ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - ตอนที่84 อาบน้ำฝังเข็ม
ตอนที่84 อาบน้ำฝังเข็ม
จางเยว่พยักหน้า แล้วกดโทรออกหาครอบครัวของเธอ
ปลายสายกดรับอย่างรวดเร็ว เสียงที่ดังขึ้นมานั้นค่อนข้างน่าเกรงขาม : “ฮัลโหล ใครครับ?”
“พ่อ หนูเองค่ะเสี่ยวเยว่” จางเยว่เสียงดังขึ้นมา
“เสี่ยวเยว่ เด็กนี่ จะใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเองอยู่ข้างนอกไม่ต้องการพ่อแล้วใช่ไหม?” ทางปลายสายเมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของจางเยว่ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปตามแบบฉบับคนเป็นพ่อในทันที
“พ่อ–” จางเยว่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก : “อะไรคะที่เรียกว่าใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ลูกสาวของพ่อเกือบจะตายเชียวนะ ตอนนี้ยังคงอยู่ในขึ้นตอนรักษาบาดแผลอยู่ ใช้ชีวิตตามใจตัวเองที่ไหนกัน…..” ว่ามาถึงตรงนี้แล้ว ในใจของจางเยว่นั้นก็เต็มไปด้วยความเขินอาย จะว่าไปจริงๆแล้ว เธออยู่ที่บ้านของหลินหยาง ไม่เพียงแต่กินดีอยู่ดีเพียงเท่านั้น ทุกคืนยังทำอะไรตามใจตัวเองกับหลินหยางแบบนั้น ก็คงจะเหมาะกับประโยคที่พ่อของเธอพูดมาว่าเธอใช้ชีวิตตามใจตัวเองแบบนั้นจริงๆ
“โอเคๆ ลูกอุทิศตัวเองให้กับประเทศสินะแบบนี้ ฟังจากเสียงลูกแล้วอารมณ์ดีอยู่นี่ ตอนนี้ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายฟื้นฟูได้ดีอยู่ใช่ไหม?” เพียงแค่หยอกล้อไปไม่กี่ประโยค คนทางนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงจางเยว่ขึ้นมาในทันที
“ร่างกายหนูฟื้นฟูได้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ หนูเตรียมตัวจะกลับบ้านอีกสามวันข้างหน้านี้นะ” จางเยว่กล่าว
คนทางนั้นได้ยินแล้วก็ชะงักไป แล้วตามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น : “ดีๆ กลับมาเร็วๆนะ อยู่บ้านคืนอื่นแบบนั้นไม่สะดวกหรอก ใช่แล้ว ตอนที่ลูกกลับมาแล้ว พาหมอคนนั้นของลูกมาด้วยนะ พวกเราจะได้ขอบคุณเขาดีๆหน่อย”
“อืม เขาจะไปส่งหนูอยู่แล้วค่ะ” จางเยว่มองหลินหยางอย่างพอใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว จริงสิ ลูกได้บอกเขาหรือเปล่าว่าพ่อทำอะไร?” ทางปลายสายเอ่ยถามเสียงเบา
ถ้าหากเป็นช่วงสองสามวันก่อนหน้านี้ หลินหยางก็คงจะไม่ได้ยินเสียงเบาๆเช่นนี้ แต่หลังจากที่ความสามารถของเขาบรรลุบทหลงเฟิ่งเจว๋ระดับกลางแล้วนั้น คำพูดเหล่านี้เขาสามารถได้ยินโดยไม่ตกหล่นไปเลยแม้แต่คำเดียว
หลินหยางหูผึ่ง เขาอยากจะฟังว่าสรุปแล้วพื้นหลังของครอบครัวจางเยว่นั้นจะเป็นอย่างไรกันแน่
