ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 680 ผู้อาวุโสฉินออกโรง
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร! อ๊ะๆๆๆ!” หลินชิงเย่คำรามอย่างไม่เต็มใจ อยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินอิ่ง
“แกได้อะไรจากชายชราคนนี้บ้าง ทำไมฉันถึงมองเห็นช่องโหว่ในประตูโชคชะตาของฉันได้! นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
หลินชิงเย่ในหัวเต็มไปด้วยความสับสน พูดจาไร้สาระ ไม่ยอมปล่อยวาง ในใจเต็มไปด้วยความอัปยศและความขุ่นเคือง
ใช่แล้ว เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
คำพูดดูหมิ่นและความอัปยศของหลินอิ่ง มันยิ่งกระตุ้นความภาคภูมิใจในตนเอง ใบหน้าเหมือนโดนกระทืบมา
อยากให้เขาเป็นหัวหน้าคนรุ่นใหม่ของตระกูลหลินแห่งลังยา อายุเพียงแค่ 20 กว่าๆก็ได้เข้าอยู่ในรายชื่อประเทศหลุง
ในแวดวงลึกลับ ยังเป็นชายหนุ่มที่ภูมิใจในสายลมฤดูใบไม้ผลิ มันจบลงแบบนี้ได้ยังไง?
ปรากฏว่าเขาถูกโค่นล้มด้วยชายชราที่น่ากลัวที่มีบูโดต่ำกว่าในแวดวงลึกลับ
แม้กระทั่งต้องอดทนคำดูถูกเหยียดหยามของหลินอิ่ง
จึงทำให้ความคิดของหลินชิงเย่ ปะทุขึ้นความภาคภูมิใจของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เผชิญหน้ากับความเหนือขั้นของหลินอิ่ง มันก็ไม่เหลืออะไรเลย
“อะไรกัน คุณไม่ยอมรับว่าแพ้ไปแล้วรึ?” หลินอิ่งถามแบบไร้สีหน้า
“ฉัน ฉันจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้! แกนะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ!” หลินชิงเย่กล่าวอย่างไร้สติ ในหัวว่างเปล่า
ตอนนี้ หน้าที่ของหลินอิ่งจบลงแล้ว
หลินอิ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นสื่อถึงการเยาะเย้ยของเขา
ในใจของหลินชิงเย่ มองหลินอิ่งเพียงแค่เป็นสัตว์เดรัจฉานที่อยู่นอกตระกูลหลินเท่านั้น สำหรับเขาเป็นลูกหลานตระกูลหลินที่มีภูมิหลังดี และมีช่องว่างขนาดใหญ่ในตัวเอง
ก็แค่เป็นคนนอกที่ได้รับความสนใจจากแม่เฒ่า
มันทำให้หลินชิงเย่รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและลงไปที่ภูเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อต้องการสอนบทเรียนให้หลินอิ่ง
แต่ผลสรุปคือ เขาถูกผู้ใต้บังคับบัญชาที่พลังต่ำคนหนึ่งของหลินอิ่งฟาดลงกับพื้นก่อนที่เขาจะได้ต่อสู้กับหลินอิ่ง
นี้มัน……
มันละอายใจยิ่งนัก
“ไอวิธีการที่น่ารังเกียจนี้?” หลินอิ่งเยาะเย้ยและมองหลินชิงเย่อย่างเย็นชา “ที่จริงบูโดของกู่ชางไห่นั้นอ่อนกว่านายเยอะ หากตัวต่อตัว ก็คงถูกนายกำจัดได้และนายบอกว่ามันเป็นวิธีการที่น่ารังเกียจเหรอ?”
“หลินชิงเย่ แกแพ้ไม่เป็นเหรอ?”
แพ้ไม่ได้?
คำพูดของหลินอิ่งเหมือนโดนเข็มสามเล่ม แทงทะลุหัวใจของหลินชิงเย่
น่าเสียดาย!
“หลินอิ่ง…แก แก!”
