ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 672 ข้าววันนี้ไม่ต้องกินมันแล้ว
“บังอาจ!ไอ้เด็กนี่ นายกล้าพูดเหลวไหลต่อหน้าประทานหลินงั้นเหรอ?”
กู่ชางไห่ตะคอกอย่างโมโห และมองคุณชายหลุยอย่างโมโห
ถ้าหากไม่ใช่ว่าอยู่ในที่สาธารณะ ความคิดฆ่าคนเขาก็มีแล้ว
ผู้อาวุโสหลินอิ่งเป็นบุคคลอะไร?
ที่เมืองหลวงอย่างตี้จิง ล้วนมีแต่พวกผู้ใหญ่ระดับสูงมากๆ นักธุรกิจ นักการเมือง ทหาร ผู้มีชื่อเสียงจากทุกสาขาอาชีพ มีใครเจอหลินอิ่งแล้วไม่เคารพบ้าง?
ฉายาคุณชายอิ่งแห่งตี้จิง ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศหลุงสิบเอ็ดเมืองแห่งเจียงเป่ยนานแล้ว
ในอำเภอเล็กๆ นี้ กลับมีคนมาลามปามเล่นหัวผู้อาวุโส และยังพูดจาอวดดีอีก!
สีหน้าของคุณชายหลุยชะงักอยู่ครู่ ถูกกู่ชางไห่ที่อยู่ดีๆ ก็ปริ๊ดแตกทำให้ตกใจ
เขาหรี่ตาของข้าง เขาเหลือบมองกู่ชางไห่ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างลังเล และมองไปที่หลินอิ่งอย่างสงสัย
จากนั้น ใบหน้าของคุณชายหลุยก็มีสีหน้าตลก
“โอ้โห? พวกนายคิดว่าฉันหลุยหรุ่ยตกใจใหญ่แล้วสินะ?” คุณชายหลุยยิ้มพลางพูดอย่างเย็นชา “ฟังจากสำเนียงของพวกนาย เป็นคนที่มาจากต่างถิ่นสินะ? คิดว่าตัวเองมีเงินนิดหน่อย ก็จะมาทำใหญ่ที่อำเภอเจียงเยว่ได้แล้วเหรอไง?”
“แถมยังกล้ามาหลอกให้ฉันตกใจอีก ไม่ส่องกระจกดูบ้างเลย ว่าพวกนายสองคนสภาพเป็นยังไง?”
หลุยหรุ่ยพูดพลางยิ้มอย่างเย็นชา ดูถูกหลินอิ่งกับกู่ชางไห่จากก้นบึ้งหัวใจ
ที่เขาคาดเดา หลินอิ่งกับกู่ชางไห่ ครึ่งนึงน่าจะเป็นคนต่างอำเภอที่ผ่านทางมาที่อำเภอเจียงเยว่ หรือไม่ก็เข้ามาทำธุรกิจ ดูจากลักษณะตระกูลคงมีพื้นเพเล็กน้อย ไม่เหมือนพวกคนรวยมีฐานะ
ไม่อย่างนั้น หลินอิ่งกับกู่ชางไห่ปรากฏตัวคงไม่ใช่ลักษณะแบบนี้
ไม่คิดดูหน่อย เขาหลุยหรุ่ยในอำเภอเจียงเยว่นั้นเป็นบุคคลชั้นสูงประเภทไหน เป็นลูกชายของนายอำเภอ ทำอะไรก็ได้ ธุรกิจก็ทำได้ยิ่งใหญ่
ในที่ของเขาแห่งนี้ เขามีอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่ง
แค่คนที่มาจากต่างถิ่น หลุยหรุ่ยนั้นไม่ได้ใส่ใจเลยแม้สักนิด
“นี่นายจะหาเรื่องใช่มั้ย?” กู่ชางไห่พูดอย่างโมโห
“หาเรื่อง แล้วจะทำไม? ตาแก่อย่างนาย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ยังกล้ามาแหกปากโวยวายต่อหน้าคุณชายหลุย? แก่แล้วเลอะเลือนใช่มั้ย?”
“แม่งเอ้ย คุณชายหลุยไว้หน้าพวกแกแล้ว คุยกับพวกแกว่าจะเปลี่ยนห้อง แถมยังจะจ่ายค่าบริการของคืนนี้ให้อีก ก็ไว้หน้าเกินพอแล้ว ยังจะคิดว่าตัวเองสูงส่งจริงๆ เหรอ? แกคิดว่าพวกแกเป็นใครกัน?”
