ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่92 แกกำลังจะดังแล้ว
บทที่92 แกกำลังจะดังแล้ว
“แกได้ยินหรือยัง ต้องรอให้คุณชายหวางเรียกคนมากระทืบใช่ไหม แกถึงจะยอมโอนอ่อน?” ลู่หย่าฮุ่ยหัวเราะเยาะมองหลินอิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แยแส
เธออยากจะให้หวางจื่อเหวินรีบเรียกคนมาจัดการหลินอิ่งจนต้องลงไปนั่งคุกเข่าร้องขอชีวิตซะเดี๋ยวนี้ จะได้ถือโอกาสนี้กำจัดกลิ่นเหม็นสาปให้ออกไปจากบ้านตระกูลจาง
ทำให้หลินอิ่งหัดสำเหนียกตัวบ้างว่า ตัวเองก็แค่พึ่งพาอาศัยผู้หญิงอย่างหวางหงหลิงก็เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องกลับมาส่ายหางขอความเมตตาที่บ้าน แล้วสุดท้ายค่อยถีบมันกระเด็นออกไป
ก่อนหน้านี้ที่ทำเป็นช่วยพูดแทนให้หลินอิ่ง เธอก็ทำเพื่ออยากจะเอาใจหวางจื่อเหวินก็เท่านั้น
ยังไงซะถ้าเธอเป็นฝ่ายออกตัวพูดให้หลินอิ่งยอมแพ้เอง คงจะทำให้หวางจื่อเหวินมองเธอไม่ดีเป็นแน่
“เฮ้ย? เฮ้ย!” หวางจื่อเหวินตะโกนใส่หูโทรศัพท์ สีหน้าท่าทางดูผิดปกติ
นี่มันอะไร? หัวหน้าทีมการ์ดตัดสายของเขา?
บอร์ดี้การ์ดสิบกว่าคนเมื่อกี้ยังเฝ้าอยู่มุมใดมุมหนึ่งของบ้านนี้อยู่เลยไม่ใช่หรอ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?
หวางจื่อเหวินมองหลินอิ่งด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
ให้เขาสู้กับหลินอิ่งตัวต่อตัวเห็นท่าจะไม่รอด ถ้าไม่มีพวกทีมการ์ด เขาจะจัดการเล่นหลินอิ่งให้หมอนี่ยอมคุกเข่าลงได้ยังไง?
“ไง? ไม่มีบอร์การ์ด ก็ตัวยุบขนยุบเลยงั้นสิ?” หลินอิ่งพูดจากวน
“เด็กๆของฉันก็รออยู่ฝั่งโน้นไง!” หวางจื่อเหวินยังแสร้งข่มขู่ “ยิ่งตอนนี้แกปากดีเท่าไหร่ อีกเดี๋ยวจะได้น่าสมเพชมากเท่านั้น!”
“หลินอิ่ง แกมันไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม? ขนาดนี้แล้วยังมาทำอวดดีต่อหน้าคุณชายหวางเขาอีก?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเย็นชา พยายามจะออกหน้าแทนหวางจื่อเหวิน “ตอนที่ฉันมาถึงก็เห็นกลุ่มบอร์ดี้การ์ดของคุณชายหวางรออยู่ฝั่งโน้นแล้ว แกจะต้องให้คนเขาลงไม้ลงมือใช่ไหมถึงจะยอม?”
หวางจื่อเหวินกดโทรออกไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็จ้องไปที่หลินอิ่งด้วยสายตาเย็นเฉียบ หวังจะข่มขู่ให้หลินอิ่งกลัว
ในขณะที่หลินอิ่งมีสีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นชามองไปยังหวางจื่อเหวิน “คุกเข่าก้มหัวลงซะ!”
สายตาคมกริบราวกับมีดของหลินอิ่งทำเอาหวางจื่อเหวินตกใจสะดุ้ง เขาหดหัวลงเล็กน้อย ในใจหวั่นผวา
จู่ๆก็นึกไปถึงภาพของตัวเองครั้งที่แล้วที่ถูกหลินอิ่งเหยียบอยู่บนพื้น
“นี่มึงกล้าขู่กูหรอวะ? มึงมันก็ดีแต่ตอนที่มีหวางหงหลิงอยู่ถึงกล้าโผล่หัวออกมา หลายวันก่อนกูตามหามึงทั่ว หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ไม่รู้มึงไปมุดหัวอยู่หลุมไหน!” หวางจื่อเหวินยังใช้ไม้แข็งเข้าสู่ เขาประกาศกร้าวเสียงเย็นชา “ทางที่ดีตอนนี้มึงรีบขอโทษกูซะ อีกไม่นานบอร์ดี้การ์ดกูก็จะมาแล้ว!”
แม้ว่าสายตาของหลินอิ่งจะเขย่าขวัญอยู่มาก แต่ไอ้หมอนี่มันก็แค่สวะเดินได้ที่อาศัยแต่บารมีหวางหงหลิงก็เท่านั้น
ไม่อย่างนั้น หลายวันที่ผ่านมาหลินอิ่งจะเอาแต่หลบเขาทำไม? ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากลัว?
ตอนนี้ เดาว่ามันก็คงทำตัวพองข่มขวัญคนอื่นไปงั้นแหละ
หลินอิ่งเดินเข้ามาหาหวางจื่เหวินทีละก้าว ใบหน้าไร้อารมณ์
“มึงจะทำอะไร?” หวางจื่อเหวินถาม แล้วรีบกดโทรหาบอร์ดการ์ดอย่างสติแตก
เสียงตื๊ดดังขึ้นครั้งนึง ปรายสายก็มีคนรับ
“อีกหนึ่งนาทีบอร์ดี้การ์ดกูก็จะมาแล้ว! กูจะยืนตรงนี้แหละ ดูซิว่ามึงกล้าต่อยกูไหม?” หวางจื่อเหวินอวดดีอย่างบ้าคลั่ง แค่รอให้วพกเด็กๆรีบเข้ามา วิชาวิทยายุทธ์ก็ช่วยอะไรมันไม่ได้!
ผั๊วะ!
หลินอิ่งสะบัดมือตรงเข้าที่บ้องหูอย่างไม่ลังเล หวางจื่อเหวินหน้าหันไปสามร้อยสบสิบองศา ก่อนจะล้มลงไปนั่งจุมปุ๊เหมือนหมากินอึตัวนึง
ความโกรธเกรี้ยวพรั่งพรูขึ้นทันใด ใบหน้าบวมเป่ง จมูกช้ำ หวางจื่อเหวินเอามือกุมใบหน้าบวมๆของตัวเอง
สีหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห หวางหงหลิงไม่ได้ส่งไอ้นักฆ่าสองคนนั้นมาที่นี่ด้วยซ้ำ ทำไมไอ้สวะเกาะกระโปรงผู้หญิงอย่างหลินอิ่งถึงกล้าต่อยเขา?
นี่เขาโดนไอ้้เวรนี่ซัดหน้าจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้ ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ของฉีโม่!
“กูเอามึงตายแน่!” หวางจื่อเหวินส่งเสียงคำรามในลำคอ
“อ้ะ? หลินอิ่งทำร้ายคุณชายหวางแบบนั้นได้ยังไง? แกทำร้ายคนในบ้านของเรา นี่มันเจตนาฆ่าเลยรู้ไหม!” จางซิ่วเฟิงพูดด้วยความกลัวจะเกิดเรื่องขึ้น
“ขอโทษนะคะคุณชายหวาง หลินอิ่งบ้าไปแล้วแน่ๆถึงได้ทำร้ายคุณ พวกเราคิดไม่ถึงเลยจริงๆ” ลู่หย่าฮุ่ยรีบแก้ตัว รู้สึกหวั่นวิตกไปหมด หลินอิ่งมันเกิดมาเพื่อสร้างความบรรลัยให้คนอื่นอย่างแท้จริง นี่มันกล้าต่อยคุณชายหวางในรั้วบ้าน ไม่ไหวกับมันแล้ว
พลั่ก!
หลินอิ่งจู่โจมเข้ามาดึงร่างของหวางจื่อเหวิน เขาใช้มือข้างเดียวล็อกคออีกฝ่ายไว้ด้วยความรวดเร็ว แล้วดึงร่างทั้งร่างขึ้นมาจนลอยเหนือพื้น
ใบหน้าของหวางจื่อเหวินเปลี่ยนเป็นขาวซีด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับใกล้จะขาดอากาศหายใจเต็มที เขาหายใจไม่ออกอีกต่อไป
เขาเบิกตากว้างมองหลินอิ่งที่มีสายตาเย็นชา ร่างกายสั่นสะท้าน รังศีอำมหิตพร้อมสังหารคนได้ทุกเมื่อ อีกนิดเดี๋ยวเขาก็จะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจตาย!
“แอ๊ะ!”
