ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - ตอนที่86 รถหรูคันแรก
ตอนที่86 รถหรูคันแรก
รอจนหลินหยางซื้อกับข้าวมาแล้ว และหลังจากที่ทุกคนต่างพากันรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ฉีหวนที่เอาแต่ซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ของเขานั้น จนในที่สุดก็ออกไปจากบ้านของหลินหยาง
ค่าธรรมเนียมในการรักษาห้าแสน สำหรับหลินหยางในตอนนี้แล้วนับว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากแล้วจริงๆ ดังนั้นที่เขาได้ยินฉีเยนเอ๋อร์บอกเอาไว้ว่าเดิมทีแล้วพวกเขากะจะให้เงินเขาอย่างน้อยๆก็ห้าล้าน ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเช่นกัน
“เสี่ยวหยาง พวกเขาจะให้เธอห้าล้านเชียวนะ แต่คุณต้องการเพียงห้าแสน ทำไมคุณไม่เรียกให้มากกว่านี้หน่อยล่ะ?” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เงินของตัวเอง แต่ในใจของจางเยว่เองก็รู้สึกเสียดาย
“ถ้าหากคุณไปหาหมอแล้วค่ารักษาห้าแสนบาท เยอะหรือเปล่าครับ?” หลินหยางมองจางเยว่อย่างขำๆพลางเอ่ยถาม
“อืม เป็นจำนวนมหาศาลเลยล่ะ”
“สำหรับคุณเงินห้าแสนเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากแล้ว สำหรับผมเองที่เป็นเหมือนเต่าที่อยู่ในกระดอง เงินห้าแสนก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากแล้วเหมือนกัน เงินแค่นี้ผมเองก็พอใจแล้ว สามารถได้รับตามราคาที่เราตั้งไว้ตั้งแต่แรก ก็ควรจะดีใจสิครับ ไม่ต้องไปตามหาเงินห้าล้านนั้นให้มันยุ่งยากหรอกครับ” หลินหยางเอ่ยขึ้นด้วยจิตใจที่แน่วแน่ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งใด
ในเมื่อเงินก้อนนี้ไม่ใช่ของตัวเอง จางเยว่จึงไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก อีกทั้งสิ่งที่หลินหยางพูดออกมานั้นก็มีเหตุผล จางเยว่เพียงแต่มองหลินหยางอย่างชื่นชม แล้วจึงก้มหน้าลงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“เยนเอ๋อร์ เมื่อกี้นี้ที่เธอพูดกับหลินหยาง ว่าพวกเราตั้งใจจะให้ค่ารักษาเขาห้าล้านอย่างนั้นหรือ?” ฉีหวนมองหลานสาวของตัวเองพลางเอ่ยถาม
ฉีเยนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า : “ค่ะ แต่เหมือนหลินหยางจะไม่สนใจ”
เอ่ยคำพูดของหลินหยางออกมาอีกครั้งให้ฟังแล้ว ฉีหวนได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าติดๆกัน : “เสี่ยวหยางคนนี้ไม่เลวเลยนะ มีค่าพอที่จะให้ทำเราทำความรู้จักและมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นได้”
ทางด้านจางเด๋อที่กำลังขับรถอยู่นั้น ได้ยินแล้วนั้นแขนของเขาก็เกิดอาการสั่นอย่างไม่รู้ตัว เจ้านายของเขาเป็นใคร? บุคคลอาวุโสที่เป็นที่เคารพแห่งเมื่องนี้ มีอิทธิพล ไม่คิดว่าจะให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่ง ทั้งยังบอกว่าเขามีค่าพอที่จะทำความรู้จักอีกเสียด้วยอย่างนั้น
ต่อไปตัวเองได้เจอกับหลินหยางแล้ว จะต้องคอยปรนนิบัติเขาให้ดี คนที่สามารถจะมาเป็นคนขับรถให้กับคนอย่างฉีหวน แต่ละคนล้วนจะต้องเป็นคนฉลาดว่องไว ไม่นานก็สามารถรับรู้ได้ถึงความสำคัญของหลินหยาง
“คุณปู่ เงินห้าแสนนั่นก็โอนเข้าบัญชีของเขาก็ได้รึเปล่าคะ ทำไมยังจะต้องเอามาให้เขาเองอีก?” ฉีเยนเอ๋อร์กระพริบตาพลางเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างที่อยู่ในรถ
