยาของแกทันที”
พอข่มขู่เสร็จแล้ว เหวินเทียนเฟิ่งก็วางสายลง
หลินอิ่งนั่งอยู่เบาะหลัง ในตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ครั้งนี้ เขาจะต้องไป
เขาสัญญาไว้แล้ว ว่าในช่วงชีวิตนี้จะไม่ทอดทิ้งฉีโม่ไป
คำสัญญาของลูกผู้ชาย จะไม่มีทางล้มเลิกอย่างแน่นอน