“เปล่าค่ะ หนูจะพูดเรื่องนี้ออกไปทำไมกัน?” จางเยว่เอ่ยตอบกลับไปเบาๆ
“ยังไม่ได้พูดก็ไม่ต้องพูดออกไปหรอก ถ้าอย่างนั้นอีกสามวันพ่อรอลูกกลับมานะ!” ทางปลายสายหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าพอใจมากกับวิธีที่จางเยว่จะได้กลับมาบ้านเสียที
“อืม โอเคค่ะ” จางเยว่เอ่ยพูดกับพ่ออยู่ครู่ใหญ่ๆ ถึงได้ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้กับหลินหยาง จากบทสนทนาของทั้งสองคนนั้นหลินหยางไม่ได้ยินถึงข้อมูลที่มีประโยชน์เลย จึงทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆแล้วรับโทรศัพท์มือถือมา
และเวลานี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นมา หลินหยางและจางเยว่จึงหันไปมอง พบว่าฉีหวนพาหลานสาวของเธอมาหาเขานั่นเอง
“เหล่าฉีมาเร็วจังครับ” หลินหยางยิ้มพลางเดินออกไปต้อนรับ
“ไม่หรอก รู้ว่าเธอจะรักษาอาการป่วยของเยนเอ๋อร์ได้ สองวันนี้ตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับ นี่ไม่เร็วเกินไปหรอกที่พาเยนเอ๋อร์มาน่ะ” ฉีหวนหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น
หลินหยางได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยพูดขึ้น : “เหล่าฉีก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ”
“อันนี้ก็รู้แหล่ะ แต่สองวันนี้ดีใจมากจริงๆ” ฉีหวนหัวเราะแล้วเดินเข้าบ้านไปกับหลินหยาง
รินน้ำให้กับหลานสาวและจางเด๋อคนขับรถแล้วนั้น หลังจากที่ฉีหวนเอ่ยขอบคุณแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้น : “เสี่ยวหยาง ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะรักษาอย่างไร?”
ตอนที่เข้ามานั้น หลินหยางมองพิจารณาสีหน้าของฉีเยนเอ๋อร์อยู่ตลอด การฟื้นฟูหนึ่งสัปดาห์ ทำให้สีหน้าของเธอดูมีความมันวาวมากขึ้น แววตาที่เซื่องซึมในตอนแรก ก็จางหายไปมาก การรักษาครั้งที่แล้วถือว่าได้ผลดีมาก
“ดูจากสีหน้าของคุณฉีแล้ว การรักษาในครั้งที่แล้วถือว่าได้ผลดีมากครับ ไม่ทราบว่าคุณฉีรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?” หลินหยางมองฉีเยนเอ๋อร์พลางเอ่ยถาม
“รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายมากกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ เดิมทีจะหลับไม่ลึก ช่วงนี้หลับสบายมาก สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมากด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉีเยนเอ๋อร์บอกข่าวดีนี้ออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็สามารถเข้าสู่การรักษาขึ้นตอนต่อไปได้แล้วครับ อวัยวะภายในทั้ง5ของคุณฉีอ่อนแอ ตอนนี้ฟื้นฟูได้เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว ครั้งนี้จะต้องกำจัดสิ่งที่เจือปนอยู่ภายในเลือดออก ถ้าหากครั้งนี้ทำสำเร็จ ต่อไปเพียงแค่บำรุงรักษาให้สมเหตุสมผล การจะหายเป็นปกติก็ไม่เป็นปัญหาครับ”
