ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 675 การเผชิญหน้า
“หลินชิงเย่?”
เมื่อได้ยินที่จางฉีโม่พูด กู่ชางไห่ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที และพูดอย่างตกใจ
“นี่……ผู้อาวุโส หลินชิงเย่นั่นถึงกับตามมาฆ่ากันถึงอำเภอเจียงเยว่เลย นี่ นี่มันรู้ตำแหน่งของท่านแล้วนะ?” กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ลนลานเล็กน้อย
หลินอิ่งขมวดคิ้วอยู่ครู่ สายตาก็ค่อยๆ ล้ำลึกขึ้น
เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินจากปากของกู่ชางไห่ว่า มีคนอย่างหลินชิงเย่อยู่ เป็นคนที่ตระกูลหลินแห่งลังยาส่งลงเขามาเพื่อเป็นตัวแทน มาสร้างความวุ่นวายในตี้จิง แถมยังกวาดล้างธุรกิจของตนในเมืองชิงหยูนด้วย
ตอนนี้ กลับตามมาฆ่ากันถึงอำเภอเจียงเยว่?
มาก็ยังเร็วมากอีก เห็นที เสิ่นซานกับเจียงฉีสองคนนั้น คงจะถูกจับในเมืองชิงหยูนแล้ว
“หลินอิ่ง คนคนนี้รู้จักคุณด้วยเหรอ? เป็นลูกพี่ลูกน้องคุณจริงเหรอ? หรือว่า เป็นพวกกลุ่มคนที่ลักพาตัวฉันไปเมื่อคราวที่แล้ว?” จางฉีโม่พูดด้วยนัยน์ตาซับซ้อน สีหน้ากลายเป็นลนลาน ในใจนั้นเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลินอิ่งมากๆ
พวกคนที่ลักพาตัวเธอเมื่อครั้งที่แล้ว ทำไปก็เพื่อทำร้ายหลินอิ่ง นั่นก็น่ากลัวเพียงพอแล้ว
นี่เป็นใครเรียกตัวเองว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลินอิ่ง คงจะไม่ใช่การปะทะกันระหว่างตระกูลของหลินอิ่งหรอกนะ?
กว่าหลินอิ่งจะฟื้นขึ้นมาไม่ง่ายเลย แต่กลับต้องมาถูกตามฆ่าถึงอำเภอเจียงเยว่ นี่……
“ฉีโม่ วางใจเถอะนะ คนคนนี้ฉันจัดการเขาได้” หลินอิ่งมองฉีโม่ที่กำลังคิดไปไกล พลางพูดอย่างนิ่งๆ
“แต่ว่า ตอนนี้นายเพิ่งจะได้ออกจากโรงพยาบาล บาดแผลก็ยังไม่หายดี ฉันเป็นกังวลจริงๆ นะ” จางฉีโม่พูดอย่างเป็นกังวล “ถ้าไม่ได้จริงๆ พวกเราออกไปจากอำเภอเจียงเยว่ก่อนดีมั้ย?”
หลินอิ่งแสดงท่าทีมั่นใจ ถึงแม้จะทำให้จางฉีโม่นั้นวางใจมากๆ แต่ว่า หลินอิ่งแม้จะขยับยังไม่ค่อยสะดวก จะสามารถรับมือกับศัตรูที่มาคุกคามได้เหรอ?
