ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่362 มังกรสองตัวไม่เจอกัน
มังกรสองตัวไม่เจอกัน
หลินอิ่งจ้องมองชายชราในชุดนักเต๋าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มังกรสองตัวไม่เจอกัน”
นี่คือรหัสลับของแก๊งมังกร
มังกรสองตัวไม่เจอกันคือคำสอนของประมุขแก๊งมังกรคนก่อน และเป็นรหัสลับที่ไว้ขับเคลื่อนแก๊งมังกรเหมือนกัน
พอได้ยินแบบนั้น ชายชราในชุดนักเต๋าก็ทำหน้าตกใจทันที ในขณะที่พิจารณาหลินอิ่งอยู่นั้นก็ไม่ได้คิดอะไรอีก
“ผู้มาเยือน นี่มันหมายความว่ายังไง?” ชายชราในชุดนักเต๋าถามไปด้วยความสงสัย “ข้าน้อยคือเชียนซิง ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่เพื่ออะไรครับ?”
หลินอิ่งขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยื่นมือไปจับข้อมือของเต๋าสือเชียนซิง
จากนั้นเขาก็ปล่อยมือ พร้อมกับความสงสัยในใจ
เต๋าสือเชียนซิงเป็นแค่คนธรรมดา กระดูกและกล้ามเนื้อทั่วร่างนั้นปกติดี ไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้ใดๆ มาก่อน
แบบนี้ก็แสดงว่าเต๋าสือเชียนซิงไม่ใช่คนของแก๊งมังกร
“เต๋าสือเชียนซิง คุณมาอยู่ที่วัดเต๋าซานซิงแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
เต๋าสือเชียนซิงทำหน้าสงสัย แล้วตอบไปว่า “ประมาณปีกว่าๆ”
“ถ้าอย่างนั้น ก่อนหน้านั่นที่วัดเต๋าซานซิงแห่งนี้มีใครอยู่มาก่อนเหรอครับ?” หลินอิ่งถามต่อ
เต๋าสือเชียนซิงหยุดคิดไปแปบหนึ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “เมื่อก่อนฉันอยู่ที่วัดเต๋าหลิงเป่าในเขตเหยียนหวง หนึ่งปีก่อนก็ระหกระเหินมาถึงที่นี่ เมื่อก่อนที่นี่ก็เป็นแค่วัดล้างเก่าๆ เท่านั้น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นดูแลที่นี่”
หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็เดินจากไป
นักบวชเฒ่าคนนี้ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องอะไร
เขาจึงตัดสินใจจะเข้าไปถามคนที่อาศัยอยู่ในเมื่อโบราณดู ไปสืบหาดูว่าก่อนหน้านี้มีใครอาศัยอยู่ที่วัดเต๋าซานซิงแห่งนี้กันแน่
มันค่อนข้างแปลกอยู่เหมือนกัน
แก๊งมังกรมีคำสั่งเด็ดขาดออกมาว่า ก่อนที่เขาจะลงจากภูเขา ห้ามไม่ให้สมาชิกทุกคนของแก๊งมังกรมีการเคลื่อนไหวเด็ดขาด ให้ทุกคนซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ปกปิดทุกอย่างเอาไว้
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของประมุขคนก่อนเลย
แล้วทำไมยามมังกรเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ในตี้จิงถึงหายตัวไปได้ล่ะ?
หรือว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับแก๊งมังกรจริงๆ ใช่มั้ย?
ระหว่างที่ใช้ความคิด หลินอิ่งก็เดินออกจากวัดเต๋าซานซิง พาฮาเดสไปที่รถ
เมื่อเดินไปถึงที่เบนท์ลีย์คันดำ จู่ๆ คิ้วของหลินอิ่งก็กระตุกขึ้นมา เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังทันที
“หลบ!”
หลินอิ่งผลักฮาเดสให้กระเด็นออกไป จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปทันที
ตู้ม!
รถคันนั้นเกิดระเบิดพร้อมกับไฟที่พุ่งออกมาทันที เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ!
ความร้อนจากลูกไฟระเบิดออก จนกลายเป็นกองไฟขนาดใหญ่ พริบตาเดียวก็ลามไปในระยะยี่สิบสามสิบเมตรของถนนทันที
แรงระเบิดสร้างความเสียหายอย่างหนัก ระเบิดจนปูนที่อยู่บนพื้นและกำแพงแตกไปหมด เศษหินกระเด็นไปทั่ว แม้แต่บ้านดินขนาดเล็กที่อยู่รอบๆ ต้องพังทลายลงไปทันที!
หลังจากแสงจากการระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวผ่านไป รอบบริเวณเละเทะไปหมด ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
รถเบนท์ลีย์คันนั่นได้ถูกระเบิดเป็นจุณไปแล้ว หลังจากเสียงระเบิดผ่านไปในระยะสิบกว่าเมตร รถสีดำถูกเผาอยู่ในลูกไฟกองโต
ท่ามกลางกลุ่มควันโขมง เงาที่เยือกเย็นของหลินอิงก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาปัดฝุ่นบนตัวออก มีสะเก็ดระเบิดชิ้นหนึ่งหนีบไว้ที่นิ้ว
“เป็นวิธีที่โหดมาก” หลินอิ่งดีดสะเก็ดระเบิดในมือออกไป หลินอิ่งส่งสายตาที่อาฆาตออกมา
“เอื้อ!”
ฮาเดสโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เขากำลังนอนตัวสั่นอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด
หลินอิ่งเขาเข้าไป พยุงฮาเดสขึ้นมา มองไปที่บาดแผล มีสะเก็ดหลายแผ่นบาดแขนขาของเขาจนเป็นแผล โชคยังดีที่ไม่อันตรายถึงชีวิต
เมื่อกี้ฮาเดสอยู่ในระยะของระเบิด ถ้าไม่ใช่เพราะสมรรถนะร่างกายของเขาพัฒนาถึงขั้นสูงสุดของมนุษย์แล้วละก็ เขาคงถูกระเบิดจนเละและตายไปแล้ว
“ประธานหลิน ผมยังทนไหว” ฮาเดสพูดออกมาในขณะที่หายใจหอบ แววตาโกรธแค้น “ไม่รู้ว่าหมาตัวไหนเป็นคนทำถึงขั้นแอบติดตั้งระเบิดเพื่อลอบสังหารผม!”
“ต้องขออภัยด้วยครับ เป็นความผิดของข้าน้อยเองที่ไม่ทันได้รู้ตัว จนเกือบกลายเป็นความผิดอย่างมหันต์ไปแล้ว” ฮาเดสก้มหน้าแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด
คนที่เป็นถึงราชาสายลับมาอย่างยาวนานอย่างฮาเดส กับเหตุการณ์แบบนี้เขาเองก็เห็นมานัดต่อนัดแล้ว
การที่มีคนแอบมาติดตั้งระเบิดใต้จมูกเขาแบบนี้ แต่เขากลับไม่รู้ตัว ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายต่อหน้าประธานหลินจริงๆ!
หลินอิ่งทำหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้โทษฮาเดส เพราะฮาเดสไม่สามารถสัมผัสถึงนักฆ่าที่แฝงตัวอยู่ได้เลย
ซิ่ว!
หลินอิ่งขยับตัว แหวกผ่านอากาศ พุ่งกลับไปที่วัดเต๋าซานซิงอย่างรวดเร็ว
ภายในวัดไม่เหลือใครแล้ว เต๋าสือเชียนซิงเมื่อกี้ได้หายตัวไปแล้ว……
แววตาของหลินอิ่งเย็นเยือก รู้สึกโกรธเกรี้ยว ต่อให้ใช้น้ำจากแม่น้ำทั้งหมดมาช่วยก็ไม่อาจดับได้!
กล้าหลอกเขาอย่างนั้นเหรอ!
“คนที่แอบดูอยู่ในที่ลับ แล้วแอบไปติดตั้งระเบิด น่าจะยังไม่ได้ออกจากเมืองโบราณ และยังไม่น่าจะพาเต๋าสือเชียนซิงออกไปได้เร็วขนาดนั้น” หลินอิ่งพูดกับตัวเอง แววตาลึกซึ้งลงไปเรื่อยๆ
เขากวาดตามองไป เก็บทุกอย่างที่มองเห็นเข้าไปในหัว จดจำทิศทาง ค่อยๆ หลับตาลง จินตนาการถึงหน้าตาและรูปร่างของเต๋าสือเชียนซิง แล้วใช้นิ้วคำนวณอย่างมีหลักการ
หลินอิ่งพอรู้จักการคำนวณทั้งห้าแบบมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาใช้นิ้วคำนวณ จนได้ข้อสรุปออกมาข้อหนึ่ง นี่เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของปราชญาลัทธิเต๋า เพื่อใช้ในการตามหาคนหรือสิ่งของ บางทีมันก็ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ
………
ณ เมืองโบราณ ภายในลานเล็กๆ ที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง
คนชุดดำสามคนพุ่งเข้าไปลานอย่างรวดเร็ว ตุบ โยนกระสอบผ้าใบหนึ่งลงกลางลานนั้น
มีชายชราที่ใส่ชุดนักบวชคนหนึ่งกลิ้งออกมาจากกระสอบผ้า เขาอยู่ในสภาพที่สลบสไลด์ไม่ได้สติ
“ท่านปรมาจารย์ จะให้จัดการกับนักบวชคนนี้ยังไงดีครับ?” คนชุดดำคนหนึ่งถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง
คนชุดดำที่เป็นหัวหน้าพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ต้องฆ่าปิดปาก พาตัวไปก่อน ออกจากอำเภอหลงซิงก่อนค่อยฆ่าทิ้ง แล้วเอาไปทิ้งในแม่น้ำ”
“ครับ” คนชุดดำพยักหน้า จากนั้นก็ถามต่อว่า “ท่านปรมาจารย์ครับ คนคนนั้นเป็นใครเหรอครับ? เขารู้รหัสลับของแก๊งมังกรของเราด้วย เขาเป็นผู้สืบทอดของประมุขแก๊งจริงๆ เหรอครับ?”