หลินชิงเย่เกือบจะอาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง ตัวสั่นไปทั้งตัวและจ้องไปที่หลินอิ่ง อย่างดุเดือดเลือดพล่าน
ขณะนั้น ในใจเขาทั้งเกลียดทั้งกลัวหลินอิ่ง
สิ่งที่ฉันเกลียดคือความอัปยศและการดูถูกของหลินอิ่ง
สิ่งที่ฉันกลัวคือฉันกลัววิธีการที่ไม่อาจคาดเดาได้ของหลินอิ่ง
หลินอิ่งไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เพียงแค่ใช้กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชายชรา แค่ให้เขาเห็นข้อบกพร่องตัวเองให้ชัดเจน และเอาชนะตัวเองได้ไหม?
ในมุมมองของหลินชิงเย่ถูกกระทบกระเทือนไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งมิอาจเข้าใจหลินอิ่งว่ามีบูโดแบบใด!
คำพูดเพียงไม่กี่คำสามารถเปลี่ยนพลิกการต่อสู้ทั้งหมดได้!
สถานการณ์พลิกผันแบบนี้มันเกิดขึ้นอย่างน่าตกใจ
ในใจหลินชิงเย่นึกไม่ออกว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรถ้าหลินอิ่งลงมือเอง?
แต่หลินอิ่งเด็กกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด
เด็กอายุ 20 ต้นๆ สามารถมีความสำเร็จบูโดได้อย่างน่าสะพรึงกลัว!
นี่คงเป็นตัวร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้
มันยังอยากให้คนมีชีวิตอยู่ไหม!
“หลินชิงเย่ ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และไม่คุกเข่าให้กับผู้อาวุโสหลิน อยากให้ผู้อาวุโสหลินออกคำสั่งฉันให้ฆ่าแกหรือไง?” กู่ชางไห่พูดด้วยเสียงเย็นชา “หรือล้นหาที่ตายอยู่หรือ?”
เมื่อได้ยินคำขู่ม่านตาของหลินชิงเย่หดลงเล็กน้อย ร่องรอยของความหวาดกลัวแวบเข้ามาในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็จ้องมองอย่างเย็นชา
“ฉันเป็นสมาชิกของตระกูลหลินแห่งลังยา แกกล้าฆ่าฉันเหรอ?”
หลินชิงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง ทั้งยังมีความมั่นใจและความภาคภูมิใจต่อท้าย
“เฮอะ ชั่งเหมาะเป็นคนในตระกูลหลินแห่งลังยาจริงเลย” หลินอิ่งเยาะเย้ย
“หลินชิงเย่ ถ้านายเป็นคนฆ่าได้หยามไม่ได้ และยอมตายดีกว่ายอมแพ้ ผมละยอมรับคุณเลย” หลินอิ่งกล่าวเบา ๆ ต่อว่า “แต่แพ้แล้วดันไม่ยอมรับ ถึงตายไป ก็ยังต้องเอาชื่อเสียงตระกูลหลินแห่งลังยาไปหลอกผู้คนอีก”
“โชคดีที่นายยังอ้างว่าเป็นคนตระกูลหลิน รายการแห่งฟ้าผู้มีความสามารถในแวดวงลึกลับนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนขี้ขลาดในโลกนี้ด้วยซ้ำ ”
ขณะที่เขาพูดหลินอิ่ง ส่ายหัวไปมา
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูถูกของหลินอิ่งและคำพูดที่น่าอับอาย หลินชิงเย่ถึงกับตัวสั่นและใบหน้าของเขาแดงก่ำ
คำพูดของหลินอิ่ง ทำให้ใจสลาย!
หลินชิงเย่รู้สึกกระวนกระวายครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย จากนั้นก้มศีรษะลงด้วยความสิ้นหวัง ดวงตาหมองคล้ำ และใบหน้าแดงก่ำมิอาจสิ่งใดเทียบ
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าช่องว่างระหว่างเขากับหลินอิ่งคืออะไร?
ไม่เพียงแต่ฝีมือของบูโดเท่านั้นแต่ยังรวมจิตใจ ซึ่งห่างไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
เขาเอาชนะหลินอิ่งไม่ได้…
และนี่เป็นความจริงอีกหนึ่งที่เขาไม่ยอมรับ
“เอาล่ะ นายน้อยหลินอิ่ง! คุณชนะแล้ว ไม่ต้องไปกดดันเข้าอีกต่อไปแล้ว”
ในขณะนั้น มีเสียงเหมือนคนแก่ชราที่ไร้ที่มาจากระยะไกล
ผู้อาวุโสฉินพาคนหนุ่มสาวสองสามคนที่สวมชุดเสื้อคอจีน เดินจูงมือกันมา
พวกเขาจ้องไปที่หลินอิ่ง
หลินอิ่งไม่แสดงอาการใดๆ และจ้องกลับไปที่ผู้อาวุโสฉิน
เพียงพริบตา ในใจผู้อาวุโสฉินได้ตกใจ และเพ่งมองกลับอย่างไม่ละสายตา
“นายน้อยหลินอิ่ง คุณชายเก้าแพ้แล้ว นายน้อยได้พิสูจน์ความสามารถและศักดิ์ศรีของนายน้อยแล้ว ทำไมยังต้องผลักตัวเองเข้าไปสู่ความตายอีกล่ะครับ? คุณชายเก้าที่เป็นนักบูโดได้ทำลายจิตใจและทำลายอนาคตของบูโด นี่มันโหดร้ายกว่าการไปเอาชีวิตเขาอีก”
ผู้อาวุโสฉินพูดอย่างช้า ๆ
หลินอิ่งยิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า: “ในฐานะนักบูโดควรรู้ว่าสิ่งที่พูดออกมาแล้วต้องทำให้ได้นั้นสำคัญแค่ไหน โดยเฉพาะการแข่งขัน ถ้าแพ้แล้วปฏิเสธการพ่ายแพ้ คนแบบนี้ยังสมควรที่จะเป็น เรียกว่านักบูโดอยู่อีกเหรอ?”
หลินอิ่งรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของผู้อาวุโสฉิน ดังนั้นจึงไม่ลงมือฆ่าหลินชิงเย่
แม้ว่าพลังภายในจะไม่ค่อยดีก็ตาม แต่สามารถมองทะลุปรุโปร่งยังคงอยู่
คนปกติไม่สามารถรอดจากสายตาเข้าได้
แต่สำหรับผู้เฒ่าผู้นี้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น หลินอิ่งก็รับรู้ได้เช่นกัน
คนคนนี้ทั่วกายของเขา ราวกับจะเปิดเผยคำใบ้ของการต่อสู้ของบูโด
แนวความคิดของบูโดนั้นมิอาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้ทั้งลึกซึ้งและลึกลับเข้าใจยาก มีเพียงฝีมือระดับกันหรือสูงขึ้นไปถึงจะเข้าใจได้
มีเพียงรายการแห่งฟ้าระดับเทพเท่านั้นที่สามารถปลูกฝังแนวความคิดเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้แบบบูโดได้อย่างแท้จริง
และชายชราของตระกูลหลินที่อยู่ข้างหน้าเขาได้สัมผัสความคิดทางศิลปะและสัมผัสถึงเงื่อนไขของสวรรค์
คนคนนี้แม้ว่าจะยังไม่ใช่รายการแห่งฟ้า แต่ฝีมือได้ถึงครึ่งหนึ่งของรายการแห่งฟ้าระดับสูง
สำหรับฝีมือระดับนี้ หลินอิ่งไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้แน่นอน
เขาสามารถสอนเทคนิคบางอย่างให้กู่ชางไห่เพื่อเอาชนะหลินชิงเย่ แต่ไม่สามารถให้กู่ชางไห่ เอาชนะผู้ที่มีฝีมือได้ถึงครึ่งหนึ่งของรายการแห่งฟ้าระดับสูงในเวลาอันสั้นได้
ท้ายที่สุด มีคำกล่าวที่พูดต่อกันมาในแวดวงลึกลับ :ใต้ท้องนภา ล้วนคือมด นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก
ถึงระดับรายการแห่งฟ้า แม้ว่าจะก้าวเข้าได้เพียงครึ่งทางก็ตามแต่มันคือการเกิดใหม่และการดำรงอยู่ของภพอื่น มันแตกต่างจากคนทั่วไปโดยพื้นฐานเดิม