ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 647 ทหารมือดี
“นี่หลินอิ่งมันใช้ไม้นี้เลยเหรอ?”
เหวินเทียนเฟิ่งทำหน้าตกใจ พร้อมกับมองไปที่บ้านด้วยความร้อนรน และแสดงสายตาที่โหดเหี้ยมออกมา
“นี่พวกแกทำอะไรกันอยู่? กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ใกล้เคียงภูเขาเจียงเยว่มันจับภาพของคนที่บุกเข้ามาไม่ได้รึไง?” เหวินเทียนเฟิ่งจ้องไปที่หัวกะทิองครักษ์มังกรดำหลายคนแล้วตำหนิอย่างไม่ชอบใจ
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพื่อรับมือกับหลินอิ่ง ก็ได้เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วแท้ๆ
สั่งให้องครักษ์มังกรดำส่วนหนึ่งไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ภูเขาเจียงเยว่ จับตาดูทางเข้าทุกทาง แถมยังติดตั้งเรดาร์อีกเป็นกอง แต่ก็ยังปล่อยให้คนของหลินอิ่งลอบเข้ามาได้อีก
และเธอเองก็ถือว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินอิ่งถึงใช้แผนซ้อนแผนยอมต่อสู้กับท่านมังกรดำอย่างดุเดือด เป้าหมายก็เพื่อดึงตัวนายท่านเอาไว้ จากนั้นเตรียมทหารมือดีให้ลอบเข้ามาเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน
“นายหญิงเหวิน……นี่มันเป็นเรื่องผิดพลาด ต้องเป็นเพราะข้อมูลตกหล่นแน่นอนครับ” องครักษ์มังกรดำคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความร้อนรน “เรานึกไม่ถึงว่าในมณฑลตุงไห่หลินอิ่งมันจะยังมียอดฝีมือลึกลับคอยช่วยเหลืออีก……”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ตรวจสอบข้อมูลของหลินอิ่ง ก็ได้รู้ว่าที่ตี้จิงนั้นหลินอิ่งได้มียอดฝีมือลึกลับหลายคนที่อยู่ใต้อาณัติ
แต่ในมณฑลตุงไห่นั้น อำนาจของหลินอิ่งถูกจำกัดไว้แค่ระดับโลกธรรมเท่านั้น มีลูกน้องที่คอยจัดการวงการธุรกิจกับโลกแห่งความมืดอยู่สองคน แต่ก็ไม่เคยเห็นยอดฝีมือลึกลับปรากฏตัวมาก่อนเลย
การที่ตอนนี้จู่ๆ ก็มีการชิงตัวตัวประกันเกิดขึ้น มันก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าก่อนที่จะมาหลินอิ่งได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะว่า ยอดฝีมือระดับหัวกะทิทั่วไปไม่มีทางหลบพ้นจากการเฝ้าระวังที่แน่นหนาขององครักษ์มังกรดำแน่นอน ต้องเป็นยอดฝีมือลึกลับที่มีฝีมือระดับหนึ่งจึงจะสามารถลอบเข้ามาในภูเขาเจียงเยว่โดยไม่มีมาใครรู้ได้ หลบหลีกจากสายตาของหน่วยเฝ้าระวังขององครักษ์มังกรดำได้ทุกคน
นี่มันต้องเป็นข้อมูลชิ้นโตที่คลาดเคลื่อนแน่นอน
ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาต่างก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าในอำเภอเจียงเยว่ที่เล็กๆ แบบนี้ หลินอิ่งจะพายอดฝีมือระดับนี้มาด้วย
ต้องเข้าใจว่า หลินอิ่งนั้นลงจากเครื่องบินคนเดียว จนมาถึงที่เมืองชิงหยูน นี่คือข้อมูลที่พวกเขาสามารถมั่นใจได้
“มีแต่พวกไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ถึงได้ทำงานได้สะเพร่าขนาดนี้ รอนายท่านจัดการกับหลินอิ่งเสร็จ ภายใต้ความโกรธที่เหลือล้น ดูซิว่าพวกไร้ค่าอย่างพวกแกจะแก้ตัวยังไง และต้องรับผิดชอบแบบไหน!” เหวินเทียนเฟิ่งตะคอกออกมาด้วยความโมโห สีหน้าก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ท่านมังกรดำกำลังสู้กับหลินอิ่งในช่วงสำคัญ