ปรมาจารย์จ้องมองคนชุดดำด้วยสายตาที่เย็นเยือก แล้วตอบไปว่า “พวกแกลืมไปแล้วเหรอ? ประมุขแก๊งเคยบอกไว้ว่า ประมุขแก๊งไม่มีผู้สืบทอด คนคนนี้เป็นแค่ผู้ทรยศคนหนึ่งของแก๊งมังกรเท่านั้น! ถ้าไม่อยากตายก็จงจำไว้ให้ขึ้นใจว่าแก๊งมังกรนั้นมีประมุขแค่คนเดียวตลอดไป! ถ้าออกไปพูดมั่วๆ ด้านนอกระวังจะถูกลงโทษเพราะก่อความวุ่นวายก็ได้นะ!”
“ท่านปรมาจารย์ ผมเข้าใจแล้วครับ!” คนชุดดำก้มหน้าลงพร้อมกับเหงื่อที่เต็มหน้าผาก
สำหรับเรื่องของประมุขแก๊งแล้ว จะเอาไปพูดมั่วๆ ไม่ได้ ถ้าเผลอพูดอะไรผิดไปความบรรลัยก็จะมาเยือนทันที!
“คนคนนี้มีไหวพริบที่ดีมาก ฝีมือก็เก่งเกินคน สามารถหนีรอดจากระเบิดที่ถูกติดตั้งไว้ในรถด้วย แถมยังรู้ที่ซ่อนของยามมังกรเขียวด้วย และยังรู้ถึงรหัสลับของแก๊งมังกรอีก” สายตาของปรมาจารย์เป็นประกาย แล้วให้การสันนิษฐานว่า “คนคนนี้ น่าจะเป็นผู้ทรยศของแก๊งมังกรคนนั้นแหละ!”
“ไอ้ทรยศนั่นได้เรียนรู้สิ่งมากมายจากประมุขคนก่อน แม้แต่ประมุขคนก่อนยังถูกมันหลอกจนหายสาบสูญไปที่ต่างแดน ด้วยศิลปะการต่อสู้ที่พวกเรามี ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้หรอก เราต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าประตูโดยเร็ว จากนั้นค่อยให้ท่านประมุขแก๊งตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ” ปรมาจารย์พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ในตอนที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีลมพัดผ่านในลานบ้าน
ภายในลานบ้านอบอวลไปด้วยจิตสังหาร
คนยังไม่ทันถึง ลมก็พัดมาก่อนแล้ว
คนชุดดำที่อยู่ในลานบ้าน ต่างก็รู้สึกเสียววาบขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย ขนลุกไปทั้งตัว
ถ้าจอมยุทธคนหนึ่งพัฒนาจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนแหวกน้ำแหวกอากาศได้ ต่อให้อยู่ห่างไปหนึ่งช่วงถนนก็ยังสามารถส่งจิตสังหารมาข่มคนได้
โดยเฉพาะคนที่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างพวกเขา ยิ่งทำให้สัมผัสถึงจิตสังหารแบบนี้ได้ชัดเจนขึ้น
ก็เหมือนกับคนประเภทเดียวกันที่สามารถสัมผัสถึงคนประเภทเดียวกันได้ เมื่อเสือโกรธ เสียงลมกลางภูเขาก็ต้องเกิดเสียงดังด้วยเหมือนกัน ความผิดปกติแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเกิดจากอะไร
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในลานบ้านอย่างช้าๆ
หลินอิ่งมาแล้ว
ชั่วพริบตาเดียว อากาศรอบๆ ก็เหมือนจะหยุดนิ่งไป บรรยากาศรอบๆ กดดันจนถึงสุดขีด
คนชุดดำทั้งสามไม่กล้าจ้องมองดวงตาที่เยือกเย็นจนชวนสิ้นหวังของหลินอิ่ง เอาแต่ก้มหน้า ร่างกายสั่นรัวไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ บรรยากาศอันยิ่งใหญ่ที่ส่งออกจากตัวของหลินอิ่งนั้นทำให้พวกเขาสั่นไปจนถึงวิญญาณ!
“บอกทุกอย่างที่พวกคุณรู้มาให้หมด ไม่อย่างนั้นตาย!”
หลินอิ่งยืนเอามือไขว้หลัง พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย