ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่115 ทางออกของอูหยาง
บทที่115 ทางออกของอูหยาง
“พวกคุณหลายคน มาที่นี่กันทำไม?” อูหยางพูดด้วยความไม่เกรงใจ
อูหยางมองคนพวกนั้นด้วยแววตาเรียบๆ แต่ในใจกลับมีความสงสัยเป็นอย่างมาก
โจวเสี่ยฉินเป็นลูกสาวของคุณชายตระกูลโจ แล้วก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของภรรยาของจางหงซวน สามารถพูดต่อหน้าคุณท่านตระกูลโจได้ว่า เป็นตัวแทนคนหนึ่งของธุรกิจต่างๆ ในตระกูลโจ มีชื่อเสียงไม่น้อยในเมืองชิงหยูน ถือว่าเป็นดอกไม้ที่โดดเด่นในแวดวงธุรกิจของชิงหยูน
แต่ซูนเจี่ยนเป็นน้องของซูนเหิง เป็นคนวิ่งเดินเรื่องต่างๆ ของตระกูลซูนเพื่อช่วยซูนเหิง ก่อนหน้านี้ก็ช่วยซูนเหิงดูแลโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์กรุ๊ปเขตเหนือ
อูหยางเคยได้ยินมาว่า ครั้งก่อนเงินของตระกูลซูนในโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์กรุ๊ป ก็เจียงฉีฮุบเอาไป ซูนเหิงขาดทุนเพราะเจียงฉีมาก เลยต้องชดใช้อย่างหนัก ชื่อเสียงก็แย่ไปด้วย
ได้ยินมาว่าภรรยาจางจี้หนิงเองก็ไม่ไปรับ แต่ให้จางหงจูนออกเงินห้าสิบล้าน เขาถึงจะยอมออกห้าสิบล้าน เพื่อพาจางจี้หนิงกลับมา
แต่เจียงฉีคนนั้น อูหยางเองก็สนใจอยู่ไม่น้อย รู้สึกสนใจที่จู่ๆ ก็มีคนแบบนี้ขึ้นมา
เจียงฉีเป็นคนที่โลดปล่นอยู่ในวงการธุรกิจของตุงไห่ที่ถือว่าใหม่ แต่ได้ชื่อว่าเป็นเจียงฉีผู้ร่ำรวยแห่งเมืองชิงหยูน!เงินในมือนั้นหนาเกินกว่าจะจินตนาการ เงินสะพัดอยู่กับเขาราวๆ พันล้านได้ เขาพัฒนาธุรกิจในทุกทางๆ มีการขยับขยาย และบริหารดูแลเป็นอย่างดี ในมือของเขายังมีคนร่ำรวยที่ทำธุรกิจสีเทาในเขตเหนือของเมืองอีกด้วย
ช่วงนี้แวดวงธุรกิจของตุงไห่โด่งดังเป็นอย่างมาก จนใครๆ ก็รู้จักขึ้นมา
ซูนเหิงขาดทุนถูกเอาเปรียบเพราะเจียงฉี แต่ยังมีเวลามาดูแลเรื่องราวต่างๆ ในจางซื่อกรุ๊ปอีกเหรอ?
“ประธานกรรมการอู พวกเราซื้อหุ้นมากกว่าครึ่งของจางซื่อกรุ๊ปกับร้านค้าต่างๆ มากมาย ส่วนหุ้นส่วนเล็กๆ นั้น ก็อยู่ในกำมือของเรา ฉันว่า คุณควรออกจากตำแหน่งนี้แล้วล่ะ” ซูนเจี่ยนยิ้มขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์
“หึ ซูนเจี่ยน คุณกับซูนเหิงกล้ามาลงมือกับจางซื่อกรุ๊ปงั้นเหรอ?รู้ไหมว่าจางซื่อกรุ๊ปมีใครเป็นหุ้นส่วนน่ะ?” อูหยางพูดเสียงเย็นชา “เจียงฉีทำร้ายซูนเหิงของเมืองชิงหยูนแต่ก็ไม่กล้าแก้แค้น คุณคิดว่า ตระกูลนิ่งในเมืองตุงไห่ทำไม่ได้เหรอ?”
