ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่122 รีบมาที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารเจ๋อเฉิง
บทที่122 รีบมาที่ชั่นดาดฟ้าของอาคารเจ๋อเฉิง
เสวียนเหมินสิบสองเข็ม หนึ่งนิ้ว สามนิ้ว ห้านิ้ว เจ็ดนิ้ว ความยาวห่างกันไม่เกินสามหน่วย
หลินอิ่งสะบัดมือ เรียงกันเป็นแถว ด้วยความเบามือ ก่อนจะฝังเข็มให้คุณท่านฉีสิบสองเข็ม บนจุดสำคัญต่างๆ
จากนั้น หลินอิ่งก็กอดแขนของคุณท่านฉี ขยับนิ้ว เพื่อส่งกำลังเข้าไปข้างใน เพื่อให้เลือดลมเดินดี
เพียงไม่นาน คุณท่านฉีที่ใบหน้าซีดเซียว ก็มีสีแดงขึ้น
หลินอิ่งเก็บเข็มทั้งสิงสอง เข้ากล่องสีเงิน พลางมองปู่ด้วยท่าทีสับสน
อ่านหนังสือการแพทย์ตั้งแต่เด็ก นี่คือเสวียนเหมินสิบสองเข็มที่เขาถนัด แต่ปกติ ขอแค่ยังมีลมหายใจ ก็ช่วยกลับมาได้ นี่ก็คือวิชาการฝังเข็มโบราณของลัทธิเต๋าเสวียนเหมิน มันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน
คุณท่านฉีเพราะว่าตอนแรกลูกชายถูกฆ่าตาย อายุมากแล้ว เมื่อร้อนใจมาก ก็หายใจติดขัด จนทำให้ไม่ฟื้นแบบนี้
มาในวันนี้ ทำให้หายใจหายคอได้คล่อง ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
“เหอะๆ” คุณท่านฉีค่อยๆ ลืมตาขึ้น ไอแห้งๆ นิดหน่อย แววตามีความสงสัย ก่อนจะจ้องหลินอิ่งพลางหรี่ตา
ถึงแม้ว่าคุณท่านฉีจะแก้ราวๆ เจ็ดแปดสิบแล้ว แต่ดูไม่เหมือนเลย ยังดูเหมือนคนมีกำลังอยู่ แววตาคมกริบ ไม่แปลกใจเลยที่เคยเป็นทหารผ่านศึก
“คุณ คุณคืออิ่งเอ๋อเหรอ?” คุณท่านฉีพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในแววตามีความตกใจอยู่ไม่น้อยเลย
ใบหน้าของหลินอิ่ง กับฉีเหอถู ฉีเวิ่นติ่ง มีความคล้ายกันอยู่ เลยจำได้ง่าย
ถึงจะไม่ได้เจอสิบกว่าปี คุณท่านฉีก็ยังจำได้
“ปู่ ฉันเอง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“นี่ อิ่งเอ๋อจริงๆ เหรอ?” ฉีเวิ่นติ่งมีความประหลาดใจอยู่ แววตาก็มีความสับสนอยู่ไม่น้อยเลย
พูดไป ฉีเวิ่นติ่งก็กุมมือของหลินอิ่งด้วยความตื่นเต้น
“อิ่งเอ๋อ ครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไร คุณก็อย่าไปจากตี้จิงนะ……ตอนนั้น พ่อคุณแอบฉันไล่แม่ของคุณไป คุณกับแม่คุณเองก็ด้วย ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย……”
หลินอิ่งกุมมือของฉีเวิ่นติ่ง แล้วพูดว่า: “ปู่ คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลาน”
“ฉันจะมาเยี่ยมบ่อยๆ รักษาตัวด้วยนะ”
พูดไป หลินอิ่งก็หันหลัง ไม่มองคุณท่านฉีอีก
คุณท่านยังไม่รู้เรื่องที่ตระกูลฉีในตี้จิงถูกทำลายหมด เขาไม่อยากพูดต่อ เพราะมันจะอธิบายยากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้น การรักษาคุณท่าน มาเยี่ยมหน่อย ก็เพียงพอแล้ว
แต่มีเรื่องจริงจังที่ยังไม่ได้ทำ
“อิ่งเอ๋อ คุณจะไปแล้วเหรอ?” ฉีเวิ่นติ่งพูด
“ปู่ คุณดูแลตัวเองดี ๆ เดี๋ยวฉันจะมาหาอีก” หลินอิ่งพูดจริงจัง ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป
ฉีเวิ่นติ่งมองเงาของหลินอิ่ง เขาเห็นตัวเองตอนหนุ่มๆ อยู่ในเงาของหลินอิ่ง อย่างหมดจด!
