ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 702 ของาจากช้าง
“ฮ่าๆ” ชายแก่หัวเราะแห้งแล้วพูด “ผมชื่อซือคงฟู่ ชื่นชมเกียรติศักดิ์คุณชายมานานแล้ว วันนี้ได้พบ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอกครับ พูดมาตรงๆ เถอะ คุณมาหาผมมีจุดประสงค์อะไรไม่ทราบ?” หลินอิ่งพูดด้วยความนิ่ง
แค่เขามองซือคงฟู่ปราดเดียว ก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา
บุกคลิกซือคงฟู่ล้ำลึก ลมหายใจมีท่วงทำนองแปลก เห็นชัดว่าฝึกวิชาร้ายกาจ
แต่กลับดูลักษณะพิเศษของศิลปะการต่อสู้โบราณบนตัวเขาไม่ออก
เห็นชัดว่ามีบูโดสูงระดับหนึ่ง
อย่างน้อย…กำลังคนผู้นี้ต้องไม่ด้อยกว่ากู่ชางไห่แน่
“ได้ คุณหลินอิ่งตรงไปตรงมา” ซือคงฟู่หัวเราะพลางพูด “ที่ผมมาหาคุณหลินอิ่ง ก็เพราะอยากมอบโอกาสให้กับคุณนั่นแหละ”
“ผมอยากขยายเส้นทางธุรกิจในเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง แล้วทางหกมณฑลแห่งเจียงเป่ยก็มีธุรกิจที่อยากร่วมมือกับคุณด้วย” ซือคงฟู่ค่อยเจรจา
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ผมจะช่วยคุณหลินเป็นปึกแผ่นในตระกูลหลิน และได้ตำแหน่งผู้สืบทอดมา”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินอิ่งก็พลันระแวดระวัง จับจ้องซือคงฟู่
ชายแก่ผู้นี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่การพูดกลับน่าตกใจ พูดใหญ่พูดโต
อ้าปากมาก็ว่าจะช่วยเขาให้ได้ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลิน?
มั่นใจขนาดนั้นเชียว?
หลินอิ่งนิ่งงันครู่หนึ่ง
การที่แม่เฒ่าประกาศเรื่องผู้สืบทอดของตัวเองนั้น คงทำให้แวดวงลึกลับระส่ำระสายจนผู้คนหันมาสนใจเขา
แต่แพล็บเดียวก็มีคนมาชักจูงเขาเข้าพวกถึงที่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่หลินอิ่งคาดไม่ถึง
ซือคงฟู่รู้แผนการเดินทางของเขาดี
และมีข่าวรายงานที่ว่องไว
จุดประสงค์ของซือคงฟู่ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ?
แค่ต้องการผลประโยชน์จากเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง กับหนทางการค้าในเจียงเป่ย
เมื่อใช้ความคิดแล้ว หลินอิ่งก็รู้ขึ้นมาทันที ว่าชายแก่ตรงหน้านี้ต้องการยื่นมือเข้าแทรกแซงเรื่องภายในตระกูลหลิน โดยใช้ตนเป็นข้ออ้าง
“คุณซือคง คุณล้อเล่นอะไรครับ?” หลินอิ่งพูดเรียบ “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าผมจะร่วมมือทำการค้านี้กับคุณหรือเปล่า เอาแค่ว่าคุณกล้ายุ่งเรื่องตระกูลหลินแห่งลังยาเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ” ซือคงฟู่หัวเราะห้าว “คุณหลินอิ่ง ดูท่าคุณจะระวังมากเลยนะครับ กลัวว่าผมจะรับกับตระกูลหลินไม่ได้เหรอ?”