ได้ยินที่หลินหยางบอกนั้น ในใจของฉีหวนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา สีหน้าแดงๆนั้นเอ่ยขึ้น : “ดีเลย ไม่รู้ว่าเสี่ยวหยางจะเริ่มรักษาเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้ก็ได้ครับ” หลินหยางตอบ
“ครั้งที่แล้วที่ผมโทรไปขอยา พวกคุณเอามาด้วยหรือเปล่าครับ?” หลินหยางยิ้มพลางเอ่ยถาม สองวันก่อนเขายังโทรไปหาฉีหวน ให้เขาเตรียมยามาด้วย
“เตรียมเอาไว้หมดแล้วล่ะ จางเด๋อ ไปเอายาเข้ามาที” ฉีหวนว่าพลางโบกมือ
จางเด๋อตอบรับ แล้วจึงรีบวิ่งไปที่รถ แล้วหยิบห่อพัสดุห่อหนึ่งออกมา เปิดของที่อยู่ภายใน ล้วนแต่เป็นยาที่กำจัดพิษทั้งสิ้น ยาเหล่านี้ส่วนมากล้วนแต่เป็นยาธรรมดาๆ ยาที่โด่งดังก็จะมีเพียงแค่ห่อสิ่วโอวเพียงเท่านั้น
“วิธีการรักษาครั้งนี้กับครั้งที่แล้วจะไม่เหมือนกันนะครับ ครั้งนี้จะต้องอาบยาก่อน” หลินหยางลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก แล้วเดินเข้าไปหนึ่งในห้องทางทิศตะวันออก
ห้องนี้เป็นห้องเอนกประสงค์ หลินหยางจะเข้ามาน้อยครั้งมาก แต่ทุกครั้งที่เข้ามาก็จะทำความสะอาดด้านในห้อง ดังนั้นด้านในห้องจึงค่อนข้างสะอาด ตรงมุมกำแพงของห้องนั้นมีถังไม้ใบใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่ ความสูงประมาณเมตรกว่าๆ และกว้างครึ่งหนึ่งของความสูง
มองดูถังไม้ขนาดใหญ่นี้ ฉีเยนเอ๋อร์กระพริบตาพลางเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย : “คงจะไม่ได้ให้ฉันลงไปแช่ตัวลงในนี้หรอกนะคะ?”
“ถูกต้องครับ เข้าไปอาบในนี้ แต่น้ำที่จะอาบนั้นจะต้องพิถีพิถันเสียหน่อย จะเป็นที่จะต้องผสมยาเข้าไปด้วยครับ” หลินหยางเอ่ยขึ้นมา เมื่อออกแรงก็หยิบถังนั้นขึ้นมากอดไว้ได้อย่างสบายๆ
เมื่อเห็นหลินหยางอุ้มถังไม้ใบนั้นเดินออกมาด้านนอก ฉีหวนและจางเด๋อคนขับรถสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งคู่พบสายตาที่ตกใจและประหลาดใจของอีกฝ่าย
ถังไม้ใบนี้มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นไม้จริง ถังใบใหญ่ขนาดนั้น อย่างน้อยๆก็คงจะหนักเป็นร้อยกว่าชั่ง ไม่คิดว่าหลินหยางแทบจะไม่ต้องออกแรงมากก็สามารถยกถังใบนั้นขึ้นมาได้แบบนี้ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
เอาถังไม้ใบนั้นมาวางไว้ข้างๆบ่อ และหลังจากที่ทำความสะอาดล้างถังให้สะอาดแล้วนั้น ก็เดินอุ้มถังใบนั้นเข้าไปยังห้องทางทิศตะวันออก