“พูดว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลาน อิ่งเอ๋อนี่โตขึ้นแล้วจริงๆ” ฉีเวิ่นติ่งมีแววตาสับสน ก่อนจะพูดอยู่คนเดียวนิดหน่อย
ฉีเวิ่นติ่งเองก็เป็นทหารชายแดน ใช้ชีวิตอยู่บนม้าอยู่ครึ่งชีวิต อยู่ในทะเลอีกครึ่งหนึ่ง ก่อตั้งประเทศหลุงมานาน ก็ยังไม่เคยมีเรื่องอะไรร้ายแรง
เมื่ออายุเท่านี้ ก็เห็นเรื่องต่างๆ บนโลกมาไม่น้อย ตามอายุที่มี ดังนั้น เลยไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะให้หลินอิ่งออกไป ไม่ได้อยากฟังสถานการณ์อะไรของตระกูลฉีในตอนนี้อีก
อันที่จริงตั้งแต่ลูกชายสามถูกฆ่าตาย คนแก่คนนี้ ก็เดาอนาคตของตระกูลฉีออก……
เพิ่งออกมาจากจื่อหลงซาน โทรศัพท์รหัสลับของหลินอิ่งก็มีข้อความเข้า
“รีบไปที่ดาดฟ้าของอาคารเจ๋อเฉิง ช้ากว่านี้ชั่วโมงเดียว หยูจื๋อเฉิงต้องตาย!”
หลินอิ่งเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะมีแววตาเย็นชาขึ้นมาก
ตระกูลเหวินที่กล้ามาล้างตระกูลฉีด้วยเลือด ใช้วิธีนี้ ไม่เลวเลย
มันชัดเจนเลยว่า หยูจื๋อเฉิงถูกจับกุมแล้ว แต่แค่ช่วยตัวเองไปดูลาดเลาเท่านั้นเอง ก็ให้ตระกูลเหวินตอบกลับมา
หยูจื๋อเฉิงก็ถือเป็นคนอันดับต้นๆ ของเขตจงเทียนเหมือนกัน ความสามารถมีไม่น้อยเลย แต่เมื่อเจอตระกูลเหวินกลับสู้ไม่ได้
หลินอิ่งหลับตาลงพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ โบกแท็กซี่ ไปที่เจ๋อเฉิงกรุ๊ปของเขตจงเทียน
เขาไม่สงสัยความซื่อสัตย์ของหยูจื๋อเฉิงเลย เดาดู หยูจื๋อเฉิงน่าจะถูกจับ โทรศัพท์รหัสลับถูกเอาไป ถ้าไม่อย่างนั้น ตระกูลเหวินคงฆ่าแบบเงียบๆ คงไม่เอาหยูจื๋อเฉิงมาบังคับตัวเอง
หยูจื๋อเฉิงไม่รู้สถานะอีกอย่างของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนตระกูลฉี และไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้เฒ่าของตระกูลนิ่งในตี้จิง
แก๊งมังกรของตัวเองนั้นเปลี่ยนตัวตน นอกจากอาจารย์แล้ว ก็ไม่มีใครรู้อีกเลย
หลินอิ่งมีตัวตนที่น่ากลัวอีกมากขนาดไหนกันนะ?กลัวจนไม่อยากนึกถึง ตระกูลเหวินมีกำลังมากขนาดไหน ก็หาไม่เจออยู่ดี
ติ๊ดๆ !