ถ้าเกิดตัวประกันที่สำคัญอย่างจางฉีโม่ถูกช่วยไปได้ พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันจะส่งผลกับแผนการที่ท่านมังกรดำวางไว้ คนที่ดำเนินการอย่างพวกเขา ก็คงไม่มีจุดจบที่น่าดูสักเท่าไหร่
“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม? พวกไร้ประโยชน์! รีบไปช่วยนายพลงูสิ! ถ้าตัวประกันเกิดถูกช่วยไปได้ พวกแกก็เตรียมตัวตายได้เลย!” เหวินเทียนเฟิ่งพูดด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด ตำหนิองครักษ์มังกรดำหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ครับ……”
หัวกะทิองครักษ์มังกรดำตอบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้า กลายร่างเป็นสายลม พุ่งตัวเข้าไปในอาคาร
ในขณะเดียวกัน
ภายในห้องที่อยู่ชั้นสาม โถงทางเดินที่มืดสนิท สภาพที่เละเทะ กำแพงโดยรอบมีแต่รูที่ถูกโจมตีใส่จนยับเยิน
ยังมีชายหนุ่มชุดดำอีกหลายคนที่ล้มกองอยู่บนพื้น นอนชักกระตุกกันเป็นแถบ แต่ละคนเหมือนถูกการโจมตีที่รุนแรงมากๆ โจมตีใส่ เลือดสดๆ อาบท่วมไปทั้งตัว
เห็นได้ชัดว่า ที่แห่งนี้ไม่ได้มีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
พวกหัวกะทิองครักษ์มังกรที่คอยเฝ้าจางฉีโม่เอาไว้ ต่างก็ถูกคนเข้ามาทำร้ายอย่างรวดเร็ว ลงไปนอนกับพื้น
พรึ่บพับ
นายพลงูเดินอยู่บนโถงทางเดินด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว แววตานั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความเดือดดาลและความแปลกใจ และยังรู้สึกตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกัน
เสียงปั้งดังขึ้น!
นายพลงูถีบประตูออกในทีเดียว ภายในห้องที่เรียบหรู ว่างเปล่าไม่มีใคร มีเพียงชายชุดดำสองสามคนที่กำลังนอนเลือดกลบปากอยู่บนพื้น
ส่วนจางฉีโม่ที่เคยถูกล็อกไว้ที่เก้าอี้ ตอนนี้ได้หายตัวไปแล้ว
กำแพงที่ห่างออกไปไม่ไกล ได้ปรากฏรูขนาดใหญ่ขึ้น ราวกับมันถูกใครบางคนโจมตีจนมันพังทลายลง แล้วพาตัวประกันหนีออกไปจากด้านใน
“นี่มัน!”
นายพลงูจ้องมองรูขนาดใหญ่ตรงกำแพงด้วยสายตาที่เคร่งขรึม ส่วนสีหน้าที่แสดงออกมานั้นทั้งโกรธทั้งตกใจ
“เศษสวะ! มีแต่พวกเศษสวะทั้งนั้น! แค่ผู้หญิงคนเดียวยังขังไว้ไม่ได้?”
นายพลงูหันมองไปยังหัวกะทิองครักษ์มังกรดำที่นอนอยู่บนพื้นอย่างกะทันหัน ยืนมือไปดึงตัวขึ้นมาคนหนึ่ง บีบไปที่คอของชายหนุ่มชุดดำนั้นอย่างแรง แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“นี่พวกแกทำงานกันยังไง? ใครเป็นคนมาช่วยจางฉีโม่ไป?”
“ท่านนายพลงู……เป็น เป็นตาแก่คนหนึ่งที่อายุมากแล้ว ฝีมือบูโดของมันแข็งแกร่งมาก ข้าน้อยคิดว่า อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในระดับรายการแห่งดินครับ” ชายหนุ่มชุดดำแววตาร้อนรน และพูดตะกุกตะกักไปว่า “พวกข้าน้อยได้ขวางอย่างสุดชีวิตแล้ว แต่ก็ขวางมันเอาไว้ไม่ได้……”
“ตาแก่ที่มีอายุ? ยอดฝีมือระดับรายการแห่งดิน?”