ถังไม้วางลงเรียบร้อยแล้ว หลินหยางจึงเอาหม้อใบใหญ่ที่อยู่ในบ้านออกมา ล้างสะอาดและหลังจากที่ใส่น้ำลงไปเต็มแล้วนั้น จึงเริ่มจุดไฟขึ้น
ตามด้วยหลินหยางที่หยิบยาออกมา แล้วบดยานั้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บดจนเป็นผงละเอียดแล้วนั้น หาหม้อเล็กมาเติมเหล้าลงไปเล็กน้อยแล้วก็ต้มยา
คนอื่นๆที่ยืนมองอยู่รอบๆนั้นทำได้เพียงแค่มอง ไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมารบกวน และประมาณสิบนาที น้ำในหม้อใบใหญ่นั้นก็เดือดขึ้นมาแล้ว เนื่องจากครั้งนี้เป็นเพียงแค่การผสมยา ไม่ใช่การกลั่นยาเป็นเม็ดๆ ดังนั้นเวลาที่ใช้นั้นจะไม่นานมาก ใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่านาที หลินหยางก็เตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว
เขานำเอาน้ำในหม้อใหญ่นั้นเทลงในถังไม้ทั้งหมด หลินหยางเอาน้ำยาเทลงในน้ำ น้ำเปล่าในตอนแรก ได้ถูกน้ำยาที่เทลงไปเปลี่ยนน้ำให้เป็นสีฟ้าไปแล้ว ด้านบนมีกลิ่นหอมอ่อนๆลอยขึ้นมา ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ
“คงจะไม่ได้ให้ฉันลงไปทั้งแบบนี้เลยใช่ไหมคะ?” มองดูน้ำในหม้อที่เดือดๆอยู่นั้น ฉีเยนเอ๋อร์พูดขึ้นด้วยความรู้สึกกลัว
“ถ้าหากคุณยอมก็สามารถลองดูได้นะครับ เพราะถึงอย่างไรผมเองก็ไม่กล้าเหมือนกัน” หลินหยางเหลือบมองฉีเยนเอ๋อร์แวบหนึ่ง แล้วหยิบหม้อใบใหญ่นั้นออกไป ใส่น้ำเต็มแล้วก็ต้มน้ำต่อ รอจนหลังจากที่น้ำร้อนหม้อนั้นเทลงไปในถังไม้แล้ว น้ำในถังไม้ก็มีประมาณที่มากแล้วเช่นกัน
หลินหยางถือถังน้ำใบเล็กมา แล้วค่อยๆเอาน้ำเย็นที่อยู่ด้านในถังค่อยๆเทลงไป มือซ้ายก็ยังคงคนอยู่ในถังไม้นั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อดูอุณหภูมิน้ำ รอจนเมื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำได้ที่แล้ว หลินหยางจึงเอ่ยขึ้น : “พวกคุณออกไปก่อนเถอะครับ คุณฉี เริ่มได้แล้วครับ”
ฉีเยนเอ๋อร์มองดูน้ำสีฟ้านี้ ถึงแม้ว่าจะดูดีแต่ทางด้านบนก็ยังคงมีไอร้อนลอยอยู่ เธอยื่นมือออกไปลองอุณหภูมิของน้ำแล้วเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “ยังร้อนอยู่เลยนะคะ”
“เยนเอ๋อร์ ฟังเสี่ยวหยางเถอะ หมอบอกอะไร เธอก็ทำอย่างนั้น” ฉีหวนที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
ถึงแม้ว่าปกติแล้วคุณปู่จะรักตัวเธอเองมาก แต่ถ้าหากเขาเอาจริงเอาจังขึ้นมาจริงๆ ฉีเยนเอ๋อร์เองก็จะรู้สึกกลัวอยู่บ้างเหมือนกัน เห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของคุณปู่ตัวเองแล้วนั้น เธอจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ถ้าอย่างนั้นคุณปู่ออกไปก่อนนะคะ หนูจะฟังที่หลินหยางบอกค่ะ”