หลินอิ่งเพิ่งจะนั่งลงหลังรถ ก็มีรถมายบัคราคาหลายแสน มาขวางตรงหน้า
มีพนักงานขับรถหญิงคนหนึ่งเปิดประตูให้ด้วยความเคารพ มีหญิงสาวใส่แว่นขลิบทอง ดูเรียบหรูสง่างาม ค่อยๆ เดินลงมาจากรถ
“เฮ้!ชุดขาว มีโชคจังเลยนะ เลยได้มาเจอคุณที่นี่” กงซุนชิวอวี่พูดพลางยิ้มแย้ม
“คนขับรถ ไปที่อาคารเจ๋อเฉิง” หลินอิ่งสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์พลางกับคนขับ เพราะไม่มีเวลามาสนใจด้วย
“เห้อ!คุณจะทำอะไรน่ะ ไม่มีมารยาทกันหน่อยเหรอ?” กงซุนชิวอวี่ขมวดคิ้วพลางถามขึ้น
“ฉันอยากจะเชิญคุณไปกินข้าวนะ มาเจอกันแบบนี้ ไม่มองหน้ากันหน่อยเหรอ?” กงซุนชิวอวี่ดันแว่นขึ้น ก่อนจะพูดด้วยความจริงใจ
“ไม่ว่าง” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ
คนวัยกลางคนยังไม่ทันหายตกใจ คิดไม่ออกว่าคนหนุ่มสาวที่นั่งข้างหลังกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อถูกปฏิเสธแบบนี้ เก่งจริงๆ เลย เลยเลี้ยวรถแบบไม่มีเสียง ก่อนจะขับออกไปบนถนน
“ไม่มีมารยาทเลย!”
กงซุนชิวอวี่บ่นใส่รถแท็กซี่คันนั้นด้วยความโกรธ
จากนั้น เธอก็สแกนบัตรรับรองที่เขตหวงห้าม ก่อนจะเดินเข้าไปในจื่อหลงซาน
กงซุนชิวอวี่คิดไม่ออก ว่าคนชุดขาวนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า ถึงได้นั่งแท็กซี่มาเยี่ยมคุณท่าน แต่ไม่อยากกินข้าวร่วมกับเธอที่อ่อนวัยขนาดนี้?
ครั้งหน้าออกไปไหนต้องพาบอดี้การ์ดไปด้วยแล้ว ถ้าเจอชุดขาวนี่อีก ต้องจับเอาไว้ แล้วต้องให้เขาเป็นครูสอนวัฒนธรรมโบราณให้เสียแล้ว!
คิดไป กงซุนชิวอวี่ก็ไปถึงบ้านพักตากอากาศ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในของที่พัก
เมื่อเห็นในห้องพัก คือคุณท่านฉี!
“ห๊ะ!ทำไมคุณปู่ฟื้นแล้วล่ะ?”
เพียงแค่กงซุนชิวอวี่เดินเข้าไปก็ตกใจ มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อไปทางฉีเวิ่นติ่งที่อยู่ตรงหน้าต่าง
ฉีเวิ่นติ่งหันตัว ก่อนจะพูดด้วยความเนิบว่า: “อวิ่เอ๋อร์ ทำไมช่วยนี้มาเยี่ยมทุกวันเลย?เหนื่อยแล้วล่ะ”
ฉีเวิ่นติ่งคุณท่านมีลูกชายแค่สามคน แต่ตอนที่อยู่ในสนามรบ ได้รับลูกสาวกำพร้ามาด้วยหนึ่งคน และเลี้ยงเป็นลูกแท้ๆ
ลูกเลี้ยงของคุณท่านฉีน่ะ แต่งเข้าบ้านตระกูลในเมืองตี้จิงไปนานแล้ว ก็คือแม่ของกงซุนชิวอวี่
“คุณปู่ คุณเพิ่งฟื้น นอนพักก่อนเถอะ” กงซุนชิวอวี่เดินเข้าไปพยุงคุณท่านฉี แววตาสงสัยมาก
ตั้งแต่คุณท่านฉีเกษียณแล้วมาที่จื่อหลงซาน เธอมาเยี่ยมคุณปู่ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนหน้านี้คุณปู่หมดสติไปเพราะเรื่องของคุณลุงที่สาม หาหมอที่ดีที่สุดของประเทศมาแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วนี่ฟื้นขึ้นมาได้อย่างไรกัน?