ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 99 ฉินหยุนโล๋
บทที่ 99 ฉินหยุนโล๋
เขตเหนือของเมือง เขตใจกลางที่คนพลุกพล่าน ถนนไฟแดง ทั้งสี่ด้านต่างก็เป็นคาราโอเกะสถานบันเทิง โรงแรมเล็กใหญ่ที่สวยงามแต่ภายนอก บนถนนยังมีผู้หญิงขายบริการที่แต่งตัวเปิดเผยยั่วยวนโยกไปโยกมา
ฉินหยุนโล๋ หรืออีกชื่อหนึ่งราชวงศ์ฉินหยุน
อาคารสิบกว่าชั้น สูงตระหง่านอยู่บนอาณาเขตที่ผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดของถนนไฟแดง ผู้คนไปมาสัญจร กิจการเจริญรุ่งเรือง
นี่เป็นสถานที่ที่เที่ยวสนุกที่สุดของเขตเหนือของเมือง สถานบันเทิงที่สนุกที่สุด
ฉินหยุนโล๋ทุกชั้นต่างก็เป็นรูปแบบความบันเทิงที่แตกต่างกัน ร้านอาหารจีน ร้านอาหารยุโรป บาร์ไวน์เหล้าฝรั่ง ห้องเล่นไพ่รับรองพิเศษระดับVIP ลานสนุ๊กขนาดใหญ่ ผับ บาร์นั่งฟังเพลง ห้องโรงแรมเพรสซิเดนท์ระดับสูงสุด สระว่ายน้ำ สนามบอลสนามออกกำลังกาย ห้องที่ใช้สำหรับดูบอลแข่งม้าโดยเฉพาะ
เขตเหนือของเมืองลือไว้หนึ่งประโยค ขอเพียงแค่มีเงิน อยู่ที่นี่อยากจะเล่นยังไงก็เล่น มีหมดทุกสิ่งที่ต้องการ สถานที่ใช้จ่ายเงินจำนวนมากของจริง
ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นเขตอิทธิพลของฉินฝู้กุ้ยหัวมังกรเขตเหนือของเมือง ยังเป็นธุรกิจที่ตระกูลฉินลงทุนที่เมืองชิงหยูน ถุงเงินที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลฉิน
ตระกูลระดับขั้นที่สองของเมืองชิงหยูนสิบกว่าตระกูล กระจายไปในแต่ละเขตเมืองรวมไปถึงเขตชานเมือง ตระกูลฉินก็ถือว่าเป็นตระกูลที่สูงขึ้นมาหน่อยในหมู่ตระกูลเล็กๆ สร้างชื่อเสียงตระกูลระดับขั้นที่สองที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองชิงหยูนออกมา
ถึงอย่างไร ตระกูลฉินก็มีพื้นฐานกิจการแค่ไม่กี่สิบปี แม้ว่าเงินเยอะอำนาจมาก แต่อิทธิพลก็จำกัดเพียงแค่ในเมืองชิงหยูน จำกัดเฉพาะที่เขตเหนือของเมือง ยังห่างไกลไม่อาจจะตีเสมอกับสามตระกูลใหญ่ตระกูลระดับขั้นที่หนึ่งที่อิทธิพลแผ่ขยายไปทั่วเมืองตุงไห่แบบนั้นได้
แลนด์โรเวอร์สีดำคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูฉินหยุนโล๋ เจียงฉีดึงประตูรถออกก่อน หลินอิ่งลงมาจากรถ ทั้งสองคนคนหนึ่งหน้าคนหนึ่งหลัง เดินเข้าไปถึงฉินหยุนโล๋
ในเวลานี้ บนชั้นที่แปดของฉินหยุนโล๋ ภายในห้องรับรองพิเศษส่วนตัวขนาดใหญ่ของร้านอาหารจีน มีคนโต๊ะหนึ่งกำลังกินกันอย่างคึกคัก เหมือนกับกำลังจัดงานฉลอง ชายอ้วนที่สวมสร้อยทองห้อยพระที่ทำจากหยกคนหนึ่ง ในมือถือถุงกระสอบขนาดใหญ่เอาไว้ นำธนบัตรสีแดงเป็นปึกๆคว่ำลงบนโต๊ะ ให้ความรู้สึกตื่นเต้นบนอวัยวะสัมผัสของคนรุนแรงเป็นอยากมาก
ห้าหกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาต่างก็เปล่งประกายเป็นสีทอง จ้องตาเป็นมันไปยังเงินที่อยู่บนโต๊ะ ท่าทางคลั่งไคล้ไม่หยุด
หนึ่งกระสอบอย่างน้อยที่สุดมีเงินสดสองสามล้าน ในห้องรับรองพิเศษนี้ ก็วางเต็มไปด้วยกระสอบใหญ่ยี่สิบกว่าถุง แทบจะบรรจุเต็มห้องแล้ว
“ท่านฉิน ล็อตนี้ทำได้สะใจจริงๆ!ช่างคุ้มเหลือเกิน!” ชายวัยกลางคนที่หน้าลีบคางแหลมหัวเราะร่าพร้อมกับเอ่ย ยกนิ้วโป้งขึ้นมา “นี่แม่ง ตระกูลซูนหยิบเงินออกมาก็คือใจกว้างจริงๆ!เงินมัดจำก็ธนบัตรลายตามากมายขนาดนี้ ให้คนส่งเงินเข้ามาให้เลย ซูนเหิงคุณชายใหญ่ตระกูลซูน สไตล์นี้ ไม่มีอะไรจะพูด!”