เมื่อเห็นว่าหลานสาวรับปากแล้วนั้น ฉีหวนจึงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วจึงหันกลับไปหาหลินหยาง : “เสี่ยวหยาง ถ้าหากว่าเยนเอ๋อร์ไม่ฟังเธอ เธอก็ออกมาบอกฉันเลยนะ ฉันจะจัดการเอง”
ว่าดังนั้นแล้วฉีหวนจึงเดินออกไป หลินหยางจึงได้ล็อคประตูห้องเอาไว้ มองดูฉีเยนเอ๋อร์แล้วเอ่ยขึ้น : “เอาล่ะครับ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ รีบเข้ามาเถอะครับ”
ฉีเยนเอ๋อร์มองหลินหยางแวบหนึ่ง แล้วค่อยๆถอดเสื้อยืดออก แล้วตามด้วยกางเกงยีนส์ และไม่นานร่างกายของเธอนั้นก็ไม่ปรากฏอะไรอยู่เลย หน้าอกที่ตั้งสูงตระหง่านขึ้นมานั้น ช่างน่ายั่วยวนยิ่งนัก
“รีบเข้าไปเถอะครับ ถ้าหากครั้งนี้ราบรื่นล่ะก็ อาการป่วยของคุณก็จะหายแล้วนะ” หลินหยางชี้ไปยังถังไม้
การดึงดูดใจของการที่จะหายจากอาการป่วยนั้นนับว่ายังคงมีอยู่มาก ได้ยินดังนั้นแล้วฉีเยนเอ๋อร์จึงไม่ลังเลอีกต่อไป ยืนอยู่ตรงด้านข้างถังไม้นั้น แล้วยกขาขึ้นเพื่อที่จะก้าวเข้าไปในถัง และเมื่อขาที่แยกออกจากกันนั้น ทิวทัศน์ของถ้ำนั้นก็ได้ปรากฏเข้าสู่สายตาของหลินหยาง เขาเพียงรู้สึกแค่ว่าไฟในร่างกายของเขานั้นกำลังจะปะทุออกมาแล้ว
ถึงแม้ว่าภายนอกของฉีเยนเอ๋อร์จะดูอ่อนแอ แต่ภายในนั้นเธอเข้มแข็งมาก อุณหภูมิของน้ำที่สูงมากระทบตัวเธอนั้น เธอก็เพียงแค่ขมวดคิ้วขึ้น แล้วกัดฟันค่อยๆนั่งลงในถังไม้ใบนั้น
มองดูท่าทางที่มุ่งมั่นของฉีเยนเอ๋อร์ หลินหยางพยักหน้าขึ้น ปากก็เอ่ยชื่นชมเธอ : “คุณเก่งมากจริงๆครับ ผมยังคิดว่าคุณจะลำบากกว่านี้เสียอีก”
“ฉันแช่อยู่ในนี้ก็พอแล้วใช่ไหมคะ?” เมื่อปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิน้ำได้แล้วนั้น ฉีเยนเอ๋อร์ขมวดคิ้วมองไปยังหลินหยางพลางเอ่ยถาม
“อืม คุณเพียงแค่นั่งแช่อยู่ในนั้นก็พอครับ” หลินหยางพยักหน้า
ได้ยินดังนั้นแล้วฉีเยนเอ๋อร์ก็มีสีหน้าแดงระเรื่อขึ้น เธอจ้องไปยังหลินหยางแล้วเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นคุณยังจะอยู่ที่นี่ทำไมอีกคะ? ตั้งใจจะอยู่ดูร่างกายฉันเอาเปรียบฉันใช่ไหม?”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วหลินหยางก็รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังเข้าใจเขาผิด จึงรีบอธิบาย : “คุณนั่งอยู่ในนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ต้องทำอะไรนี่ครับ ผมยังจะต้องฝังเข็มในน้ำให้คุณอีก คุณคิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้เลยหรือ?”
ฉีเยนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นแล้วใบหน้าที่สวยงามนั้นกลับแดงขึ้นมาอีกรอบ จึงพึมพำออกมาเบาๆ : “ใครให้คุณพูดไม่ชัดเจนกันล่ะ แล้วจะฝังเข็มให้ฉันเมื่อไหร่คะ?”
