ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 81 ลงมือก่อนได้เปรียบ
บทที่ 81 ลงมือก่อนได้เปรียบ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ภายในนั้นกลับว่างเปล่า
ชายในชุดสีดำนั้นอึ้งไป ได้แต่ยืนจ้องเข้าไปในลิฟต์ที่ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต
ชายหนุ่มเป็นเป้าหมายที่เขาไล่ตาม ต้องนั่งลิฟต์นี้ขึ้นมาไม่ผิดแน่
แล้วคนหายไปไหน?
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา ขนลุกไปทั้งตัว ราวกับว่ากำลังถูกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งจ้องอยู่ด้านหลังยังไงอย่างนั้น
ผัวะ!!
มีอะไรบางอย่างกระแทกชายชุดดำจากทางด้านหลัง แรงส่งอันมหาศาลที่ปะทะเข้ามา ทำให้เขากระเด็นไปกระทบกับกำแพงเข้าอย่างแรง กระดูกแตกหมด
“แค่กๆ” ชายชุดดำสำลักเลือดออกมาทางปาก หันไปมองชายหนุ่มที่โจมตีมาจากทางด้านหลังด้วยแววตาที่ตกตะลึง “นี่คุณออกจากลิฟต์มาได้ยังไง? แล้วเป็นใครกันแน่?”
“ถามว่าผมเป็นใครอย่างนั้นเหรอ?” หลินอิ่งขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกคุณกำลังตามหาผมอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“คุณ? หรือคุณคือลูกชายที่ถูกตระกูลฉีทอดทิ้ง ฉีหยิ่นอย่างนั้นเหรอ?” ชายชุดดำทำหน้าตกตะลึง ไม่นึกเลยว่าคนที่องค์กรกำลังตามล่าอยู่ ชายคนที่ถูกตระกูลฉีทอดทิ้งมาเป็นเวลาสิบกว่าปีที่ จะมีความเก่งกาจและความสามารถมากขนาดนี้!
หลินอิ่งเดินเข้ามา ชกกำปั้นเข้าที่ใบหน้า จนชายชุดดำสลบลงไปนอนกองกับพื้น เขาค้นตัวของชายคนนั้น และพบเข้ากับรูปในหนึ่งและมือถืออีกหนึ่งเครื่อง
มองดูรูปของฉีเหอถูตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ สีหน้าของหลินอิ่งดูเคร่งเครียดมากยิ่งกว่าเดิม เขาลากตัวชายชุดดำเข้าไปในห้องประชุมที่อยู่บนชั้น26 จากนั้นก็เข้าไปในห้องจ่ายไฟของโรงแรมชิงหยูนอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่จะมา หลินอิ่งก็ต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เขาได้ศึกษาแบบแปลนของโรงแรมชิงหยูนมาเป็นอย่างดีแล้ว
ในเมื่อคนที่ตระกูลเหวินส่งมายังคงใช้แผนเดิมแบบซ้ำซากอยู่ คือการที่รอเขาขึ้นไปรับสมบัติที่ชั้น26
เขาจึงใช้โอกาสที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตนของเขาที่พวกเขาได้รับมาให้เป็นประโยชน์
ตอนที่หลินอิ่งเข้าลิฟต์ไป เขาก็รีบกดไปที่ชั้น26 รอจนลิฟต์ขึ้นไปถึงที่ชั้น23 เขาก็ได้ปีนออกจากลิฟต์โดยใช้ประตูน้ำฉุกเฉินที่อยู่ทางด้านบน จากนั้นก็ปีนออกไปทางหน้าต่าง แล้วรีบอ้อมไปทางห้องประชุม ที่อยู่บนชั้น26 มันก็ยังถือเป็นการสอดแนมและยืนยันไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย เมื่อเห็นท่าไม่ดี เขาก็สามารถจัดการกับชายชุดดำคนนี้ได้จากทางด้านหลังได้เลย
ปั้ง!
หลินอิ่งเดินเข้าไปยังห้องจ่ายไฟ ปิดประตูลงในทันที
หลังจากนั้นสิบวินาที โรงแรมชิงหยูนอันใหญ่โตที่กำลังสว่างไสวก็ตกอยู่ในความมืดมิดในทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ไฟดับเหรอ?”