สีหน้าของนายพลงูเคร่งขรึมลงไป รู้สึกว่าเรื่องมันชักจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว
“ท่านนายพลงูครับ ข้าน้อยก็นึกไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือระดับนี้บุกเข้ามาเหมือนกัน หลังจากที่มันช่วยเหลือตัวประกันแล้ว มันก็พังกำแพงแล้วหนีไป นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเอง ข้าน้อยคิดว่ามันน่าจะยังหนีไปได้ไม่ไกล……ท่านนายพล……” ชายหนุ่มชุดดำพูดออกมาด้วยความร้อนรน
“เพิ่งหนีไปอย่างนั้นเหรอ?” นายพลงูแสดงแววตาที่เป็นประกายดุร้ายออกมา
“แกมันแค่เศษสวะ กะอีแค่ถ่วงเวลามันไว้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเก็บไว้ทำไมอีก?”
“เอื้อกอ้า!”
พูดจบ เสียงร้องครวญครางที่ชัดเจนก็ได้ดังออกมาจากภายในห้อง
นายพลงูยกมือขึ้นมาหักคอของชายหนุ่มชุดดำคนนั้น เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมมาก สีหน้าก็ดูเหี้ยมโหดมากๆ เหมือนกัน
“รีบตามมันออกไป ยังไงวันนี้ก็ต้องจับตัวกลับมาให้ได้ ถ้าจางฉีโม่ถูกช่วยออกไปจากภูเขาเจียงเยว่ละก็ พวกแกทุกคนได้ตายแน่!”
หลังจากคำพูดที่ทุ้มลึกของนายพลงูสิ้นสุดลง บรรดาหัวกะทิองครักษ์มังกรดำที่อยู่ด้านหลังเขาก็เคลื่อนไหว ต่างพากันพังกำแพงกระโดดพุ่งตัวลงไป แล้วทำการไล่ล่าทันที
ส่วนนายพลงูนั้นก็ได้เคลื่อนไหว เปลี่ยนกลายเป็นสายลมกรรโชก ไล่ล่าตามทางที่เป็นแตกร้าวไป
ในตอนนี้ แรงกดดันที่อยู่ในใจเขานั้นมีมากอย่างถึงที่สุด
เมื่อกี้ก็เพิ่งไปสู้กับหลินอิ่งด้วยการบังคับตัวเอง มันได้ทำร้ายไปจนถึงรากฐานของเขาแล้ว กำลังยังไม่ถึงครึ่งของช่วงพีคๆ เลย
แล้วดันมาพลาดในช่วงเวลาสำคัญ โดยการถูกชิงตัวจางฉีโม่ไปอีก?
แถมยังเป็นยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินที่บุกเข้ามาอีก?
นี่ถ้าไม่สามารถชิงตัวประกันกลับมาได้ หลังจากที่การต่อสู้ของท่านมังกรดำกับหลินอิ่งสิ้นสุดลง คนแรกที่จะโดนเอามาเชือดก็คือเขา……
แต่ในสภาพที่บาดเจ็บหนักแบบนี้ แล้วต้องเจอกับยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินหนึ่งคน นายพลงูเองก็ไม่มีความมั่นใจเลย
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น
ถนนในเขาที่อยู่บนเขาหลังตึกสูง
กู่ชางไห่พาจางฉีโม่วิ่งหนีด้วยความเร็วสูง เพราะอยากที่จะออกจากโลกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ลงเขาไปยังจุดที่รถที่เป็นกำลังสนับสนุนจอดอยู่
“คะ คุณคือ?” จางฉีโม่เพิ่งได้สติขึ้นมา แล้วจ้องมองกู่ชางไห่ด้วยสายตาที่ยังพร่ามัว และถามออกไป
“คุณนายหลิน คุณไม่ต้องถามอะไรแล้วครับ ผมเป็นคนของคุณหลิน ตั้งใจมาช่วยคุณโดยเฉพาะเลยครับ” กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “คนพวกนั้นได้ตามเรามาแล้ว ตอนนี้คุณยังไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น”
“คนของหลินอิ่งอย่างนั้นเหรอ?” จางฉีโม่ตั้งสติได้แล้ว สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาบ้าง แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามไปว่า “ละแล้วหลินอิ่งล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน?”