“จุ๊ๆ โหสาม เงินแค่นี้ก็ทำให้แกตาบอดแล้วหรอ? แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ อยู่กับกู ไม่เคยเห็นโลกหรอ?” ฉินฝู้กุ้ยหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ย พูดจาเสแสร้ง ในสายตากลับเผยความโลภเอ่อล้นออกมา เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
“แหะๆ ที่ไหนกัน ผมโหสามวิสัยทัศน์แคบ ไม่อย่างนั้นทำไมท่านฉินคุณเป็นหัวมังกร ผมมาเป็นลูกน้องของคุณล่ะครับ” ในมือโหสามนับธนบัตร ปากไม่ลืมที่จะประจบสอพลอ
“แต่ว่า ท่านฉินครับ คุณชายใหญ่ซูนเหิงของตระกูลซูนนี่ ทำไมถึงทำใจลงเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ได้? เงินสดหนึ่งพันล้านส่งมาให้ก่อน หลังจากเสร็จเรื่อง ยังมีอีกหนึ่งพันล้าน?” โหสามเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “ไม่ใช่แค่ช่วยกำจัดเจียงฉีหมาของตระกูลซูนตัวนั้นทิ้งหรอกหรอครับ? ลักพาตัวแค่นั้นเอง เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ถือว่ายากลำบากเกินไปหรอกมั้ง”
“นี่แกก็ไม่เข้าใจแล้วล่ะมั้ง?” ฉินฝู้กุ้ยนั่งพิงไปบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ดูดซิการ์โรมิโอกับจูเลียตหมายเลขสอง หัวเราะด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน “หากเจียงฉีเล็กๆเพียงแค่คนเดียวต่อต้าน งั้นตระกูลซูนจะทำใจลงเงินนี้ได้? ยังจะต้องติดต่อฉันผู้ที่เข้มงวดแบบนี้?”
“ไม่ใช่แค่เจียงฉีหรอกหรอครับ?” โหสามเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แกนี่โง่จริงๆ ตระกูลซูนกลุ่มเงินทุนแบบนั้น เงินของพวกเขาหาง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?” ฉินฝู้กุ้ยดูดซิการ์ไปหนึ่งคำ ท่าทางเข้าใจแจ่มแจ้ง “ก่อนหน้านี้ตระกูลซูนให้ฉันตรวจสอบเจียงฉี หลังจากที่แกตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เจียงฉีช่วงก่อนหน้านี้แอบเคลื่อนไหวลับหลังไม่หยุด เพื่อที่จะกินบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ รับซื้อหุ้น ค่อยรับซื้ออาคารนิติบุคคลบางส่วน รวมไปถึงการประมูล แอบรับเอาสิทธิและผลกำไรของหุ้นส่วน แกลองเดาดู เจียงฉีลงทุนเงินเข้าไปดำเนินการทั้งหมดเท่าไร?”
“อย่างน้อยที่สุดสองหมื่นล้านนะ!” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นเสียงดัง ท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันในตอนนั้นก็ตัดสินใจตบโต๊ะพูดกับตระกูลซูน กำจัดเจียงฉีทิ้ง อย่างน้อยที่สุดฉันจะแบ่งสองพันล้าน” ฉินฝู้กุ้ยแกว่งสองนิ้วไปมา เอ่ยขึ้นอย่างได้ใจเป็นอย่างยิ่งม”ก็รอข่าวดีของไอ้ลู่กวงนั่นแล้ว เจียงฉีจะช้าจะเร็วต้องเชื่อฟังคำสั่งและให้ความร่วมมือ สัญญากี่สิบฉบับเซ็นหมดแล้ว เงินเหล่านั้นก็หล่นเข้าไปในกระเป๋าของซูนเหิงทั้งหมด”
“สองหมื่นล้านหรอ? งั้นเจียงฉีนี่เห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังน่ะสิ ความเสี่ยงของพวกเราค่อนข้างสูงนะครับ” โหสามเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง คิดถึงปัญหาสำคัญขึ้นมาได้ในทันที
“มีความเสี่ยงอะไร? เมืองชิงหยูนยังมีคนสามารถกัดตระกูลซูนให้ตายได้อีกหรอ? ต่อให้เป็นคนของตระกูลหวางตระกูลโจทำเรื่องบ้าๆลับหลัง ฉันก็ไม่กลัว!แตะต้องถุงเงินของตระกูลซูน ใครมาก็ทำอะไรไม่ได้” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างได้ใจ “ฉันได้ลงเรือลำเดียวกับซูนเหิงแล้ว รับประกันว่าจะจบเรื่องนี้ให้กับเขา ไม่อย่างนั้นซูนเหิงอาศัยอะไรมาให้กับฉันสองพันล้าน? เงินเหล่านี้เดิมทีก็หล่นลงมาจากฟ้า ไม่ใช่ของเขา ดังนั้นถึงทำใจแบ่งได้ ไม่มีฉันฉินฝู้กุ้ย เขาทำสำเร็จไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!”
ฉินฝู้กุ้ยสูบซิการ์ด้วยความได้ใจสุดๆ ในใจชื่นชมยินดีไม่หมด
คราวนี้เขาได้เดิมพันเต็มกำลังบนตัวของซูนเหิงแล้ว
ช่วยกินบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์สองหมื่นกว่าล้าน ขอเพียงแค่เจียงฉีเซ็นสัญญาจนหมด แผนการที่สมบูรณ์แบบไร้ตะเข็บ ไม่ว่าเบื้องหลังของเจียงฉีจะเป็นใคร ใครมาก็ไม่มีประโยชน์ บทสรุปถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ต้องรู้ว่า ตระกูลซูนยืนอยู่ที่ด้านหลังต่อต้านจนถึงที่สุด ในพื้นที่เมืองตุงไห่ ฉินฝู้กุ้ยคิดไม่เข้าใจ จะมีใครที่สามารถกลืนถุงเงินของตระกูลซูนไปได้ในคำเดียว?
ต่อให้เป็นนิ่งซื่อกรุ๊ปของเมืองตุงไห่ที่วิธีการมากมาย มังกรที่แข็งแกร่งจากเมืองหลวงที่กล้าข้ามผ่านแม่น้ำแบบนั้น เกรงว่าก็ไม่กล้าไปกินหัวใจที่สำคัญที่สุดของตระกูลซูนอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้หรอกมั้ง? นี่เป็นการขุดรากถอนโคนตระกูลซูนโดยสมบูรณ์แบบ!
อีกทั้ง ขอเพียงแค่เรื่องนี้ทำสำเร็จแล้ว เงินมาถึงมือไม่ว่า ต่อไปกับซูนเหิงก็คือพี่น้องที่สนิทแนบแฟ้นกันแล้ว
ทำเรื่องที่สวยงามขนาดนี้เสร็จ ซูนเหิงก็ตอกตะปูผู้สืบทอดของตระกูลซูนเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ผู้แย่งชิงหลากหลายคนภายในบ้านในก่อนหน้านี้ก็ไม่มีหวังแล้ว!
ในขณะที่คิด ฉินฝู้กุ้ยก็ยิ้มขึ้นมาอย่างปลื้มปริ่ม เอ่ยขึ้นว่า “โหสาม แกโทรศัพท์ไปหาลู่กวง ถามมันว่าเกิดอะไรขึ้น? จัดการเจียงฉีคนเดียวยังต้องนานขนาดนี้?”
โหสามหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรออก เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “ดูเหมือนสัญญาณจะไม่ค่อยดี โทรไม่ติด ผมออกไปลองโทรหามันดู”
ในขณะที่พูด โหสามก็เดินออกจากประตู
ปึ้ง!
ยังไม่ทันจะเดินออกนอกประตูถึงสามวินาที ทั้งตัวของโหสามก็กระเด็นกลับมา ล้มไปบนถุงกระสอบใบหนึ่งอย่างรุนแรง พลังโจมตีที่มหาศาลทำเอาถุงกระสอบขาดหมด ธนบัตรสีแดงไหลลื่นทะลักออกมา
“พวกแกไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาลู่กวงแล้ว”
หลินอิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย นั่งลงอย่างอาจหาญ เจียงฉียืนอยู่ที่ข้างกายของเขา มองดูฉินฝู้กุ้ยด้วยสายตาที่เยือกเย็น
“แกแม่งเป็นใคร? เข้ามาได้ยังไงกัน?” ผู้ชายตัวกำยำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อคนหนึ่งคำรามขึ้นด้วยความโมโห
เสียงเพี้ยะดังขึ้น หลินอิ่งสะบัดมือจานเหล็กใบหนึ่งลอยไปบนใบหน้าของเขา ตีลังกากลางอากาศไปในเวลานั้น ล้มลงกองกับพื้น ไอกระอักเลือด เผยสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา
ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าประหลาดใจ มองสังเกตหลินอิ่งครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “พี่น้อง มาจากสายไหนกัน? ไม่ทราบว่าฉันคนตระกูลฉินไปล่วงเกินคุณที่ไหน?”
หลินอิ่งหัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น จุดบุหรี่มวนหนึ่งอย่างเชื่องช้า
“เจียงฉี แกมาพูดกับเขาเถอะ”