จู่ๆ ไฟในห้องล็อบบี้ก็ดับลง ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดมิด ทำเอาพนักงานต้อนรับสองคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตกใจ
ในตอนนั้นเอง ไฟสปอร์ตไลท์ดวงหนึ่งก็ถูกเปิดขึ้น มีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากทางประตูหน้าอย่างเคร่งขรึม เป็นชายร่างใหญ่ที่มาในชุดดำ ข้างๆ ยังมีชายใส่สูทอีกสามคนที่ดูเป็นการเป็นงานเดินตามมาอีกด้วย
“พวกคุณเลิกงานได้และกลับบ้านเดี๋ยวนี้!” ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และไล่พนักงานต้อนรับของโรงแรมออกไป
ผู้จัดการของห้องล็อบบี้ก็เป็นคนที่พวกเขาเพิ่งจ้างมา ดังนั้นตอนนี้โรงแรมชิงหยูนทั้งหลังก็ได้ตกอยู่ในการควบคุมของพวกเขาโดยสมบูรณ์แล้ว
“พี่เหวินเป้า พี่มาได้สักที! เมื่อกี้พี่หมาป่าก็เพิ่งสั่งให้ผมเฝ้าประตูของโรงแรมให้ดี แล้วยังสั่งให้ผมโทรหาพี่ด้วย และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจู่ๆ สายก็ตัดไป ผมว่ามันแปลกๆ นะ” อาซื๋ฮทำหน้าจริงจัง
“จะมีอะไรน่าแปลก? เมืองชิงหยูนที่เล็กจ้อยนี้ ยังมีคนกล้ามาทำอะไรพิเรนทร์เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?” เหวินเป้าขำออกมาอย่างไม่สงบอารมณ์ ท่าทางดูมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก
“ไป ไปดูที่ห้องควบคุมกัน ไม่รู้ว่า หมาป่ากำลังทำอะไรอยู่กันนะ?”
พูดจบ ชุดดำห้าคนก็เดินเข้าไปทางบันไดหนีไปอย่างรวดเร็ว
เหวินเป้าเดินนำ คนทั้งหมดเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นเก้าอย่างรวดเร็ว คาดว่าในเวลาสามนาทีพวกเขาก็น่าจะไปถึงห้องควบคุมแล้ว
พุ่ง!
ท่ามกลางความมืดมิด ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่ชวนตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
“โอ้ย!”
ในขณะที่เหวินเป้ายังไม่ทันตั้งตัว นักฆ่าทั้งสี่คนก็ได้ส่งเสียงร้องออกมา แล้วได้พากันกลิ้งลงบันไดไป
“ใครเป็นคนทำ?” เหวินเป้าก้มลงไปสัมผัสลูกน้องที่นอนอยู่ข้างล่างด้วยความหวาดระแวง
คำถามที่ถามไปไร้ซึ่งคำตอบ เขาเริ่มกระวนกระวายใจ!
รอบๆ มืดมน มองไม่เห็นแม้กระทั่งนิ้วมือ เม็ดเหงื่อผุดออกจากหน้าผากของเหวินเป้า เขารู้ซึ่งเลยว่าตัวเองเจอกับยอดฝีมือเข้าแล้ว
“ไม่ทราบว่าเป็นยอดฝีมือท่านไหน? น้องชายคนนี้อาจจะไปล่วงเกินท่านเข้าโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าตี้จิงตระกูลเหวินของเรานั้นไม่ใช่ตระกูลที่ใครก็จะสามารถมามีเรื่องด้วยได้นะ!” เหวินเป้าพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง โดยที่ยังคงระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
“ตระกูลเหวิน งั้นก็ไม่ผิดแน่”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
เหวินเป้ากำลังจะพูดสวนไป แต่แล้วแรงปะทะขนาดใหญ่ก็ได้กระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขา เขาหน้ามืดและล้มลงในทันที
สามนาทีหลังจากนั้น บนดาดฟ้าชั้นบนสุดของโรงแรมชิงหยูน
สายลมเย็นๆ
หลินอิ่งกับใบหน้าที่เคร่งขรึม เสื้อคลุมที่สวมใส่กำลังปลิวไสว สองมือวางอยู่บนราวระเบียง บรรดาตึกที่ใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่รอบๆ
หลังจากที่บี้บุหรี่ที่อยู่ในมือไปแล้ว เขาก็เตะถังเหล็กถังหนึ่งจนล้มลง
ซ่าาา
น้ำเย็นถังหนึ่งราดลงบนหัวของเหวินเป้า เหวินเป้าสะดุ้งตื่นในทันที
“คุณเป็นใคร? คุณกล้าดียังไงมาทำร้ายผม?” เหวินเป้าโกรธจนควันออกหู จ้องเขม็งไปยังชายปริศนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขารีบเด้งตัวขึ้นมา พอลุกขึ้นได้ก็จะสวนกลับในทันที
พรึบ!