“จริงอยู่ที่ตระกูลหลินมีอิทธิพลมาก แต่ในสายตาของผม มันก็แค่นั้น เมื่อไม่มีนายท่านใหญ่นั่งบัญชาการ ตระกูลหลินก็แตกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย เป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับสองเท่านั้น”
เมื่อได้ฟังซือคงฟู่ว่าแล้ว หลินอิ่งก็ขมวดคิ้ว
ซือคงฟู่โอหังมาก ทั้งไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ แต่ดูออกได้เลย ในแววตาของเขาไม่หวั่นตระกูลหลินสักเท่าไร
บนโลกนี้ กลุ่มอิทธิพลที่ทะนงตนขนาดไม่เห็นตระกูลหลินอยู่ในสายตาจะมีสักเท่าไร…
“คุณซือคง คุณมาจากที่ไหนครับ?” หลินอิ่งจ้องซือคงฟู่ กล่าวเรียบ
เมื่อซือคงฟู่รับกับสายตาของหลินอิ่งแล้ว มุมปากก็เผยรอยยิ้มมั่นใจ
“คุณหลิน พูดแบบนี้…หรือคุณมีความคิดแล้ว?” ซือคงฟู่พูดเป็นปกติ แล้วดื่มกาแฟไปอีกคำ
“สัดส่วนสองส่วนของเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง บวกกับร่วมได้ทรัพยากรวงการธุรกิจในเจียงเป่ยหกมณฑลทั้งหมด คุณจะยอมแลกกับหมากนี้ไหม?” ซือคงฟู่พูดจริงจัง
หลินอิ่งหัวเราะ เอ่ย “เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงอยู่ในมือผม ผมอยากให้กี่ส่วนก็ย่อมได้ แถมผมยังเป็นหัวหน้าสมาคมธุรกิจใหญ่ตี้จิง ไม่ว่าคุณอยากทำธุรกิจด้านไหน หรืออยากติดต่อวงการธุรกิจเจียงเป่ยหกมณฑล มันก็แค่กริ๊งเดียวเท่านั้น
ว่าแล้วหลินอิ่งก็ละเมียดชาแดงอีกอึก
“แต่ไม่ทราบว่าหมากในมือคุณซือคงมีมากแค่ไหนเหรอครับ?”
หลินอิ่งกล่าวได้ถูกต้อง!
ด้วยอิทธิพลหัวหน้าสมาคมธุรกิจใหญ่ตี้จิงของเขา เจียงเป่ยหกมณฑลอยู่ใกล้ตี้จิง ไม่ว่าธุรกิจด้านไหนเขาก็เชื่อมต่อเบิกทางได้หมด
อย่างไม่ต้องสงสัย…นี่แหละอิทธิพลของสมาคมธุรกิจใหญ่ตี้จิง
เพราะสมาชิกแต่ละคนในสมาคมธุรกิจใหญ่ตี้จิง ล้วนเป็นเศรษฐีมั่งคั่งที่มีหน้ามีตาในทุกมณฑลของเจียงเป่ย
ซือคงฟู่หัวเราะขึ้นมา จ้องหลินอิ่งแล้วพูด “ผมเป็นคนของเทพราชากู้ต้า ทูตสำนักโหมว ซือคงฟู่”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว หลินอิ่งก็เบิกตาโพลงตกตะลึง
คนของเทพราชากู้ต้า? ทูตสำนักโหมว?