สีหน้าหวางจื่อเหวินบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ ปากสั่นจนฟันกรามกระทบกันเสียงดัง กลัวจนฉี่ราดกางเกงขนาดนี้ยังกล้าปากดีงั้นสิ
หลินอิ่งขมวดคิ้ว เขาสะบัดขายาวถีบทีนึงก็เอาร่างของหวางจื่อเหวินลอยไปไกลหลายสิบเมตร ก่อนที่ร่างจะหล่นตุบลงบนพื้นอย่างแรง เขากุมคอของตัวเองแล้วสูดหายใจเฮือก ใบหน้าซีดขาว
“นี่มัน? หลินอิ่ง?” ลู่หย่าฮุ่ยแทบไม่อยากเชื่อสายตากับภาพที่เห็นตรงหน้า
“นี่ก็คือคนที่พวกคุณมองว่าเป็นไอ้ตัวไร้ประโยชน์มาตลอดไง? ตกใจจนฉี่ราดกางเกงเลยสิ?” หลินอิ่งมองลู่หย่าฮุ่ยและสามีด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วแสยะยิ้ม
ลู่หย่าฮุ่ยเตรียมจะเอ่ยปากต่อว่า แต่พอเห็นสายตาสังหารของหลินอิ่ง ก็รีบหุบปากทันควัน
หลินอิ่งสาวเท้าเดินเข้าไป แล้วกระชากเนคไทกับสูทของหวางจื่อเหวิน แล้วลากเขาไปกับพื้นเดินจากไป
ลู่หย่าฮุ่ยและสามีมองหน้ากันไปมา ในสายตาของทั้งคู่เผยความตกใจ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว
“ไปค่ะ เราต้องรีบขึ้นไปคุยกับลูกให้รู้เรื่อง หลินอิ่งมันโง่ดักดานขนาดนี้ ยังริอาจใช้หวางหงหลิงมาถือหางตัวเอง ทำจนหวางจื่อเหวินสภาพนี้ อีกไม่นานต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่!” ลู่หย่าฮุ่ยมองตามแผ่นหลังของหลินอิ่งด้วยความผวา กลัวว่าต่อจากนี้หวางจื่อเหวินจะต้องมาแก้แค้นแน่
“แต่? เฮ้อ หวางจื่อเหวินนี่ก็ขายขี้หน้าชะมัด เป็นผู้ชายแท้ๆกลัวจนฉี่ราดกางเกง” จางซิ่วเฟิงพูดถอนหายใจ ตอนแรกนึกว่าจะตกได้ปลาทองตัวใหญ่ ใครจะคิด ที่แท้เป็นคนแบบนี้เอง ไหนจะยังเกิดเรื่องบ้าๆนี่ขึ้นอีก
ที่ระเบียงชั้นสิบกว่า จางฉีโม่สีหน้ายุ่งเหยิง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเธอเห็นชัดเต็มสองตา หญิงสาวจ้องแผ่นหลังของหลินอิ่งที่เดินจากไป
ห้านาทีผ่านไป
หวางจื่อเหวินถูกหลินอิ่งลากมาจนถึงหน้าประตูชุมชนสุ่ยหยวน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็น
“ดูนั่นดิ ผู้ชายคนนั้นสภาพอย่างกับหมาเลยว่ะ หน้าบวมจมูกเขียว แถวยังฉี่ราดกางเกงอีก! ฉี่ไหลมาตลอดทางเลยด้วย!” เด็กหนุ่มคนนึงพูดขึ้นอย่างสอดรู้สอดเห็น เหมือนได้เห็นเรื่องสนุกก็ไม่ปาน ถึงขนาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป
“เฮ้ย? จะอ้วก!” เด็กสาวอีกคนเห็นภาพหวางจื่อเหวินฉี่ราดกางเกง ก็รีบยกมือขึ้นปิดตา แล้วส่งเสียงร้องตกใจ
ไม่นาน คนที่มุงดูอยู่รอบๆก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วหันกล้องไปที่หวางจื่อเหวิน ก่อนจะเผยแพร่ภาพว่อนไปทั่วโลกโซเชียล
“ห้ามถ่ายโว้ย! ใครอนุญาตให้พวกมึงถ่าย กูเป็นถึงหวาง…” หวางจื่อเหวินทั้งโกรธทั้งอาย เขาคำรามใส่ผู้คนรอบๆ แต่ไม่กล้าเอ่ยชื่อตัวเองออกมา
เขาอยากจะมุดหัวเข้าไปหลบในซอกหลีบซะเดี๋ยวนี้!
เมื่อครู่ที่เกือบตายคาน้ำมือของหลินอิ่ง ทำเอาเขาอั้นปัสสาวะอุจจาระไม่อยู่ แต่ใครจะคิดว่าหลินอิ่งยังลากเขาออกมาให้ผู้คนในสุ่ยหยวนหัวเราะเยาะราวกับเป็นตัวตลก ไหนจะถ่ายคลิปอีก
หลังจากนี้ เขาจะเป็นยังไงได้อีก?
หวางจื่อเหวินหน้าแดงก่ำเขาเอามือกุมใบหน้าตัวเองแน่น
“แกกำลังจะดังแล้ว” หลินอิ่งมองหวางจื่อเหวินด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ชายหนุ่มสะบัดร่างของหวางจื่อเหวินกระแทกเข้ากับแลมโบกินี่ เกิดเป็นเสียงดังปึ้ง หวางจื่อเหวินร้องโอดครวญ น้ำหูน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด
“กูจะฆ่ามึง!” จื่อเหวินสบถเสียงต่ำ
แต่ทันทีที่พูดจบ ฝ่ามืออรหันต์ก็ฟาดลงบนหน้า ไม่ใช่ฝ่ามือของหลินอิ่ง แต่เป็นชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างรถ
แลนด์โรเวอร์สีดำเจ็ดแปดคันจอดล้อมแลมโบกินี่ มีเพียงชายบึกบึนสามคนที่เดินลงมา แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหวางจื่อเหวิน
บอร์ดี้การ์ดที่หวางจื่อเหวินพามา ถูกทำร้ายร่างกายจนสภาพเละเทะ ทั้งหมดหลบอยู่หลังรถด้วยร่างกายสั่นเทา…
เห็นดังนั้น หวางจื่อเหวินก็อ้าปากค้าง แววตาหวาดผวา ใกล้จะฉี่แตกอีกรอบ…