ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 713 เกียรติศักดิ์เกรียงไกร
หลินเซี่ยวสิ้นลมแล้ว ตายแทบเท้าหลินอิ่ง
ภาพนี้ทำเอาลูกตาลูกหลานตระกูลหลินที่มุงดูอยู่แทบถลนออกมา พากันเหงื่อแตกพลั่ก เนื้อตัวสั่นสะท้านราวกับเห็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก
“นี่…!”
“เฮ้อ! อยากจะบ้าตาย!”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
คนตระกูลหลินที่มุงดูพากันส่งเสียงกรีดร้อง แต่ละคนต่างควบคุมความหวาดกลัวในใจไม่อยู่
ทว่าหลินอิ่งในตอนนี้กลับยืนผงาดราวกับมังกรร้ายพ้นทะเล ท่าทางน่าเกรงขาม
ชายคนนี้…แม้แต่คุณชายเซี่ยวก็ยังกล้าริบชีวิต แล้วยังจะมีอะไรที่เขาไม่กล้าทำอีก?!
พวกเหอซานกูและหลี่ว่านหยวนยิ่งตกใจเข่าอ่อนไปตามๆ กัน หลบอยู่ในมุมที่มองไม่ชัดสั่นพั่บๆ
“คุณชายเซี่ยว! คะ คุณ! หลินอิ่ง! จะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะ!”
เมื่อผู้อาวุโสหลิวที่ต่อสู้กับทางซือคงฟู่เสร็จก็เผยสีหน้าตกตะลึง ชี้นิ้วไปทางหลินอิ่ง พูดจาสะเปะสะปะ
“บ้าไร้สติเกินไปแล้ว! น่าโมโห น่าโมโหจริงๆ! หลินอิ่ง! ถึงกับฆ่าคุณชายเซี่ยวเชียวหรือ?!”
ผู้อาวุโสสวีตกใจจนหน้าซีด
ยอดฝีมือแห่งยุคทั้งสองก็ตกใจกับการกระทำของหลินอิ่งด้วยเช่นกัน
ช่างกล้าบ้าบิ่นจริงๆ!
สังหารผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลินแห่งลังยาที่ชางโจว?
นี่เป็นถิ่นของตระกูลหลินเชียวนะ!
แถมนายท่านใหญ่ตระกูลหลินก็กำลังเก็บตัวอยู่!
ถามหน่อย! โลกนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าเยี่ยงนี้?!
“หลินอิ่ง! เรื่องนี้ผมต้องกุมตัวคุณกลับเขาลังยา รอการตัดสินของแม่เฒ่าแล้วล่ะ!”
ผู้อาวุโสหลิวสงบสติอารมณ์ พูดเสียงหนัก
จากนั้นสองอาวุโสก็เดินเข้ามา คิดจะกุมตัวหลินอิ่ง
“เหอะๆ ตาแก่สองคนอารมณ์ขึ้นจนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง? ยังจะจับอีก?”
ซือคงฟู่สะบัดพัด เข้าขวางลำอยู่หน้าหลินอิ่ง มองสองอาวุโสด้วยท่าทางเย้ยหยัน
“เอาล่ะ ตาแก่สองคนอย่างเอาแต่ฟูมฟายเหมือนพ่อตายเลย รีบเอาศพหลินเซี่ยวกลับไปอธิบายกับผู้อาวุโสสองของพวกคุณเถอะ” ซือคงฟู่พูดเรียบ
“ถ้ายังจะฟูมฟายไม่เลิกจนทำให้คุณชายอิ่งอารมณ์เสียขึ้นมา ระวังนะ แม้แต่พวกคุณก็จะถูกเก็บไปด้วย”
ซือคงฟู่ตำหนิติเตียน เย้ยสองอาวุโสตระกูลหลินอย่างไร้ความเกรงกลัว
ผู้อาวุโสหลิวและผู้อาวุโสสวีเลือดขึ้นหน้า สำรวจมองหลินอิ่งที่หน้านิ่ง หนาวสะท้านในใจ
ใช่แล้ว! พวกเขากลัว!
หลินอิ่งเป็นเทพสังหารที่มีความกล้าเหลือคณา
หากโมโหแล้วก็ทำได้ทุกอย่าง จะสังหารพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อีกอย่าง คนใต้อาณัติของหลินอิ่งผู้นี้ก็มีฝีมือร้ายกาจ ถ้าร่วมกับหลินอิ่ง ก็สามารถเอาชีวิตพวกเขาได้เลย
“ได้! หลินอิ่ง! รอก่อนนะ ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้แม่เฒ่าทราบ แล้วจะแจ้งข่าวกับทางคณะกรรมการผู้อาวุโสด้วย! ดูซิว่าคุณจะอธิบายกับคนตระกูลหลินยังไง! ”
เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสทั้งสองก็รีบวิ่งไปประคองศพของหลินเซี่ยว
เมื่อทั้งสองทดสอบลมหายใจของหลินเซี่ยวแล้วก็หลุบดวงตา แสดงความขมขื่น
หลินเซี่ยวตายอยู่ที่นี่ และพวกเขาทั้งสองก็อยู่ฝ่ายผู้อาวุโส หากกลับไปแล้วจะอธิบายกับผู้อาวุโสสองหลินเสวียนหมิงอย่างไร!