เทพราชากู้ต้า…นั่นก็ต้องหมายถึงอาจารย์กู้ต้า ประมุขแก๊งมังกรคนปัจจุบันอยู่แล้ว
สำนักโหมว ก็คือหนึ่งในห้าสำนักสิบสองฝ่ายของแก๊งมังกร
หลินอิ่งคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี
สำนักโหมวเป็นฝ่ายปฏิบัติแกนกลางของแก๊งมังกร หรืออาจพูดว่าเป็นองค์กรข่าว ขุมทรัพย์แห่งปัญญาก็ได้
คนในสำนักโหมวมีหน้าที่เก็บข้อมูลข่าวสาร มีเครือข่ายข่าวกระจายอยู่ทั่วโลก
ส่วนอาจารย์กู้ต้าก็เคยเป็นเจ้าสำนักเทียนเหมินมาก่อน เพื่อช่วงชิงบัลลังก์ประมุขแก๊งแล้ว กลิ่นคาวนองเลือดทั่วแก๊งมังกร
จากข้อมูลที่มังกรดำทิ้งไว้ จึงได้รู้ว่าอาจารย์กู้ต้าแอบส่งคนตามหาเบาะแสเขามาโดยตลอด
ในอนาคตหากเขากลับแก๊งมังกรอีกครั้ง คนผู้นี้ก็คือศัตรูตัวฉกาจ
หลินอิ่งจ้องซือคงฟู่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูด
เกิดความระแวดระวังขึ้นทันใด
เพราะเขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของซือคงฟู่จะเป็นการหยั่งเชิงเขาหรือไม่
และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนำกำลังพลมาตี้จิงเท่าไร หรืออาจารย์กู้ต้าคนนั้นจะอยู่นี่ด้วยหรือไม่
ทันใดนั้น ก็รู้สึกอันตรายอย่างยิ่งยวดก็ผุดขึ้นจากใจเขา
“เหอะๆ คุณหลินอิ่งรู้สึกตกใจเหรอครับ?” ซือคงฟู่ยิ้มได้ใจ “ฐานะของผม คุณไม่ต้องสงสัยไปหรอก ผมจะให้คุณได้เห็นกำลังที่แท้จริงแน่นอน”
ซือคงฟู่แอบดีใจ เขาสังเกตการเปลี่ยนทางของหลินอิ่งตลอด และสังเกตเห็นความตกใจของเขา คิดว่าหลินอิ่งถูกฐานะของตนทำจนตกตะลึง
จะว่าไปหลินอิ่งก็แค่คนที่เริ่มจากครอบครัวธรรมดาเท่านั้น ถึงจะเป็นลูกหลานตระกูลหลินแห่งลังยา แต่ก็ไม่เห็นโลกกว้าง พอพูดถึงอาจารย์กู้ต้าก็ตกตะลึงพรึงเพริด
นั่นสินะ ด้วยเกียรติศักดิ์ของเทพราชากู้ต้า เขาราวกับอาทิตย์กลางท้องฟ้า เลื่องลือทั่วแวดวงลึกลับ เหนือล้ำยิ่งว่าชื่อเสียงของนายท่านใหญ่ตระกูลหลิน
ดูท่า…ที่ตอนแรกคิดว่าหลินอิ่งจะเกี่ยวข้องกับแม่เฒ่าจะคิดผิด
หลังจากซือคงฟู่คิดแล้วก็พูดเรียบ “คุณหลินอิ่ง ผมอยากสนับสนุนให้คุณขึ้นตำแหน่งตระกูลหลิน แต่ก็อยู่ที่คุณจะคิดยังไงแล้ว แน่นอน ผมไม่ขอปิดบัง ผมก็มีแผนกับตระกูลหลินด้วยเหมือนกัน”
“งานนี้…สำหรับคุณ มีแต่ได้ไม่มีเสีย”
ว่าแล้วซือคงฟู่ก็ยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างเป็นธรรมชาติ ทำท่ามั่นใจราวกับพิชิตศึกราบคาบ
ก็จริง หลินอิ่งไม่มีเหตุผลปฏิเสธเรื่องดีที่มาถึงที่แบบนี้
การสนับสนุนจากแก๊งมังกร พอให้เขาวางก้ามในตระกูลหลินได้
“เรื่องเกี่ยวพันถึงส่วนรวม ขอให้ผมคิดดูหน่อยนะครับ” หลินอิ่งพูดเรียบ ใบหน้านิ่งสงบ
ซือคงฟู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สำรวจมองหลินอิ่ง แต่กลับมองไม่เห็นเค้าความอะไรจากอารมณ์ของเขาเลย
“ก็ดี คุณหลินอิ่ง เรื่องสำคัญเช่นนี้ คุณพิจารณาดูก่อนก็ได้ เอาไว้คุณไปชางโจว ผมจะให้คุณได้เห็นความจริงใจเอง” ซือคงฟู่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วเดินจากไป