คราวนี้ หนุ่มท่าทีอันธพาลที่อยู่ด้านข้างหลุยหรุ่ยสองคน ก็คลุ้มคลั่งทันที และด่าอัดหน้ากู่ชางไห่รัวๆ
“คุณชายหลุย ไม่ต้องไปพูดดีกับพวกมันแล้ว ไอ้คนต่างถิ่นสองคนนี้ไม่รู้ตัว ไม่รู้จักดูฐานะตัวเอง ยังกล้ามาแย่งห้องรังสรรค์กับท่าน” ชายคนนึงพูดเยินยอ
“ท่านพูดมาคำเดียว ผมจะเรียกพวกมา โยนพวกมันสองคนลงแม่น้ำให้พวกมันได้สติ”
ขณะที่พูด ก็มีชายฉกรรจ์ร่างหนาล้อมเข้ามา ยืนอยู่ข้างหลังหลุยหรุ่ยเพิ่มความมีอิทธิพล
ในสายตาของกลุ่มลูกน้องพวกนี้ คุณชายหลุยหรุ่ยท่านนี้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ในอำเภอเจียงเยว่ ราวกับเป็นบุคคลที่เรียกลมเรียกฝนได้
ในอำเภอเจียงเยว่ ยังมีเรื่องอะไรที่คุณชายหลุยจัดการไม่ได้?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนต่างถิ่นสองคนนี้เลย คนนึงเหมือนนักศึกษาจนๆ อีกคนก็แก่งั่ก
ท่าทีโง่ๆ แบบนี้ ยังจะกล้ามาท้าทายคุณชายหลุย?
ทำให้คุณชายหลุยไม่พอใจ ในอำเภอเจียงเยว่จะกำจัดพวกเขาสองคนทิ้งก็แค่เรื่องเล็กๆ
“เหอะๆ” หลุยหรุ่ยหัวเราะเย็นชาอย่างพอใจ ราวกับว่าจะเพลิดเพลินไปกับฉากที่ตระการตาแบบนี้เอามากๆ เขาจุดบุหรี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน นัยน์ตามองไปที่หลินอิ่งกับกู่ชางไห่อย่างเหยียดหยาม
“ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดเอามากๆ พวกนายสองคน ไสหัวออกไปจากโรงแรมเครสเซนต์เอง ทำเอาฉันหมดความอดทนแล้ว พวกนายไม่ต้องกินมันแล้วข้าว ไปกินปลาในแม่น้ำซะเถอะ” หลุยหรุ่ยพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่
เมื่อพูดเพิ่งจบ ลูกน้องข้างกายหลุยหรุ่ยพวกนั้น ก็พุ่งกรูเข้ามา จะลงไม้ลงมือกับหลินอิ่ง
“พวกนายจะทำอะไร? แถมกล้าลงไม้ลงมืออีก?” กู่ชางไห่บังข้างหน้าหลินอิ่ง และดุอย่างโมโห
เขาก็คิดไม่ถึง พวกคนกลุ่มนี้จะเหิมเกริมแบบนี้ พูดง่ายๆ พวกนี้คือกลุ่มอันธพาลชัดๆ
กู่ชางไห่อยู่ในวงการมาตั้งหลายปี ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องพวกนี้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัด ว่าคุณชายหลุยตรงหน้า ก็คือผู้มีอิทธิพลในอำเภอเจียงเยว่
คนแบบนี้ไม่ว่าที่ไหนก็มี คิดว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครก็เกรงกลัว
ในความจริงแล้ว ก็เป็นแค่กบอยู่ในกะลาที่ไม่เคยออกไปเห็นโลกภายนอก อยู่ในกะลาของตัวเองและเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล
“ตาแก่อย่างนายยังกล้ามาขวางทาง? ถ้ายังไม่ไสหัวไป อย่ามาพูดว่าพวกฉันรังแกคนแก่กับคนเดี้ยงแล้วกัน” ลูกน้องของหลุยหรุ่ยหัวเราะลั่น เห็นหลินอิ่งกับกู่ชางไห่เป็นเรื่องน่าขัน
ในสายตาของพวกเขา ทั้งสองคนนี้ ก็เป็นแค่คนแก่และคนพิการจริงๆ
“ไสหัวไป!”
พวกชายร่างหนาพูด พลางผลักกู่ชางไห่ ผลักจนทำเอากู่ชางไห่เซถอยหลังไปสองก้าว
“ให้พวกลูกน้องเบาไม้เบามือหน่อย ไอ้เด็กนี่ดูอ่อนปวกเปียก อีกคนก็เป็นไอ้แก่หงำเหงือก อย่ามือหนักจนทำมันตายล่ะ สั่งสอนมันนิดหน่อย แล้วค่อยโยนมันออกไป” ปากของหลุยหรุ่ยคาบบุหรี่ไว้ สีหน้าหยอกเย้า
สีหน้าของกู่ชางไห่เข้มขึ้น มองไปทางหลินอิ่ง ขอสัญญาณ
หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ และพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณ
ผลั๊วะ!