“ผู้อาวุโส ท่านจะกลับโรงพยาบาลประจำอำเภอมั้ย?” กู่ชางไห่ถามอย่างจริงจัง
สำหรับฝีมือของผู้อาวุโสหลินอิ่ง ในใจของกู่ชางไห่นั้นไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย
เขาเคยเห็นหลินอิ่งสู้กับท่านมังกรดำด้วยตาของตัวเอง นั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากๆ
แต่ว่า ในตอนนี้ผู้อาวุโสหลินอิ่งเพิ่งฟื้นจากความมึนงง ยังจะสู้ได้แข็งแกร่งแค่ไหน เรื่องนี้ยังทำให้คนเป็นกังวลจริงๆ
โดยเฉพาะ ต่อหน้าศัตรู แถมยังเป็นผู้นำหนุ่มหลินชิงเย่ของตระกูลหลินแห่งลังยา ชื่อเสียงเขาอยู่ในอันดับต้นๆ ของคนหนุ่มที่มีฝีมือ
เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย
“ขับไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ “หลินชิงเย่คนนั้นมาหาฉันอย่างยากลำบาก กวาดล้างทั้งในตี้จิงและเมืองชิงหยูน ฉันคงต้องกลับไปเป็นมารยาทซะหน่อย”
“แต่ว่า ผู้อาวุโส บาดแผลของท่านเพิ่งหายดี ตระกูลหลินนั่นบุกมาอย่างน่ากลัว พวกเราต้องเตรียมรับมืออะไรไว้มั้ย?” กู่ชางไห่พูดอย่างระวัง
ถึงแม้ว่าเขาจะมองฝีมือการต่อสู้ของผู้อาวุโสหลินอิ่งในวันนี้ไม่ออก แต่ว่า หลินอิ่งเพิ่งจะฟื้นตัว แรงต่อสู้ก็ต้องไม่ได้มีเหมือนปกติ
ส่วนหลินชิงเย่นั้น เป็นถึงกับคนที่ตระกูลหลินส่งลงภูเขามาเป็นตัวแทน ไม่เพียงแค่มีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แถมจะต้องมีกลุ่มคนมีฝีมือคอยแอบช่วยอยู่แน่ๆ
ขืนไป เกรงว่าท่าจะไม่ดี
หลินอิ่งหัวเราะเสียงเบา ดวงตาที่ลึกล้ำก็มีแสงเป็นประกาย พลางพูด: “ไม่ต้องเตรียมรับมืออะไรทั้งนั้น แค่ไปก็พอ ฉันมั่นใจในตัวเอง”
“ครับ!”
เมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของหลินอิ่ง กู่ชางไห่ก็พยักหน้าทันที ไม่กล้าพูดอะไรมาก
มุมปากของหลินอิ่งยกยิ้มทำให้เกิดความรู้สึกเย็นชา
ในใจของเขารู้ดี สิ่งที่ตระกูลหลินแห่งลังยาต้องการนั้นคืออะไร
ที่จู่ๆ ตระกูลหลินแห่งลังยาเพ็งเล็งตน ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่จู่ๆ ตนมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นในตี้จิง ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีค่าที่จะใช้ประโยชน์ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ส่งคนมาตี้จิงเรียกตนกลับไปกัน?
อย่างที่สอง ที่ตี้จิงตนได้จัดการยอดฝีมือไปสองคน มันคือการแสดงความแข็งแกร่ง เป็นการเตือนตระกูลหลิน
ตระกูลหลินแห่งลังยาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถึงได้ส่งทีมยอดฝีมือลงภูเขามา ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามที่จะกลับมา มาเตือนตน
และผู้ตัดสินใจสุดท้ายของตระกูลหลิน ก็คือแม่เฒ่าตระกูลหลินท่านนั้น คือยายของตน
หลินชิงเย่ก็ดี หรือเป็นคนตระกูลหลินคนอื่นลงจากภูเขาก็ดี ก็เป็นแค่หมากรับใช้ของแม่เฒ่าคนนั้นเท่านั้น
ส่วนหลินอิ่ง เป็นคู่แข่งเดินหมากกับแม่เฒ่าคนนั้น
หลินชิงเย่ ความจริงแล้วก็ไม่ได้กล้าทำอะไรหลินอิ่ง อย่างมากก็แค่ข่มขู่