“เหอะๆ เขาต้องการห้าแสน ฉันก็จะต้องให้เขาแค่ห้าแสนอย่างนั้นหรือ? เวลาผ่านไปในใจของเขาจะต้องรู้สึกไม่พอใจแน่ๆ วันนี้ที่ฉันให้เขาขับรถไปซื้อกับข้าวมา ก็อยากจะรู้ว่าเขาจะขับรถเป็นหรือเปล่า พรุ่งนี้ตอนที่มา ก็จะให้รถเขาไปเลยหนึ่งคัน” ฉีหวนหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “ทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวหยาง มีค่าพอที่เราจะได้ไปทำความรู้จักให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นได้ ต่อไปหากใครประสบอุบัติเหตุที่เหนือความคาดหมาย หากรู้จักและสนิทกับเขาแล้ว บางทีอาจจะมีหลักประกันเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้”
ฉีเยนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า แล้วร่วมกันคิดวางแผนว่าจะให้รถอะไรกับหลินหยางอยู่กับคุณปู่ของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น หลินหยางฝึกเขียนตัวอักษรเสร็จแล้วนั้น ก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้านเป็นเพื่อนจางเยว่ อากาศในหมู่บ้านนั้นบริสุทธิ์มาก ปราศจากควันฝุ่นกลิ่นผิดปกติอื่นๆ จางเยว่เดินมาข้างๆหลินหยาง ในใจนี้ไม่คิดว่าจะมีความรู้สึกสั่นๆเกิดขึ้นมา ราวกับได้กลับไปในช่วงชีวิตวัยหนุ่มสาวอีกครั้ง
คนในหมู่บ้านเองก็ค่อยๆรับรู้ได้ถึงความงามของตำรวจสาวคนนี้ คนในหมู่บ้านบางคน เห็นทั้งสองคนออกมาเดินเล่นด้วยกัน ต่างก็พากันอุทานว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถและหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวย จึงหยอกล้อกัน : หลินหยาง พาสะใภ้ออกมาเดินเล่นหรือ?
และเวลาที่มีคนหยอกล้อเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจางเยว่จะหน้าแดง แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร กลับรู้สึกเขินอายเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นการยอมรับคำเรียกว่าสะใภ้เช่นนี้ด้วยเช่นกัน
เดินไปรอบหนึ่ง หลินหยางก็เห็นรถสองคันที่มุ่งตรงไปยังบ้านของตัวเอง รถคันข้างหน้านั้นเป็นรถของฉีหวน ส่วนรถคันที่อยู่ข้างหลังนั้นใหม่มาก คงจะเป็นรถที่ซื้อมาใหม่นั่นเอง
รู้สึกแปลกใจว่าใครมา หลินหยางจึงจูงมือของจางเยว่ แล้วเดินมาหยุดลงตรงหน้าของเหล่าฉี
หลังจากที่เห็นว่าคนที่ลงมาจากรถคันใหม่เป็นใครนั้น ในใจของหลินหยางเองก็ถึงกับรู้สึกอึ้งไป ไม่คิดว่ารถคันหลังนั้นจะเป็นฉีเยนเอ๋อร์ที่เป็นคนขับมา
“ทักษะการขับรถไม่เลวเลยนี่ครับ ทางเล็กๆแบบนี้ยังขับเข้ามาได้” หลินหยางเห็นว่าเป็นฉีเยนเอ๋อร์จึงเอ่ยชมขึ้น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันขับมาตั้งหลายปีแล้วต่างหาก” ฉีเยนเอ๋อร์ที่โดนหลินหยางเอ่ยชมนั้น ก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที
“เสี่ยวหยาง เงินโอนเข้าในธนาคารของเธอแล้วนะ” ฉีหวนทักทายกับหลินหยางอยู่สองสามประโยค แล้วจู่ๆก็เอ่ยบอกกับเขา
หลินหยางได้ยินดังนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เห็นว่ามีข้อความหนึ่งจากธนาคารที่ส่งมา จึงกดดู ปรากฏเงินที่โอนเข้ามาเป็นจำนวนห้าแสนหยวน จึงพยักหน้ารับและเอ่ยขึ้น : “ได้รับแล้วครับ เหล่าฉี เงินก็โอนเข้ามาให้แล้ว ทำไมถึงยังได้มาที่นี่ด้วยตัวเองอีกล่ะครับ ไม่ทราบว่าเหล่าฉีมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า?”
“จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ให้ค่ารักษากับเธอเป็นเงินจำนวนมากเกินไป ก็ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบเดิมๆ เธอเอ่ยปากออกมาว่าต้องการห้าแสน เราก็ไม่ได้ให้เธอมากไปกว่านั้น แต่เมื่อเห็นเธอโตขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่มีพาหนะในการเดินทาง รถคันหลังคันนั้น ถือว่าเป็นของขวัญให้เธอแล้วกันนะ” ฉีหวนเอ่ยบอกกับเขา
ถึงแม้หลินหยางจะไม่มีรถ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ชอบรถ เวลาปกติที่ไม่มีอะไรทำ เขาจะเข้าไปดูในเว็บไซต์ว่ามีรถหรูอะไรบ้าง คันที่อยู่ข้างหลังคันนั้น ถ้าหากตัวเองไม่ได้ดูผิด คันนั้นคือออดี้รุ่นใหม่R8ExclusiveSelection มูลค่าของรถคันนี้ ราคาตลาดก็ปาเข้าไปล้านกว่าแล้ว ถ้าหากตกแต่งด้วยอีก ราคาก็คงจะสูงกว่านั้น
ส่วนจางเยว่ที่อยู่ข้างๆนั้น กลับยิ่งอ้าปากค้างไปเสียอย่างนั้น เป็นตำรวจหญิงมานาน สำหรับรุ่นแต่ละประเภทของรถยนต์ในสังคมนี้นั้น เธอมีความรู้อย่างกระจ่างชัดเจนอยู่แล้ว รถหรูแบบนี้ ให้หลินหยางได้อย่างง่ายดาย ทำให้คนนอกอย่างเธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างไม่เหมือนจริงเลยเสียอย่างนั้น
“นี่ผมจะเอามาใช้ได้อย่างไรกันครับ จะรับสิ่งที่ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แล้วจะมารับรถคันนี้ของเหล่าฉีอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ ผมไม่สบายใจหรอกครับ” หลินหยางส่ายหน้าเพื่อเป็นการปฏิเสธ
เห็นว่าหลินหยางไม่ยอมรับ แววตาที่ปรากฏความชื่นชมในขณะเดียวกันนั้นฉีหวนเองก็รู้สึกร้อนใจด้วยเช่นกัน
“เด็กน้อย นี่จะบอกว่าไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองได้อย่างไรกัน? เธอรักษาอาการป่วยของเยนเอ๋อร์ได้ นี่ก็เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ของเธอแล้ว แล้วอีกอย่างระหว่างพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องเกรงอกเกรงใจกัน ฉันเห็นว่าเธอเป็นเหมือนลูกหลานของตัวเองถึงได้ให้รถคันนี้เป็นของขวัญกับเธอ ผู้ใหญ่ให้ของขวัญเด็ก ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?” ฉีหวนอธิบายอย่างอดทน
“ใช่ค่ะ คุณเป็นหมอขั้นเทพขนาดนี้ แม้แต่พาหนะในการเดินทางยังไม่มีเลย พูดออกไปจะไม่อายคนอื่นเขาหรือ?” ฉีเยนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นอย่างหยอกล้อ
จางเด๋อที่เห็นฉีหวนส่งสายตามาเป็นสัญญาณให้กับตัวเอง จึงช่วยพูดด้วยอีกแรง : “เสี่ยวหยาง เหล่าฉีให้เธอ เธอก็รับไว้เถอะนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นผู้ชายมีรถขับ เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนต่างก็พากันพูดเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดหลินหยางจึงยิ้มอย่างฝืนๆออกมา : “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าหากผมไม่รับก็จะกลายเป็นว่ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นไป ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
เห็นหลินหยางตบปากรับคำแล้วนั้น ฉีหวนจึงยื่นกุญแจรถส่งให้กับหลินหยางด้วยความรู้สึกพอใจ