วินาทีต่อมา กู่ชางไห่ออกแรงอย่างหนัก ทั้งร่างเต็มไปด้วยออร่าที่น่าสะพรึงกลัว พุ่งเข้าไปออกหมัดออกเท้า หมัดนึงชกคนจนลอยขึ้นอยู่กับที่ ส่วนเท้าที่เตะออกไปก็ทำเอาพวกชายร่างหนาพวกนั้นกระเด็นปลิวออกไปไกลหลายสิบเมตร
กวาดเรียบอย่างรวดเร็ว พวกชายร่างหนาที่พุ่งเข้ามาหาเรื่องก็ถูกกู่ชางไห่ซัดร่วง ลงไปร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
“แก!แม่งเอ้ยดูไม่ออกเลย ว่าเป็นคนกระดูกแข็ง? ยังจะลงมือเล่นงานพวกฉัน?” สีหน้าของหลุยหรุ่ยตกใจอยู่ครู่ จากนั้นก็โมโหขึ้นมา และเขวี้ยงบุหรี่ในมือทิ้ง พลางมองหลินอิ่งอย่างโมโห
เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลในอำเภอเจียงเยว่ แต่ลูกน้องของเขากลับถูกล้มต่อหน้าผู้คน? ถ้าหากข่าวแพร่ออกไป จะขายขี้หน้าขนาดไหน?
“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใครมาจากไหน กล้าลงไม้ลงมืออัดคนอื่น รีบคุกเข่าโขกหัวรับผิดเดี๋ยวนี้!ไม่งั้น คืนนี้ฉันจะโยนพวกแกจมแม่น้ำ!” หลุยหรุ่ยสบถออกมาอย่างโมโหสุดขีด
เห็นได้ชัดว่า การกระทำของกู่ชางไห่ไม่ใช่แค่ทำให้หลุยหรุ่ยตกใจเท่านั้น แถมยังทำให้เขาโมโหขึ้นด้วย รู้สึกว่าโดนฉีกหน้า
ขณะที่พูด หลุยหรุ่ยก็ยังจับโทรศัพท์ เตรียมที่จะโทรเรียกคน
กู่ชางไห่หรี่ตาเล็กน้อย นัยน์ตาแสดงให้เห็นคือแรงอาฆาต เขาหันไปมองหลินอิ่งอีกครั้ง มองขอสัญญาณ
บนหน้าของหลินอิ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ออกมากินข้าวมื้อนึง เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่อะไรขนาดนี้
แต่ไอ้คุณชายหลุยอะไรนี่ เหมือนกับว่าไม่ยอมเลิกรา จะต้องจัดเต็มให้ได้
“หลินอิ่ง ฉันมาแล้ว หือ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ในตอนนั้น ก็มีเสียงพูดหญิงหวานๆ ดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
จางฉีโม่มาถึงห้องอาหารแล้ว มองหลินอิ่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แต่หลังจากที่เห็นว่ามีบอดี้การ์ดกลุ่มนึง สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
การมาของจางฉีโม่ สายตาของคนที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดก็หันไปทางเธอ
หลุยหรุ่ยขมวดคิ้วขึ้น พลางจ้องจางฉีโม่เขม็ง นัยน์ตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความชั่วร้ายและความโลภ สายตาที่มองหลินอิ่ง ก็กลายเป็นสายตาอิจฉาเล็กน้อย
“ฉีโม่ ไม่มีอะไรหรอก เกิดเรื่องไม่คาดคิดนิดหน่อย” หลินอิ่งเดินเข้าไป พร้อมกับรอยยิ้มพลางพูด
“ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน ห้องจองไว้เรียบร้อยแล้ว” หลินอิ่งจับมือจางฉีโม่ และเดินไปทางห้องรังสรรค์
คุณชายหลุยนั่น เขาก็ขี้เกียจจะสนใจ มอบให้กู่ชางไห่จัดการไปแล้วกัน
“เดี๋ยวก่อน!ใครอนุญาตให้ไอ้เดี้ยงอย่างนายไปกัน?”
“ไม่มาขอโทษกับฉันดีๆ !วันนี้นายก็อย่าได้คิดจะกินข้าวเลย!”
หลุยหรุ่ยพูดเสียงเย็นชา พลางพาคนสองคนไปขวางหน้าหลินอิ่ง
เขายังเหลือบมองจางฉีโม่ด้วยสีหน้าหยอกเย้า และพูดหยอก: “สาวสวยท่านนี้ ไอ้คนพิการโง่ๆ นี่ คงไม่ใช่แฟนเธอหรอกใช่มั้ย? สาวสวยมีสไตล์อย่างเธอ ฉันคิดว่าไม่ควรมีแฟนเป็นไอ้เดี้ยงแบบนี้เลยจริงๆ”