ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 708 อย่าหาว่าฉันฆ่าญาติผดุงธรรม
“น้องหลินอิ่ง เธอไม่รู้สึกว่าคำพูดเธอเกินไปหน่อยเหรอ? เธอว่าหัวหน้าสมาคมหลี่ว่าเป็นตัวตลก นี่จะหยามหน้าฉันละสิ?” หลินเซี่ยวพูดด้วยความเย็นยะเยือก “แล้วยังหาว่าฉันวางฉากไว้อีก? เธอคิดว่าฉันจะหาเรื่องเธอเหรอ?”
“วันนี้ต่อหน้าคนในตระกูลทุกคน น้องหลินอิ่ง เธอพูดมาให้ชัดๆ เลยนะ! อธิบายให้ชัด ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันฆ่าญาติผดุงธรรม วันนี้ฉันจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้เหลาหลี่กับพวกเหอซานกู!”
“เธอก็ผ่านอะไรมามาก น่าจะรู้จักเหตุผลนี้ดี ทำผิดก็ต้องยอมรับ!”
“ผมจะถูกก็ดี ผิดก็ช่าง ทุกอย่างก็สุดแล้วแต่คุณจะตัดสิน” หลินอิ่งพูดเรียบ มองทางหลินเซี่ยว “ไม่ต้องอ้อมค้อมให้มาก ผมก็นั่งอยู่นี่แล้ว คุณคิดจะทำยังไงผมก็จะทำเป็นเพื่อน”
แม้น้ำเสียงหลินอิ่งจะราบเรียบ ทว่าความแข็งกร้าวกลับแสดงออกมาให้เห็นชัด
เวลานี้ เขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีโมเมนตัมที่ไม่อาจขัดขวาง ราวกับมังกรยักษ์ในนิทราที่ลืมตาอยู่ โดยเฉพาะนัยน์ตาล้ำลึกที่เผยความยะเยือกออกมา ชวนให้ขนลุกยิ่งนัก
“หือ?”
หลินเซี่ยวขมวดคิ้ว สำรวจมองหลินอิ่งอีกครั้ง
เขาดูพลังของหลินอิ่งไม่ออก
ภายนอกดูเหมือนเป็นยอดฝีมือรายการดิน
แต่ก็มีกลิ่นอายแห่งความอันตรายอย่างยิ่งยวด ทำให้เขาหวาดหวั่นตามสัญชาตญาณ
“ไอ้ชาติชั่วหลินอิ่ง! แกอย่ามาบ้าตรงนี้นะ! ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหลินขวางไว้ พวกเราหุบเฉินเฟิงก็บุกไปฆ่าแกถึงตี้จิงแล้ว!” เหอซานกูจ้องหลินอิ่งด้วยความดุดัน
“เอาแค่ว่าแกกล้ามาสู้กับฉันสักยกไหมล่ะ? ไม่กล้าก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ชายไร้ศักดิ์ศรี!”
หลินอิ่งส่ายหน้า พูดเรียบ “สู้กับผม? คุณคู่ควรด้วยหรือ?”
หากหลินอิ่งไปสู้กับทุกคนที่ดาหน้าเข้ามา เช่นนั้นความน่าเกรงขามของเขาจะอยู่ที่ไหนเสียล่ะ?
คุณชายอิ่งแห่งตี้จิง คุณชายสามแห่งตระกูลหลินที่เพิ่งปรากฏในแวดวงลึกลับ หากทำจนเป็นเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าแพ้หรือชนะ แค่การรับกับศึกนี้ ฐานะของเขาก็ลดสู่ระดับล่างแล้ว!
“คุณอยากแก้แค้นให้ศิษย์พี่ ผมก็จะให้โอกาสนี้กับคุณ”
“กู่ชางไห่ ไปสั่งสอนเธอหน่อย”
หลินอิ่งสั่งการไปเรียบๆ
กู่ชางไห่ที่ยืนระแวดระวังอยู่ด้านหลังหลินอิ่งมาตลอด เดินขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง มองเหอซานกูด้วยความเย็นชา
“อยากสู้กับคุณชายอิ่ง ก็ต้องดูว่าข้ามผมไปได้หรือเปล่า!”
กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็น
ระยะนี้กู่ชางไห่ติดตามหลินอิ่งและได้รับการถ่ายทอดวิชาลับ กำลังบูโดจึงเพิ่มพูน ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน
หากเทียบกับเมื่อก่อน ระดับบูโดของเขาก็ก้าวไปอีกขั้น ด้วยอายุขาลงอย่างเขา นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
และนี่ก็ทำให้กู่ชางไห่เคารพหลินอิ่งมากขึ้น ศรัทธาในตัวเขาราวกับตำนาน
“กับแก?” เหอซานกูสำรวจมองกู่ชางไห่สายตาหนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วอดหันไปมองหลินอิ่งเป็นไม่ได้ ราวกับต้องการคำอธิบาย
ดวงตาหลินเซี่ยวปรากฏความเหี้ยมออกมาแวบหนึ่ง ครั้นแล้วสองมือที่ไพล่หลังก็ดีดนิ้วขึ้นออกไป
ฟิ่ว…
มุกเหล็กอาวุธลับพุ่งออกมาจากแขนเสื้อหลินเซี่ยว ทันใดนั้นก็เกิดเป็นคลื่นเสียงสั่นสะเทือน ชี่กังไร้รูปทะลุอากาศโจมตี
ความเร็วปานสายฟ้านี้ทำให้ระวังตัวไม่ทัน
แต่ตอนที่กู่ชางไห่รู้สึกตัว มุกเหล็กก็ประชิดตัวแล้ว มันมาพร้อมกับกำลังที่อันน่าสะพรึง กระแทกเข้าท้องเขาอย่างแรง
เป็นเสียงดังปุก
แค่พริบตาเดียว กู่ชางไห่ก็ถูกกระแทกถอยไปหลายก้าว เสียงอดกลั้นดังมาทีหนึ่ง เลือดไหลออกมาจากมุมปากโดยพลัน
“แก แกถึงกับใช้อาวุธลับทำร้ายคน?”
กู่ชางไห่เงยหน้าขึ้นโดยพลัน ทั้งตกใจทั้งโมโหจ้องหลินเซี่ยว
เขาตกใจที่หลินเซี่ยวมีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ ทำร้ายเขากลางอากาศจนอวัยวะแทบแหลกเหลว
และเขาก็โมโห หลินเซี่ยวที่เป็นถึงยอดฝีมือเก่งยิ่งกว่าเขา แต่กลับใช้วิธีการต่ำช้า ฉวยตอนที่เขาไม่ทันระวังใช้อาวุธลับ
“หลีกไป! ถิ่นตระกูลหลินให้แกมาเหิมเกริมได้เหรอ!” หลินเซี่ยววางมาดจ้องกู่ชางไห่เขม็ง ตวาดลั่น
เปียะๆๆๆ
กู่ชางไห่จะพูดอะไรอีก แต่จู่ๆ เนื้อตัวก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น สีหน้าของเขาขาวซีด เอามือกุมท้อง ร่างกายบิดไปบิดมา ถอยหลังอีกหลายก้าว
อาวุธลับภายในร่างแตกกระจาย ทำให้เขาแทบสูญเสียพลังรบ
“น้องหลินอิ่ง ลูกน้องเธอไม่รู้จักกฎระเบียบ ฉันก็เลยสั่งสอนเขาแทนให้ เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” หลินเซี่ยวหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม มองหลินอิ่งด้วยท่าทางได้ใจ
“เรื่องวันนี้ง่ายมาก ฉันพูดคำเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอเอ่ยปากให้ฉันที่เป็นพี่ช่วย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” หลินเซี่ยวพูดจาเสียดสี “คนอยู่บ้านเดียวกัน ไม่ยอมกันไม่ได้หรอกนะ เธออยากให้เหอซานกูให้เกียรติ เธอก็ต้องมีความสามารถ”
หลินเซี่ยวเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว จะให้เหอซานกูยั่วโมโหหลินอิ่ง แล้วเขาจะให้กู่ชางไห่เข้ามายุ่งได้อย่างไร
เรื่องในคืนนี้เรื่องยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี ไม่ว่าจะวุ่นวายอีท่าไหน ผลสุดท้ายคนที่ขายหน้าก็คือหลินอิ่ง
คุณชายสามแห่งตระกูลหลินที่แม่เฒ่าหมายตา แม้แต่เรื่องเล็กกระจิ๋วก็ยังจัดการไม่ได้ ขายหน้าในชางโจว สุดท้ายยังต้องให้คุณชายรองประนีประนอมให้ การแสดงอำนาจนี้ก็เพียงพอแล้ว
“น้องหลินอิ่ง ว่ายังไง?” หลินเซี่ยวถามเสียด บีบบังคับ
“คุณชายรอง คุณไม่ต้องพูดแทนไอ้สวะอย่างนี้หรอก ก็แค่ไก่อ่อน จะรับศึกก็ยังไม่กล้า แล้วยังอยากเป็นคุณชายสามตระกูลหลินอีก? น่าขันสิ้นดี!”
หลินอิ่งวางเฉย ทว่าความอาฆาตในดวงตากลับพลุ่งพล่านออกมา
โครม!
หลินอิ่งนั่งอยู่ที่เดิม และจู่ๆ ก็ตบโต๊ะ
โต๊ะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที
ชี่กังดุดันที่เกาะกลุ่มจนเหมือนวัตถุแผ่ออกมาจากรอบตัวเขา สยบไปทั้งบริเวณ
เสียงระเบิดดังตูมหลายครั้ง
เหอซานกู หลี่ว่านหยวน คนที่มุงอยู่รอบโต๊ะต่างกระเด็นออกไป และหล่นตุบที่พื้น
“อั้ก!”
เหอซานกูนอนหมอบอยู่กับพื้นกระอักเลือด มองหลินอิ่งขวับ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและขยาด
ส่วนหลี่ว่านหยวนกับเหลาอู่คนนั้นก็ถูกซัดจนเนื้อตัวมีแต่เลือด มองหลินอิ่งแข้งขาอ่อน
ตระกูลหลินที่นั่งอยู่โต๊ะอื่นก็พากันลุกขึ้นยืน สายตาจดจ้องมาทางหลินอิ่ง
พวกเขาต่างคิดไม่ถึง ว่าหลินอิ่งจะมีพลานุภาพน่ากลัวเช่นนี้
ทันใดนั้น หลินอิ่งก็ราวกับเสือร้ายที่โผล่เขี้ยวแหลมออกมา ทรงพลังน่าเกรงขาม ทำให้คนทั้งงานต้องอกสั่นขวัญแขวน
แม้แต่หลินเซี่ยวเองก็ยังต้องเซไปบ้าง แต่เมื่อคืนสติก็มองหลินอิ่งด้วยความเยือกเย็น เผยความประหลาดใจออกมา
หลินอิ่งร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
“หลินเซี่ยว คนของผม ต้องให้คุณมาสั่งสอนด้วยเหรอ?”
หลินอิ่งลุกขึ้นยืนช้าๆ มองทางหลินเซี่ยวแล้วไต่ถามด้วยเสียงเย็น
เพลิงโทสะเขาปะทุขึ้นแล้วจริงๆ ถึงกับกล้าทำร้ายคนของเขาต่อหน้าเขาเชียวหรือ?
“ในเมื่อคุณจะหาเรื่องให้ได้ งั้นผมก็จะสงเคราะห์ให้”
หลินอิ่งพูดออกมาทีละคำๆ ราวกับพ่นเข็มแหลม ทำให้หลินเซี่ยวว้าวุ่นเล็กน้อย
“ได้สิ หลินอิ่ง งานเลี้ยงที่ฉันจัด ยังไม่เคยมีใครกล้าทำให้โต๊ะแตกเป็นเสี่ยง ฉันก็อยากรู้เหมือนว่าแกจะสักกี่น้ำ” หลินเซี่ยวพูดอย่างเสียงเย็น และฉีกหน้ากากออก
“ผู้อาวุโสทั้งสอง วันนี้พวกคุณก็เห็นแล้ว หลินอิ่งเป็นม้าพยศ รบกวนทั้งสองช่วยผมจัดการไอ้โง่ที่ไม่รู้จักกฎจักระเบียบด้วย!”
หลินเซี่ยวสั่งการอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ในงานก็ปรากฏสองผู้เฒ่าในชุดเสื้อคอจีนสีเทาสองคนแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง พวกเขาทั้งสองเผยลมปราณที่ไม่อาจคาดเดา
เมื่อนั้นยอดฝีมือทั้งสามก็ปิดทางหนี บีบหลินอิ่งจากสามทาง
เมื่อเห็นภาพนี้ กู่ชางไห่ก็ตกใจ เป็นห่วงคุณชายอิ่งอย่างหนัก
แค่หลินเซี่ยวก็จัดการยากแล้ว
เขามองออก ว่าผู้เฒ่าทั้งสองที่ปรากฏตัวมาเงียบๆ นี้ มีพลังบูโดที่เหนือกว่าหลินเซี่ยว!