หลินอิ่งกระโดดถีบใส่จนเหวินเป้ากระอักเลือดไม่หยุด กระดูกดังไปทั้งตัว เหวินเป้ากลิ้งลงไปนอนกองกับพื้น ไม่หลงเหลือแรงที่จะโต้กลับเลยแม้แต่น้อย
ด้วยฝีมือแค่นี้ยังกล้าเสนอหน้ามาไล่ล่าผมอีกเหรอ?” หลินอิ่งบีบเข้าไปที่คอของเหวินเป้า จนเหวินเป้าลอยขึ้นจากพื้น แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกว่า “บอกเรื่องทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับตระกูลเหวินมาให้หมด แล้วผมจะส่งคุณไปอย่างสบายๆ”
เหวินเป้าทำหน้ากระวนกระวาย มองชายปริศนาที่กำลังแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
เขาเป็นถึงหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าของตี้จิงตระกูลเหวินเลยนะ ถ้าให้เทียบฝีมือของนักฆ่าในตี้จิงแล้วละก็เขาเองก็อยู่ในระดับแนวหน้าเลยนะ! แต่เขากลับมาพลาดท่าในเมืองชิงหยูนเนี่ยนะ? ถูกคนถีบจนกระดูกร้าว แม้แต่แรงที่จะโต้กลับยังไม่มีเลยงั้นเหรอ?
“ตระกูลเหวินงั้นเหรอ? คุณอยากรู้เรื่องของตระกูลเหวิน?” เหวินเป้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “หรือว่า? คุณคือลูกชายที่ถูกตระกูลฉีทอดทิ้งไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว และซ่อนตัวอยู่ในเมืองชิงหยูน คุณคือฉีหยิ่นเหรอ?”
“คุณทายถูกแล้ว แต่ชื่อของผมคือหลินอิ่งไม่ใช่ฉีหยิ่น” หลินอิ่งพูดด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้!” เหวินเป้าทำหน้าตะลึง “ทำไมคุณถึงมีฝีมือที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้? ถึงขนาดกล้ามาหาเรื่องเราถึงที่เลยเนี่ยนะ?”
เหวินเป้าเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ ว่าเป้าหมายที่พวกเขาตามล่ามาตลอดจะเป็นคนที่เก่งกาจขนาดนี้ และที่คาดไม่ถึงมากที่สุดก็คือ หลังจากลูกชายที่ถูกตระกูลฉีทอดทิ้งคนนี้ได้รู้เรื่อง เขาไม่เพียงไม่หนีไป แถมยังกล้าเข้ามาประชันหน้ากับพวกเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้ด้วย
พวกเขาเพิ่งมาถึงที่เมืองชิงหยูนได้แค่สองวันเองนะ! ยังไม่ทันได้ไปตรวจสอบตัวตนของฉีหยิ่นที่อยู่ในเมืองชิงหยิ่นเลยก็ถูกฉีหยิ่นชิงลงมือก่อนจนทำให้พวกเขาต้องมาเสียท่าแบบนี้
“หลี่ผูเป็นคนส่งข่าวให้คุณรู้ใช่ไหม? หรือว่าตระกูลฉีคอยให้การสนับสนุนคุณอย่างลับๆ มาโดยตลอดอย่างนั้นเหรอ?” เหวินเป้าถามออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่การใช้ไหวพริบที่เฉียบคมของหลินอิ่ง ภายหลังจากที่ไฟในโรงแรมดับลงแล้ว เขาก็รีบมาดักรออยู่ที่บันไดหนีไฟ เพื่อรอการมาถึงของพวกเขา ไหนจะฝีมือที่ร้ายกาจของเขาอีกล่ะ! น่ากลัวเป็นบ้าเลย
ด้วยไหวพริบในการแก้ปัญหาที่เขามี เขาคงมีอนาคตที่ไกลแน่
ชายหนุ่มที่ความสามารถโดดเด่นขนาดนี้ องค์การตระกูลใหญ่ในตี้จิงก็คงหาได้ยาก! แล้วทำไมถึงถูกตระกูลฉีไล่ออกมาตั้งแต่ต้นล่ะ?
หลินอิ่งยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่มีคำอธิบายใดๆ เพียงแค่ยื่นมือขึ้นไปจับคอหอยของเหวินเป้าเอาไว้ แกร็ก บิดข้อมือ เส้นเอ็นที่อยู่ใต้คางของเหวินเป้าขาดกระจุย ตอนนี้ปากของ เหวินเป้าชาไปหมดแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถกัดลิ้นตัวเองได้ จากนั้นหลินอิ่งก็ได้ล้วงเอาตะเกียบไม้สีดำคู่หนึ่งที่หยิบมาจากโรงแรมออกมา
“นี่ คุณคิดจะทำอะไร?” เหวินเป้าทำหน้าหวาดผวา มองดูแววตาที่เย็นเยือกของหลินอิ่ง มันเยือกเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง เห็นแล้วทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว!