ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 98 เขตเหนือของเมืองเกิดเรื่อง
บทที่ 98 เขตเหนือของเมืองเกิดเรื่อง
หลินอิ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็นไม่ได้พูดอะไรออกมา ลู่กวงไม่มีศักดิ์ศรีในตัวเองให้น่าพูดเลยแม้แต่น้อยจริงๆ
คนแบบลู่กวงนี่ยิ่งอยู่ในโทรศัพท์หรือโห่ร้องคอมเมนต์บนเว็บไซต์เก่งมากเท่าไร พอพบเข้ากับเจ้าของเรื่องตัวจริง ก็ยิ่งขี้ขลาดมากเท่านั้น ต่ำตมมากเท่านั้น!
“คือผมที่ปากเสีย พูดผิดคำแล้ว คุณปู่ คือคุณที่กำลังเอาแม่ของผม นอนอยู่บนเตียงของแม่ผม ผมสมควรถูกตี ผมตีตัวผมเอง ขอร้องคุณเพียงแค่อย่าฆ่าผมเลยนะครับ!” ลู่กวงคุกเข่าลงบนพื้น เพี้ยะๆๆๆตบลงบนใบหน้าของตัวเอง ตบแรงขึ้นเรื่อยๆ รอยนิ้วมือต่างก็ตบจนออกมาให้เห็นแล้ว
“แกแม่งไม่มีความเคารพตัวเองเลยจริงๆ คนที่ต่ำตมสุดๆแบบแกนี่ ประธานหลินจะมองแม่แกเข้าตา?”
เจียงฉีพุ่งเข้ามาก็ต่อยเตะลงไปหลายที อัดอั้นเต็มสุดกำลัง ฝ่ามือเพี้ยะๆสะบัดไปอย่างบ้าคลั่ง รองเท้าหนังจ่อไปที่ศีรษะของลู่กวงเตะไปอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้เขาอัดอั้นไฟโกรธเอาไว้เต็มท้อง คราวนี้จะต้องระเบิดออกมาทั้งหมด หากไม่ใช่แม่ของตนเองยังอยู่ในมือของตระกูลซูนล่ะก็ เขาแทบอยากจะฆ่าลู่กวงไปซะตรงนี้!
หลังจากที่เจียงฉีซ้อมโดยที่อีกฝ่ายไม่มีกำลังจะสู้อย่างรุนแรงไปหนึ่งยก รองเท้าหนังสีดำต่างก็ใกล้จะเตะจนขาดแล้ว เตะจนลู่กวงเอามือกุมหัว น้ำมูกน้ำตาต่างก็ถูกซ้อมจนออกมาแล้ว กอดศีรษะเอาไว้น้ำตาไหล
“ฉันถามแก ลู่กวงไอ้คนไม่มีความเคารพในตนเอง แม่ของฉันถูกพวกแกจับไปไว้ที่ไหนแล้ว?” เจียงฉีเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ หยิบฟึ่บปืนพกกระบอกนั้นที่ลู่กวงทำตกเอาไว้ขึ้นมาจากโต๊ะทำงาน นำปากกระบอกจ่อเข้าไปในปากของลู่กวงในทันที
“ฉัน ฉัน…” ลู่กวงกลัวจนแทบตาย ปากกระบอกปืนต่างก็ค้างอยู่ในปากแล้ว ลิ้นที่ใช้พูดต่างก็กำลังสั่น
“แกจะพูดไม่พูด?” เจียงฉีเอ่ยขึ้นอย่างดุเดือด เส้นเลือดนูนกระจายเต็มหน้าผาก
เจียงฉีคนที่นั่งออฟฟิศมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่เคยจับอาวุธของจริงมาก่อนคนนี้ ในเวลานี้ก็ได้เปิดเผยด้านที่โหดเหี้ยมน่ากลัวออกมาเช่นเดียวกัน
เขาได้รับได้รับการกดขี่รังแกจากตระกูลซูนมามากเกินไปแล้วจริงๆ!
คราวนี้ยิ่งเป็นการถูกตระกูลซูนบีบจนเกือบจะบ้านแตกคนในครอบครัวล้มตาย ตัวเองถูกแขวนอยู่กลางอากาศของตึกสูงสามสิบกว่าชั้น แม้กระทั่งแม่ที่อายุใกล้จะหกสิบก็ยังถูกไอ้พวกเดรัจฉานกลุ่มนี้จับตัวไป!
“ผมพูด!ผมพูด ท่านประธานเจียง ผมก็เป็นเพียงแค่คนที่ทำงานให้ฉินฝู้กุ้ยพี่ใหญ่ฉินเท่านั้น!” ลู่กวงเอ่ยพร้อมด้วยน้ำมูกน้ำตาที่ไหลลงมา “พี่ใหญ่ฉินกับตระกูลซูนคุยกันยังไงผมไม่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อย!แม่ของคุณก็คือพี่ใหญ่ฉินส่งคนอีกกลุ่มไปจับ ผมไม่รู้เลยครับว่าอยู่ที่ไหน!ขอร้องคุณล่ะ เอาไอ้นี่วางลงเถอะ จะทำให้คนกลัวจะตายอยู่แล้วนะครับ!”
“พวกแกไอ้สัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้ มีวิธีการอะไรพุ่งมาที่กูนี่!มีปัญญาก็ฆ่าฉันให้ตายสิ ไม่มีความสามารถสู้คนอื่นไม่ได้ ก็ไปจับตัว? แกแม่งยังนับว่าเป็นอะไร? ขยะ!เดรัจฉาน!คนไร้ประโยชน์!กากเดนสังคม!”
“พวกแกสุนัขรับใช้ของตระกูลซูนกลุ่มนี้ สมควรตายให้หมด!!”
เจียงฉีคำรามด้วยความโมโหไปหนึ่งยก ไฟโกรธทะลักสูง คนทั้งคนเกือบจะตกเข้าไปสู่ความบ้าคลั่ง แทบจะฆ่าลู่กวงให้ตายไปเสียตอนนี้!
สูดหายใจยาวเข้าไปเต็มปอดหลายที ลมหายใจของเจียงฉีสงบลงมา มองไปยังหลินอิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บอส สีหน้าเรียบเฉยเล็กน้อย
เจียงฉีใจเย็นลงมาแล้ว เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ประธานหลิน ลำดับต่อไป คุณว่าควรจะจัดการยังไงดีครับ?”
หลินอิ่งจุดบุหรี่มวนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “แกไปพบฉินฝู้กุ้ยกับฉัน ให้เขาส่งมอบแม่ของแกออกมา”
“ตอนนี้ก็ไปหาฉินฝู้กุ้ยหรอครับ?” เจียงฉีเอ่ยถาม ในใจรู้สึกเซอร์ไพรส์ และก็มีความสงสัยอยู่เล็กน้อยเช่นเดียวกัน
เขายังจะเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ในเวลานี้มากกว่าใครๆ ประธานหลินบอกว่าตอนนี้ไปหาฉินฝู้กุ้ยบีบให้เขาส่งมอบคนออกมา ในใจแน่นอนว่าดีใจจนถึงขีดสุด
แต่ว่า แต่สิ่งที่เจียงฉีสงสัยในใจก็คือ ฉินฝู้กุ้ยจะพูดง่ายขนาดนั้น ยอมปล่อยคนออกมาหรอ?
ปะปนอยู่ในวงการธุรกิจที่เขตเหนือของเมืองมานานหลายปีขนาดนี้ แน่นอนว่าเขารู้จักฉินฝู้กุ้ยงูเจ้าถิ่นคนนี้ นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดในเขตเหนือของเมืองอย่างมั่นคง ชื่อเสียงกิตติคุณโด่งดัง มีเงินมีอำนาจ
อีกทั้ง ฉินฝู้กุ้ยยังคงเป็นตระกูลระดับขั้นที่สองที่สูงที่สุดของเมืองชิงหยูน ท่านรองของตระกูลฉิน กับพี่ใหญ่ของเขาหัวหน้าครอบครัวของตระกูลฉิน คนหนึ่งอยู่ในโลกธุรกิจ คนหนึ่งวนเวียนอยู่ในพื้นที่สีเทา ประสานมือกันอย่างแข็งแกร่ง ร่วมมือกันอย่างดีมาก
พูดได้ว่า ในสถานการณ์ที่สามตระกูลใหญ่ไม่ออกหน้า ทั่วทั้งท้องฟ้าในเขตเหนือของเมืองก็คือตระกูลฉินที่เรียกลมเรียกฝนได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉินฝู้กุ้ยตอนนี้ยังติดต่อสัมพันธ์กับตระกูลซูนอีก หลังพึ่งความยิ่งใหญ่ของตระกูลซูน ในเขตเหนือของเมืองที่ผืนนี้ ต่อให้เป็นตระกูลหวางกับตระกูลโจก็ยังกล้างัดข้อโดยสมบูรณ์แบบ
เจียงฉีไม่ได้สงสัยในกำลังความสามารถของประธานหลิน แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ ไปหาฉินฝู้กุ้ยบนอาณาบริเวณเขตเหนือของเมือง จะค่อนข้างเสี่ยงภัยเกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า?
“ท่านหลิน คนที่เฝ้าประตูอยู่ด้านล่าง ผมจัดการสะอาดเรียบร้อยแล้วครับ”
ในเวลานี้เอง ด้านนอกประตูออฟฟิศทำงาน มีชายวัยกลางคนที่หน้าตาน่าเกรงขาม สวมชุดฝึกวิชาสีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา
ที่ด้านหลังของเขา ยังมีผู้ชายสวมชุดสีดำสำหรับการต่อสู้สิบกว่าคนตามมาด้วย แต่ละคนไม่ได้แสดงความโกรธก็ยังมีความน่าเกรงขาม แค่ในด้านออร่าก็สามารถกดทับกากเดนกลุ่มนี้ของลู่กวงได้หมดแล้ว
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “หลิวจุน คุณส่งคนพาพวกลู่กวงออกไป จากนั้นลงไปขับรถ พวกเราเตรียมตัวไปเขตเหนือของเมืองหาฉินฝู้กุ้ย”
“ครับ!ท่านหลิน!” หลิวจุนพยักหน้าด้วยความเคารพนบนอบ โบกมือเล็กน้อย บอดี้การ์ดผู้มีความสามารถสิบกว่าคนก็พุ่งเข้ามาเอาตัวลู่กวงและลูกน้องลากออกไปจนหมด
“เจียงฉี รอช่วยชีวิตแม่ของแกออกมาได้ ลู่กวงควรจะจัดการยังไง ฉันจะส่งให้แกจัดการด้วยตัวเอง” หลินอิ่งเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบ
“ครับ!ขอบพระคุณประธานหลิน!” เจียงฉีกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา เลือดในร่างกายเดือดพล่าน
เขาตกอยู่ในอาการช็อก ในตอนที่เห็นหลิวจุนเดินเข้ามาในออฟฟิศ ก็คิดได้โดยสมบูรณ์แบบแล้ว นี่คือสถานการณ์อะไรกัน!
ตัวเจียงฉีเองก็คือบุคคลหมายเลขหนึ่งที่ปะปนอยู่ในแวดวงผู้ที่มีชื่อเสียง จึงรู้จักหลิวจุนสามพี่น้อง
หลิวจุนสามพี่น้องก่อนหน้านี้ถูกคุณชายใหญ่ตระกูลโจ โจปิน จ่ายเงินจำนวนมหาศาล เชิญไปทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ต่อมาได้ยินว่าโจปินตกอยู่ในมือของเสิ่นซาน หลิวจุนก็ติดตามท่านเสิ่นซานผู้รุ่งโรจน์ ภายใต้มือของท่านเสิ่นซานได้รับหน้าที่ที่สำคัญ กลายเป็นหัวม้า เป็นคนโปรด!
แม้แต่หลิวจุนก็ยังเรียกประธานหลินว่าท่านหลิน? ยังเชื่อฟังการจัดการของท่านหลิน?
นี่แค่คิดก็รู้ถึง…อำนาจใต้ดินของท่านหลิน อย่างน้อยที่สุดก็มีถึงระดับของท่านเสิ่นซานล่ะ!ท่านเสิ่นซานตอนนี้เป็นถึงหัวมังกรที่มั่นคงของเมืองชิงหยูน ถึงขั้นใกล้จะได้นั่งบนตำแหน่งพี่ใหญ่ของเมืองตุงไห่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเสิ่นซานเดิมทีเป็นเพียงแค่งูเจ้าถิ่นของเมืองหนานเฉิง อยู่ๆมีอำนาจขึ้นมาอย่างกะทันหัน เบื้องหลังนี้มีอะไรน่าสงสัยใช่หรือเปล่า?
นี่ก็เหมือนกันกับตัวเอง มีประธานหลินคอยค้ำอยู่เบื้องหลัง แม้แต่ตระกูลซูนแห่งสามตระกูลใหญ่ก็ยังกล้าแข็งข้อ
เจียงฉีเป็นคนที่นิดหน่อยก็ซึมผ่านได้คนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่วนเวียนอยู่ในโลกธุรกิจราวกับปลาได้น้ำเช่นนี้ คิดเชื่อมโยงไปถึงตนเองถูกหลินอิ่งคอยสนับสนุน ไม่ช้าก็คาดเดาอะไรขึ้นมาได้ คิดหาคำตอบขึ้นมา ในใจรู้สึกช็อกถึงขีดสุด!
“พวกแกทำอะไร? หลิวจุน? ตอนนี้แกไม่ใช่อยู่กับท่านเสิ่นซานหรอกหรอ?ทำไมถึงได้มาช่วยทำงานให้กับหลินอิ่ง?” ลู่กวงโวยวายเสียงดังขึ้นมา ใบหน้าเหลือเชื่อ
เดิมทีลู่กวงยังรู้สึกมีความโชคดีหลงเหลืออยู่ รอหนีรอดจากภัยพิบัติตรงหน้านี้ไปได้ ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง กลับไปก็ไปรายงานพี่ใหญ่ฉิน ให้พี่ใหญ่ฉินช่วยล้างแค้น
แต่ในวินาทีที่มองเห็นหลิวจุนเรียกหลินอิ่งว่าท่านหลินนั้น จิตใจที่คิดล้างแค้นของเขาก็ดับลงภายในชั่วพริบตา…
“หึ ลู่กวง ฉันบอกแกให้ เรื่องทั้งหมดในวันนี้ แกกล้าเปิดเผยออกไปคำหนึ่ง แกก็จะหายไปจากเมืองชิงหยูนในทันที” หลิวจุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แกต้องเข้าใจว่า ชีวิตน้อยๆของแกในตอนนี้ ท่านหลินได้ส่งมอบให้กับเจียงฉีแล้ว ความเป็นความตายของแก เจียงฉีเป็นผู้ตัดสิน!”
“ไม่!ผมไม่มีทางพูดอย่างเด็ดขาด ประธานเจียง ขอร้องปล่อยผมไปเถอะผมไม่มีทางหลุดรั่วข่าวคราวใดๆออกไปอย่างแน่นอน ผมให้ข้อมูลข่าวกับพวกคุณ ผมรู้ว่าปกติพี่ใหญ่ฉินชอบไปกินดื่มเที่ยวเล่นที่ไหน ขอร้องคุณล่ะ” ลู่กวงร้องขอความเมตตาอย่างรนหาที่ตาย
ปึ้ง!
หลินอิ่งลุกขึ้น ถีบลู่กวงจนมึน แล้วเดินออกจากออฟฟิศ จากนั้นจัดปกคอเสื้อเล็กน้อย รับเสื้อกันลมสีดำตัวหนึ่งมาจากในมือของหลิวจุน คลุมไว้บนร่างกาย ปิดบังรอยเลือดที่อยู่บนแขนเสื้อ
“ไปเถอะ ไปหาฉินฝู้กุ้ย” หลินอิ่งเอ่ยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงประเด็นที่สำคัญ