“ทางแม่เฒ่าผมจะไปพูดเอง ไม่รบกวนพวกท่านหรอก”
หลินอิ่งพูดเรียบ
จากนั้นหลินอิ่งก็เดินไปจูงมือจางฉีโม่ เผยสีหน้าอ่อนโยนกล่าว “พวกเรากลับกันเถอะ ฉีโม่”
“อื่ม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างโดยดี ลุกขึ้นเดินออกโรงแรมชางไห่ด้วยท่าทางประหลาดใจ
ซือคงฟู่ก็เดินตามหลังหลินอิ่งด้วย เขาหันกลับไปส่งสายตาให้องครักษ์มังกรเขียว ไม่นาน ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ตามหลังมาทันที
ส่วนคนที่เหลือก็ทำตาปริบๆ มองหลินอิ่งเดินจากไปอย่างสง่างาม ไม่กล้าพูดสักแอะ
พวกเขายังกลัวอยู่ ยังอยู่ในภาวะตกใจอย่างหนัก
เกรงว่าภาพในคืนนี้จะกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจลืมเลือนตลอดชีวิต
คุณชายเซี่ยวตายด้วยน้ำมือหลินอิ่ง สงสัย ฟ้าของตระกูลหลินคงต้องเปลี่ยนสีแล้ว!
ต้องเกิดคลื่นพายุสูงเฉียดฟ้าแน่!
ชื่อ ‘หลินอิ่ง’ ชื่อนี้ นับจากวันนี้ ต้องเกรียงไกรในแวดวงลึกลับ! ทุกคนจะได้รู้จักกับคุณชายสามหลินอิ่งที่กลับตระกูลหลิน ว่าเผด็จการร้ายกาจเพียงใด เรื่องแรกในชางโจว ก็คือปลิดชีวิตคุณชายรองหลินเซี่ยวสร้างอำนาจให้ตนเอง!
……
เมื่อหลินอิ่งกับจางฉีโม่ออกจากโรงแรม กู่ชางไห่ก็ไปเอารถที่ลานจอดรถ
“หลินอิ่ง หลินเซี่ยวที่คุณฆ่าวันนี้เหมือนจะมีฐานะในตระกูลคุณย่าทวดของคุณเหมือนกันนะ สงสัยต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่” จางฉีโม่พูดเสียงเบา
หลินอิ่งหัวเราะแล้วเอ่ย “เขาข่มขู่คุณ สมควรตาย”
เมื่อนั้นจางฉีโม่ก็รู้สึกปลอดภัยมาก เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หลินอิ่ง คุณรู้ไหม วันนี้ตอนที่คุณถูกพวกเขาบีบบังคับ ฉันอยากให้ตัวเองมีประโยชน์อะไรบ้าง แต่…ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย เพราะงั้น…ฉัน…ฉันอยากเรียนบูโด คุณจะสอนฉันได้ไหมคะ?”
“คุณอยากเรียนบูโด?” หลินอิ่งประหลาดใจเล็กน้อย มองๆ จางฉีโม่ ดูท่าทางจริงจังเคร่งเครียดของเธอ
ครั้นแล้วหลินอิ่งก็พูดหน้าขรึม “เรียนบูโดไม่ใช่แค่วันสองวัน และถ้าเลิกกลางคันก็สำเร็จไม่ได้ อีกอย่าง เรียนบูโดลำบากมาก ผมไม่อยากให้คุณต้องทนลำบาก”
เส้นทางแห่งบูโดเดินกันง่ายๆ หรือ?
บนโลกนี้มีคนตรากตรำเรียนมากมาย มีคนที่แม้นวาระสุดท้ายก็ไม่อาจเข้าถึงศิลปะการต่อสู้โบราณ ไม่อาจเข้าแวดวงลึกลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแตะถึงรายการแห่งคน ดิน ฟ้า
การฝึกบูโดต้องมีพรสวรรค์ มีความอดทน สามารถเข้าถึง ระหว่างนั้นยังต้องมีโอกาสถึงจะประสบผลสำเร็จได้
ดั่งคำที่ว่ายากจนเรียนตำรา มั่งมีเรียนยุทธ์ คนทั่วไปซื้อสมุนไพรบำรุงร่างกายราคาแพงที่จำเป็นต่อการเรียนบูโดไม่ไหว จะฝึกอย่างไรก็ได้แต่ร่างกายกำยำแข็งแรงเท่านั้น จะประสบผลสำเร็จได้อย่างไร?
“ฉันทนลำบากได้ค่ะ ถึงจะไม่เก่งเหมือนคุณ แต่บางครั้งฉันก็อยากดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากคุณอยู่ร่ำไป ฉันอยากแข็งแกร่ง” จางฉีโม่พูดอย่างไม่ย่อท้อ
หลินอิ่งหัวเราะ หยิกแก้มเธอ กล่าว “เอาล่ะ ฉีโม่ กลับไปแล้วผมจะสอนคุณสักสองกระบวนท่าเป็นไงครับ?”
“อื้ม!” จางฉีโม่รับคำอย่างน่ารัก
ตอนนี้เอง กู่ชางไห่ก็เอารถออกมาแล้ว ซือคงฟู่ก็นำคนเดินออกโรงแรมมาแล้วเหมือนกัน
“คุณชายอิ่ง ไม่ธรรมดาจริงๆ ในแวดวงลึกลับนี้ ชื่อเสียงคุณต้องดังพลุแตกแน่ ” ซือคงฟู่ยิ้มตาหยีกล่าว
หลินอิ่งพูดเรียบ “คุณซือคงเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ พลอยได้ชื่อไปด้วย?”
“ฮ่าๆ! พูดได้ถูก จบเรื่องนี้แล้ว ผมซือคงฟู่ก็พลอยได้ชื่อตามคุณชายอิ่งไปด้วย” ซือคงฟู่หัวเราะชอบใจ แต่แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูด “คุณชายอิ่ง คุณเป็นคนทำงานใหญ่ ในเมื่อมีความสามารถเช่นนี้ เกรงว่าคุณคงไม่ใช่แค่อยากเป็นคุณชายสามตระกูลหลินกระมัง? พวกเรา…น่าจะเพิ่มเงื่อนไขกันหน่อยหรือเปล่า?”