อิทธิพลของหลินอิ่ง มากกว่าเขามาก
ต้องรู้ว่า แม้ว่าในตอนนี้หลินอิ่งจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อสู้ได้ แต่เขามีอิทธิพลที่นั่น ในมือของเขากุมอิทธิพลของตี้จิงเอาไว้ มีทั้งเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ที่มีทั้งหมดที่อิทธิพลและพลังงาน เป็นที่ต้องการของตระกูลหลินแห่งลังยา
ตระกูลหลินแห่งลังยา ต้องการสร้างอิทธิพลในตี้จิง จำเป็นต้องให้หลินอิ่งพยักหน้าร่วมมือด้วย
หลินอิ่งมองประเด็นนี้ออก ในมือถือไพ่ใบนี้อยู่ ดังนั้นจึงไม่กลัว
หลังจากนั้นสิบกว่านาที
กู่ชางไห่ขับรถมาที่โรงพยาบาลประจำอำเภอเจียงเยว่
ตรงหน้าประตูโรงพยาบาล มีรถหรูสีดำจอดอยู่หลายคัน รถLamborghiniสีฟ้าคันนึงสะดุดตามาก
ชายหนุ่มหน้าตาดูมีราศี รูปร่างสูงโปร่ง ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าประตู สีหน้าเคร่งขรึมของเขาจ้องมาทางหลินอิ่งและพวกที่ลงจากรถ
ด้านหลังเขา ยังมีผู้ติดตามเป็นชายหนุ่มท่าทางเฉียบแหลมมาด้วย
หลังจากลงรถ กู่ชางไห่ก็จ้องหลินชิงเย่ด้วยสายตาตักเตือน แต่มองครั้งเดียว เขาก็มองออก ว่านั่นคือหนุ่มยอดฝีมือ น่าจะเป็นหลินชิงเย่
ส่วนจางฉีโม่ อยู่ด้านหลังพยุงหลินอิ่ง สีหน้าลนลานเล็กน้อย
“หือ? จางฉีโม่?” หลินชิงเย่เอ่ยปากก่อน และหยิบรูปขึ้นมาหนึ่งใบ จากนั้นก็กวาดสายตามองหลินอิ่ง และค่อยๆ ถามขึ้น “นายก็คือหลินอิ่งสินะ?”
“นายคือหลินชิงเย่?”
หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ แล้วมองหลินชิงเย่
“อืม?”
สายตานี้ มองหลินชิงเย่จนรู้สึกสนอย่างในใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับศัตรูตัวฉกาจ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง
หลินอิ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่าย ท่าทีปกติ ท่าทีสงบนิ่ง มีท่าทีที่ลึกลับและลึกซึ้ง ทำให้คนรู้สึกคาดเดาไม่ได้
“หึ!ฉันคือหลินชิงเย่ นายก็รู้จักฉันอยู่แล้ว งั้นก็คงจะรู้ว่าฉันมาหานายด้วยอะไรสินะ?” หลินชิงเย่พูดอย่างเย็นชา “ที่นายหลบซ่อนตัวไปทั่ว คิดว่าฉันจะหานายไม่เจอเหรอ? นายมันขี้ขลาดเหมือนกับหนู ยังกล้าโผล่หน้ามาอีก?”
“จะให้ฉันอัดนายลงไปกอง แล้วลากนายกลับตระกูลหลิน หรือว่านายจะเชื่อฟัง ขอโทษและรับผิด และกลับตระกูลหลินไปกับฉัน?” หลินชิงเย่ถามแบบบังคับ น้ำเสียงแข็งกร้าว
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา
เขามองไปที่หลินชิงเย่ด้วยสายตานิ่งๆ พลางพูด: “ใครให้ความกล้านาย มาใช้น้ำเสียงนี้พูดกับฉัน?”
“ตระกูลหลินของพวกนาย มาขอร้องฉัน หรือว่ามาบังคับฉันกัน? ห้ะ?”
ตอนที่หลินอิ่งพูดประโยคนี้ น้ำเสียงนิ่ง แต่กลับมีออร่าอาฆาตพุ่งทะลุฟ้า ราวกับมังกรที่ลืมตา บรรยากาศนั้นแข็งแกร่งจนคนรู้สึกเกรงขาม
“นาย!”
หลินชิงเย่สีหน้าเปลี่ยน เขาคิดไม่ถึง ว่าสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อหน้าอิทธิพลของตระกูลหลินแห่งลังยา หลินอิ่งยังถึงกับกล้าเผชิญหน้าแบบนี้ แข็งแกร่งกว่าที่เขาพูดเป็นร้อยเท่า!