“หึๆ ประธานกรรมการอู คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ พวกเราตระกูลซูนแค่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนเฉยๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณเลย” ซูนเจี่ยนพูดด้วยความเกรงใจ เขากล้ารวมสามตระกูลมาถือหุ้น แต่กลับไม่กล้าไปทำอะไรอูหยางเพียงคนเดียว ถ้าเกิดเปลี่ยนการกระทำ เดี๋ยวเรื่องจะใหญ่ไปมากกว่านี้!
“ไม่เลวเลย พวกเราทั้งสามตระกูลแค่อยากจะเข้าร่วมถือหุ้นเท่านั้น” หวางจื่อเหวินพูดช้าๆ “บริษัทเครื่องประดับจางซื่อมีแต่พัฒนาขึ้นทุกวันๆ พวกเราเองก็เห็นดีด้วย เพราะทุกคนจะได้ร่ำรวยไปด้วยกัน ไม่ได้เหรอ?”
“ประธานกรรมการอู พวกเราไม่กล้าฮุบหุ้นส่วนของตระกูลนิ่งอยู่แล้ว คุณแบ่งแบบนี้ เพียงแค่ลงจากตำแหน่ง แล้วเป็นประธานกรรมการที่ได้ส่วนแบ่งตามปกติก็พอ” โจวเสี่ยฉินพูดอย่างซื่อสัตย์
จางฉีโม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกลำบากใจ พลางขมวดคิ้วเบาๆ เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล
มันชัดเจนเลยว่า ลุงคนโตจางหงจูนกับตระกูลซูนมีความสัมพันธ์กัน ภรรยาของลุงคนที่สามจางหงซวนเป็นตัวแทนตระกูลโจ มีความสัมพันธ์กับตระกูลโจ แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนที่เชิญมาเพื่อช่วยแน่นอน
แต่หวางจื่อเหวิน ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ถึงได้มาพยายามมีส่วนร่วมในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ในบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ
“หึๆ แค่พวกคุณ จะมีคุณสมบัติอะไรมายุ่งเกี่ยวกับตระกูลนิ่งได้เหรอ?” อูหยางยิ้มด้วยความเยือกเย็นก่อนพูดขึ้น เขาไปไหนมาไหนกับนิ่งซวนยังไม่เคยเจอที่ๆ ใหญ่ๆ ที่ไหนกัน
“ประธานกรรมการอูมีสปิริตจริงๆ เลย!ทั้งสามตระกูลก็ออกมาแล้ว คุณยังจะคะยั้นคะยออะไรอีก?”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงกังวานดังขึ้น
มีชายวัยกลางคนที่ใส่สีม่วงเข้ม เดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง พลางมองอูหยางด้วยท่าทีรื่นเริง
“ประธานหวาง คุณมาแล้วเหรอ!” จางหงซวนพูดด้วยความประจบประแจง
“หวางกั๋วคาง?ประธานหวาง!ดื่มชา!” จางหงจูนเองก็ประจบประแจงขึ้นมา
ต้องรู้ด้วยว่า หวางกั๋วคางเป็นคนอันดับสองของตระกูลหวาง!ร่ำรวยเป็นอย่างมาก และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่เป็นกำลังสำคัญของตระกูลหวาง
หวางกั๋วคางไม่ใช่ไม่เคยเข้ามาอยู่ในลิสต์ของคนร่ำคนรวย เขาเป็นคุณชายของตระกูลหวางมากว่ายี่สิบปีแล้ว และได้เป็นอันดับสองของตระกูลหวางอีกด้วย!
“หวางกั๋วคาง คุณก็มาด้วยเหรอ?” อูหยางขมวดคิ้วเบาๆ เขาสามารถไม่สนใจคนทั้งสามของหวางจื่อเหวินได้ แต่ว่าหวางกั๋วคาง ถือเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองชิงหยูน มีเพียงไม่กี่คนในเมืองชิงหยูน ที่สามารถได้พูดคุยกับประธานนิ่งได้
“เลขาอู๋ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ครั้งก่อนได้ยินจื่อเหวินพูด ว่าคุณอยากจะให้ฉันมาคุยกับคุณ?” หวางกั๋วคางพูดด้วยความเย่อหยิ่ง เหมือนกับว่ากำลังถามไถ่
อูหยางเป็นเลขาของนิ่งซวน ขนาดนิ่งซวนเองเขาเองก็สื่อสารมีเส้นสายกับคนอื่นไม่น้อย เลยไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรอูหยาง
“ฉันพูด เป็นอะไรไป?” อูหยางพูดอย่างสงบ
“หึๆ” หวางกั๋วคางยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา “อูหยาง ฉันถือหุ้นจากจางซื่อกรุ๊ปแล้ว ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาอยู่ในตำแหน่งประธานแล้ว คุณออกจากจางซื่อกรุ๊ปไปได้แล้ว ทางประธานนิ่ง ฉันจะไปทักทายเขาเอง”
ตระกูลหวางกับตระกูลนิ่งมีการทำธุรกิจต่างๆ ในเมืองตุงไห่ เชื่อเถอะว่าเรื่องเล็กๆ แบบนี้ นิ่งซวนไม่มีทางไม่ไว้หน้าเขา
พูดไป หวางกั๋วคางก็โบกไม้โบกมือ ทนายของแวดวงธุรกิจที่อยู่ข้างๆ นั้น ก็ส่งเอกสารมาเป็นชุดๆ
“อูหยาง ดูเอกสารการร่วมงานกันและผู้ถือหุ้นเถอะ” หวางกั๋วคางพูดด้วยท่าทีอยากชมสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
“ไม่ต้องดูแล้ว!” อูหยางมีแววตาลำบากใจมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำลง “โอเค หวางกั๋วคาง ไปดูเถอะ!”
พูดไป อูหยางก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปจากโถงทำงานด้วยสีหน้าเย็นชา อยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว คนกลุ่มนี้เตรียมการเอาไว้ทุกอย่างอย่างลับๆ แล้ว แถมยังซื้อหุ้นไปหมดแล้วด้วย
เมื่อไปที่อาคารเป่าติ่ง อูหยางหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะโทรไปหาประธานหลิน ลังเลอยู่สักพัก เลยเปลี่ยนเบอร์ไป โทรหานิ่งซวน
ถ้าเกิดทำตรงจุดนี้ได้ไม่ดี แถมยังต้องเชิญประธานหลินมาอีก เกรงว่าประธานนิ่งซวนจะสงสัยและโทษตัวเอง เลยขอความเห็นจากนิ่งซวนไปก่อน
“อูหยาง เป็นอะไร?” ทางปลายสายโทรศัพท์ นิ่งซวนถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ประธาน ประธานหลินกำชับทางบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ ว่าเกิดเรื่องขึ้น แล้วฉันจัดการไม่ได้ เลยอยากจะขอความเห็นจากคุณ……” อูหยางพูดด้วยความสัตย์จริง
ในโถงห้องทำงาน
จางหงจูนกับจางหงซวนมีท่าทีภูมิอกภูมิใจ ด้วยท่าทีภูมิอกภูมิใจ พลางลุกขึ้นยืนให้หวางกั๋วคาง ก่อนจะยกน้ำชามาให้อย่างประจบประแจง พลางชื่นชมยกยอไม่หยุด
“ประธานหวาง คุณนี่เก่งจริงๆ เลยนะ แค่จัดการนิดเดียว ขนาดเลขาคนสำคัญของนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ ยังต้องหลีกให้” จางหงซวนยกยอ พลางยิ้มแล้วพูดขึ้น
“อูหยาง หึ เพราะการมาของนิ่งซวน เลยต้องขายหน้าฉันไงล่ะ!” หวางกั๋วคางยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา ก่อนจะพูดอะไรที่มากความออกมา
“นั่นสิ!ชื่อเสียงของประธานหวาง พวกเราไม่มีใครไม่รู้เลยหรือไง?” จางหงจูนพูดด้วยความประจบประแจง
ต้องรู้ด้วยว่า ขนาดครอบครัวแท้ๆ ของเขา พ่อของซูนเหิง รับช่วงมาเป็นที่สามที่สี่ของตระกูลซูน ไม่ได้เก่งเท่าหวางกั๋วคาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูนเหิงที่พึ่งพาไม่ได้เลย ครั้งก่อนเกือบจะต้องขายลูกตัวเองแล้ว ยังต้องออกเงินอีกห้าสิบล้าน เป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้ ครั้งนี้ได้มาเกาะแข้งเกาะขาของหวางกั๋วคาง ก็ถือว่าพัฒนาได้มากแล้ว