ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 728 ไม่รู้จัก?
มองเห็นจางฉีโม่ท่าทางประหลาดใจ หลินอิ่งจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่เป็นแค่ของเล็กๆน้อย ฉีโม่คุณไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ ของที่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงิน มันเป็นของถูกทั้งหมดเลย”
จางฉีโม่พยักหน้า รู้สึกสะท้อน ก่อนหน้าที่จะเจอหลินอิ่งนั้น เธอไม่กล้านึกฝันเลยว่าชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้
ใช่แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่หลินอิ่ง ใช้เงินจัดการไม่ได้
ในระดับของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่คิดถึงเรื่องเงินอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่หลินอิ่ง แม้แต่เพื่อนของหลินอิ่ง ลูกน้องของเขา และแม้แต่ศัตรูของเขา ก็เหมือนจะไม่คิดถึงเรื่องของเงินอะไรเลย
“ตระกูลหลิน เป็นตระกูลประเภทไหนกันแน่?” จางฉีโม่พูดอย่างแปลกใจ
การดำรงอยู่ของตระกูลหลินทำให้จางฉีโม่รู้สึกสงสัย เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน และรายชื่อเศรษฐีที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลิน
หลินอิ่งครุ่นคิดอยู่คู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดกับฉีโม่อย่างไร จึงพูดขึ้นมาว่า “ก็ให้เข้าใจซะว่าเหมือนกับตระกูลมหาเศรษฐีสมัยอดีตแล้วกัน”
หัวหน้าตระกูลลึกลับ แน่นอนว่ามีความเหนือกว่าโลกของคนธรรมดา
ไม่เพียงแต่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ ตระกูลประเภทพวกเขาสามารถทำให้ประเทศสั่นคลอนได้ เพียงแต่มันมีกฎของความลึกลับอยู่ ที่จำกัดการกระทำของพวกเขา
แน่นอนว่า ที่มาของกลุ่มมหาเศรษฐีเหล่านี้ คือนักรบผู้ทรงพลัง
ตระกูลหลินสามารถใหญ่โตได้เช่นนี้ และเป็นหัวหน้าในบรรดาหกตระกูลลึกลับ เป็นเพราะการดำรงอยู่ของบรรพบุรุษตระกูลหลิน
ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้า สามารถเฟื่องฟูในตระกูลลึกลับได้ บนรายการแห่งฟ้า ก็เพียงพอที่จะสามารถปราบปรามเหล่าวีรบุรุษได้
จางฉีโม่ตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งเธอค้นพบความลับของหลินอิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งพบว่า ตัวเองมีความแตกต่างกับหลินอิ่งมากเท่านั้น
ในใจของเธอต่อต้านความรู้สึกเช่นนี้ ก็เหมือนกับหลินอิ่งเดินไปไกลแสนไกลเพียงลำพัง แต่เธอตามอยู่ข้างหลังซึ่งตามยังไงก็ตามไม่ทัน
เธอก็เหมือนกับเป็นภรรยาที่ดีของหลินอิ่ง ที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
ความคิดในการฝึกฝนวิชาบูโด ได้ก่อขึ้นมาในหัวใจของเธอแล้ว
“เอาล่ะ ฉีโม่ เข้าไปดูบรรยากาศของที่ทำงานใหม่ของคุณกันเถอะ” หลินอิ่งหัวเราะไปด้วยพูดไอด้วย แล้วเดินนำเข้าไปในอาคารสำนักงาน
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผ่านไปห้านาที
ทุกคนก็มาถึงโถงต้อนรับชั้นยี่สิบแปด
“เธอว่าไงนะ?พวกเธอไม่มารับช่วงต่อของบริษัทชิงเหอจิวเวลรี่กรุ๊ป?นี่น้องสาว เธอบ้าไปแล้วหรอ?ไม่ดูสารรูปของพวกเธอหน่อยล่ะ ล้อเล่นอะไรกัน?”
เลขาสาวคนหนึ่งสวมชุดสูท มองไปที่ฉีโม่ด้วยสายตาดูถูก พูดด้วยความเย้ยหยันหัวเราะอย่างเยาะเย้ย และทำเสียงแหลมเสียดหู
หลินอิ่งนั่งอยู่บนโซฟา คิ้วขมวด แล้วพูดว่า “ไปเรียกประธานของพวกคุณมาพูดสิ”
“นายจะขอพบประธานมู่?ไม่ดูสารรูปของตัวเองหน่อยล่ะ ยังจะอ้าปากบอกให้ประธานมู่ออกมาพบนายเนี่ยนะ?รู้ไหมว่าปกติประธานมู่ยุ่งแค่ไหน?วันนี้เหมือนจะกำลังทานอาหารกับผู้นำที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจอยู่ จะมีเวลาสนใจคนชั้นต่ำอย่างนายงั้นหรอ?” เลขาสาวชูคอหยิ่งยโส พูดอย่างดูถูก
เธอมองดูหลินอิ่งที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม และเธอก็ได้จัดคนชั้นต่ำประเภทนี้เป็นคนจนเรียบร้อยแล้ว
ปกติเธอจะคอยช่วยประธานรองรับแขก มีใครบ้างที่ไม่แต่งตัวเรียบร้อย และไม่ธรรมดาบ้าง?
สารรูปอย่างหลินอิ่งเนี่ยนะ?
ยังมาคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายว่ามารับช่วงต่อบริษัท บอกว่าตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใหม่ของบริษัท?
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมบริษัทถึงไม่มีข่าวอะไรออกมาเลยล่ะ?
นี่เป็นแก๊งต้มตุ๋นรึเปล่า?
หลินอิ่งขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ว่าคนของตระกูลหลินจัดการเรื่องนี้อย่างไร?
แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีทางจัดการเรื่องเล็กแค่นี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน คนที่อยู่เบื้องล่าง เรื่องมอบหมายงานแค่นี้ยังจัดการไม่ได้?
“ไม่รู้ว่าพวกนายมาหลอกกินฟรีอยู่ฟรีรึเปล่า เป็นบ้าไปแล้วหรอ รีบไสหัวออกไปซะ ถ้ายังขืนวุ่นวายที่นี่อีก ฉันจะเรียกรปภ.มาไล่พวกนายออกไป” เลขาสาวพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ
เวลานี้เอง จู่ๆประตูบานใหญ่ของห้องทำงานก็ถูกเปิดออก คนที่เดินออกมาจากด้านในเป็นคนไม่ธรรมดา เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดสูทสีเข้ม มีรัศมีความเป็นเถ้าแก่มาก
“เสี่ยวหลัน เกิดอะไรขึ้น?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ห้ะ ประธานหูคะ ขอโทษด้วยนะคะ คนพวกนี้เข้ามาก่อความวุ่นวายที่บริษัทค่ะ” สีหน้าของเลขาสาวตกใจมาก แล้วรีบพูดอย่างระมัดระวังที่ข้างๆประธานมู่
ประธานมู่ใช้สายตาเย็นชามองไปที่พวกหลินอิ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา พลางพูดขึ้นมาว่า “พวกคุณว่าไงนะ?คุณจะมารับช่วงต่อบริษัทชิงเหองั้นหรอ?ล้อเล่นอะไรกัน ผมเป็นประธานบริษัท ทำไมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนล่ะ?”
“ประธานมู่ คุณไม่ได้รับข่าวที่เกี่ยวข้องหรอคะ?” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณไม่รู้จักคุณฉินเหิงเยว่หรอคะ?ฉันมีเอกสารสัญญาที่เกี่ยวข้องค่ะ”
พูดจบ จางฉีโม่ก็ลุกขึ้นยืน แล้วเอาซิงเอกสารยื่นให้กับมือของประธานมู่
ประธานมู่ไม่แม้แต่จะชายตามอง ก็โยนซองเอกสารลงถังขยะทันที
“ฉินเหิงเยว่อะไร?ฉันไม่รู้จัก!คุณอย่าคิดว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาสวยหน่อย แล้วจะหว่านเสน่ห์ใส่ผมได้นะ ล้อเล่นอะไรกัน เอกเอกสารก๊อบปี้มาไม่กี่ฉบับ แล้วคิดจะมารับช่วงต่อบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้เนี่ยนะ?คุณคิดว่าคุณเป็นใครห้ะ?” ประธานพูดอย่างเย้ยหยัน ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“แน่นอนว่า ถ้าพวกคุณมาที่นี่เพื่อหลอกกินฟรีอยู่ฟรีล่ะก็ ผมสามารถพิจารณาเอาเงินฟาดหัวแล้วให้พวกคุณออกไปซะได้” สายตาของประธานมู่มองไปที่เรือนร่างของจางฉีโม่ ด้วยสายตาละโมบ “เอาแบบนี้ คุณสามารถอยู่ต่อเพื่อเป็นเลขาให้กับผม เงินเดือนคุณว่ามาได้เลย”
ในมุมมองของประธานมู่ หลินอิ่งคนพวกนี้มาเพื่อก่อเรื่อง ไม่ต่างอะไรกับแก๊งต้มตุ๋น ถึงได้พูดว่ามารับช่วงต่อแบบนี้เนี่ยนะ?
แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาไม่เลวเลย ถ้าใช้เงินรวบหัวรวบหางได้ก็ดีไปเลย
เพี๊ยะ!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงก้องกังวานดังลอดออกมา
หลินอิ่งลุกขึ้นยืน เอามือฟาดหน้าประธานมู่จนล้มลงกับพื้น ตบจนหน้าของเขาแดงฉาน เขาถลึงตามองหันกลับไป ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“กะ แกกล้าทำร้ายฉัน?ฉะ ฉัน……”
ประธานมู่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู และเขาโกรธมากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่เท้าของหลินอิ่งได้เหยียบขึ้นไป เหยียบไปที่ใบหน้าอ้วนใหญ่ของประธานมู่ ปิดปากของเขา
“นะ นี่พวกแกจะทำอะไรน่ะ?ฉันจะแจ้งตำรวจ!” เลขาสาวที่อยู่ข้างๆพูดด้วยสีหน้าตกใจ
คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะกล้าตบหน้าประธานมู่คนที่เป็นระดับนักธุรกิจยักษ์ใหญ่แบบนี้ เขารึไงว่าเบื้องหลังของประธานมู่คือบุคคลสำคัญของเมืองชางโจว?
“ไปเก็บเอกสารที่อยู่ในถังขยะขึ้นมา แล้วอ่านดูดีๆ” หลินอิ่งมองไปที่เลขาสาวด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วพูดอย่างเย็นชา