“ตอนนี้ครับ” ว่าแล้วหลินหยางก็มายืนอยู่ตรงด้านหน้าของฉีเยนเอ๋อร์ แล้วถอดเสื้อออก
“คุณจะทำอะไรน่ะ?” เห็นหลินหยางที่ถอดเสื้อออกมานั้น ฉีเยนเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างตกใจ
“ฝังเข็มให้คุณ ก็ต้องเข้าไปอยู่ในถังกับคุณสิ ไม่อย่างนั้นคุณจะให้ผมเจาะรูจากข้างนอก แรงอาจจะไม่ได้ หรือหากถ้าเกิดผมฝังผิดจุดขึ้นมา การรักษาของคุณในช่วงก่อนหน้านี้ก็สูญเปล่าเลยนะครับ” หลินหยางเอ่ยพูดถึงความรุนแรงนี้กับเธอ
เดิมทีที่ถูกหลินหยางมองเห็นทุกส่วนของร่างกายไปหมดแล้ว เธอเองก็รู้สึกอาย ไม่คิดว่าตอนนี้จะได้มาอาบน้ำร่วมกันกับเขาอีก อายุขนาดนี้แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้อาบน้ำกับผู้ชาย
หลังจากที่หลินหยางถอดกางเกงชั้นในแล้วนั้น ฉีเยนเอ๋อร์ก็หน้าแดง ตาของเธอก็มองไปตรงหว่างขาของเขา เมื่อมองแล้วก็เหมือนจะยิ่งอาการหนัก หัวใจของเธอนั้นเต้นแรงมากเหลือเกิน
“เสี่ยวหยาง ทำไมตรงนี้ของคุณถึงได้ใหญ่ขนาดนี้กัน จะใหญ่เท่าแขนฉันอยู่แล้ว” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ หัวใจยังคงเต้นแรงอยู่ตลอด
หลินหยางหัวเราะพลางก้าวเข้าไปในถังไม้ แล้วหยิบกล่องเข็มออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “ร่างกายแข็งแรงก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ คุณพร้อมแล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้วผมจะฝังเข็มลงให้คุณแล้วนะครับ”
“คุณเริ่มได้เลยค่ะ” มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ฉีเยนเอ๋อร์เองก็รู้ว่าถึงแม้ว่าหลินหยางจะอายุยังน้อย แต่ฝีมือทางการแพทย์ของเขานั้นดีมาก
หลินหยางได้ยินดังนั้นแล้วก็ไม่ได้เมินเฉย เป็นครั้งแรกที่เขาฝังเข็มในน้ำแบบนี้ แต่ความสามารถที่เข้าสู่ระดับกลางแล้ว การฝังเข็มก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างสบายมือมากเช่นกัน การฝังเข็มในน้ำจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
เข็มเงินไล่ขึ้นไปตามนิ้วเท้า ไม่นานขาทั้งสองข้างของเธอก็เต็มไปด้วยเข็มเงิน มองดูร่างกายท่อนล่างของเธอที่ฝังเข็มไปเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น หลินหยางจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างๆฉีเยนเอ๋อร์ ปากก็เอ่ยว่า : “ผมจะฝังเข็มทางด้านบนของร่างกายคุณให้นะ คุณนั่งอยู่เฉยๆไม่ต้องขยับ ผมจะผลักตัวคุณไปทางด้านหน้าหน่อย ส่วนผมจะนั่งอยู่ทางข้างหลังคุณ”
ตอนที่หลินหยางเดินไปทางฉีเยนเอ๋อร์แล้วนั้น สิ่งนั้นก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธออย่างชัดเจน อยากจะหลับตาไม่ต้องมอง แต่ก็ยังคงลืมตาจ้องมองด้วยความสงสัย
“นั่งดีๆนะครับ” หลินหยางว่าพลางใช้มือที่แข็งแรงของเขายกสะโพกของฉีเยนเอ๋อร์ขึ้นด้วยมือเพียงมือเดียว อีกมือหนึ่งก็ประคองไหล่ของเธอเอาไว้ แล้วผลักตัวเธอไปทางด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้เหลือพื้นที่เล็กๆตรงกลางเอาไว้ แล้วหลินหยางก็นั่งลงตามไปด้วย
ดาบที่ยื่นออกมาของคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังเธอ ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสโดนหลังของเธอ
เมื่อรับรู้ถึงสิ่งนั้นที่มาโดนหลังของตัวเองนั้น ใบหน้าที่สวยงามของฉีเยนเอ๋อร์นั้นราวกับเมฆที่อยู่ทางทิศตะวันตก เป็นสีแดงไปกว่าครึ่งท้องฟ้าแล้ว