“ในไม่พวกคุณมาถึงที่นี่กันแล้ว ก็คงจะให้พวกคุณกลับไปแบบนี้ไม่ได้ นี่คือครีมแผลลาย ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งขวดให้เยนเออร์แล้วกันนะครับ ส่วนนี่ของเหล่าฉีและของคุณอาจางครับ” หลินหยางเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบทั้งสามขวดนี้ออกมาแบ่งให้กับทั้งสามคน
“อันนี้คืออะไรหรือ?” ฉีหวนหยิบขวดที่อยู่ในมือมาพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย จางเด๋อเองก็มีแววตาสงสัยด้วยเช่นกัน
หลินหยางได้ยินดังนั้นจึงไปกระซิบที่ข้างหูของฉีหวนและจางเด๋อ : “นี่คือยาชูกำลังที่ผมให้หารซิ่นไปวันนั้นครับ มีส่วนช่วยร่างกายของเรามาก อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงด้วยครับ”
ฉีหวนได้ยินแล้วหน้าแดงเล็กน้อย แล้วรับมาไว้พลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณเสี่ยวหยางแล้วล่ะ”
สำหรับยานี้ ก่อนหน้านี้ฉีหวนก็อยากจะได้ซักหนึ่งเม็ด อายุของเขาเองก็ไม่น้อยแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้หลินหยางเป็นฝ่ายเอามาให้เขาเอง นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างไม่คาดคิด
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วนั้น ฉีหวนก็พาจางเด๋อและฉีเยนเอ๋อร์กลับออกมา ทิ้งไว้เพียงแค่รถออดี้R8สีดำ
“นี่มันหรูหรามากจริงๆนะ!” หลังจากที่ฉีหวนและคนอื่นๆกลับไปแล้วนั้น จางเยว่ก็มองพิจารณาไปรอบๆทั้งคันรถ ด้วยท่าทางที่เหมือนกับเต่าอยู่ในกระดองอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าหลินหยางจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่แววตาของเขาก็ปรากฏความชื่นชอบออกมาเช่นกัน รถรุ่นนี้มีรูปแบบที่สร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เป็นรถคันหรูเสียจริงๆ
“ทะเบียนรถคันนี้ หมายเลข521เชียวนะ! ครั้งนี้ท่านหมดเงินไปไม่น้อยเลยนะ” ในฐานะที่เป็นตำรวจ เธอรู้อยู่แล้วว่าทะเบียนรถแบบนี้ได้มาง่ายๆเสียที่ไหน
หลินหยางมองดูที่ทะเบียนรถ เป็นตัวเลข 521 จริงๆ ในใจก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ถึงแม้หลินหยางจะดูนิ่งๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นวัยรุ่น มองดูความฟุ้งเฟ้อเล็กๆน้อยๆนี้ รถหรูที่ทันสมัยเช่นนี้ หากขับออกไปก็คงจะดูมีหน้ามีตาจริงๆ
“อยากจะนั่งไปเที่ยวซักรอบสองรอบจัง” จางเยว่อุทานออกมาแล้วเข้าไปนั่ง
“อยากจะนั่ง พรุ่งนี้ผมจะขับรถคันนี้ไปส่งคุณกลับบ้านแล้วกันนะ” หลินหยางกล่าว
“จริงหรือ เธอแน่ใจนะ?” แววตาของจางเยว่เป็นประกายด้วยความตกใจ
“แน่นอนสิครับ จะโกหกคุณทำไม จะได้ลองรถด้วยว่ารถคันนี้จะขับดีหรือเปล่า ที่นี่มีแต่ถนนลูกรัง ขับไปก็ไม่สบายอยู่ดี” หลินหยางเอ่ยขึ้น
จางเยว่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับ แล้วอยู่ศึกษารถคันนี้ด้วยกันกับหลินหยางซักพักหนึ่ง แล้วจึงกลับเข้าไปในห้อง
เวลาหนึ่งวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้หลังจากที่นวดให้ลั่วหยิ่งเสร็จแล้วนั้น หลินหยางหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “เสี่ยวหยิ่ง สองวันนี้ผมจะต้องไปส่งจางเยว่กลับบ้าน ถ้าหากเธอยังไปเก็บต้นหญ้ากรดน้ำล่ะก็ กลับมาก็เอาไปแช่น้ำไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วก็เอาไปตากไว้บนหลังคา ถ้าหากแดดออกตากเอาไว้แค่วันเดียวก็เก็บได้แล้ว แต่ถ้าหากฟ้าครึ้มๆหน่อยก็ตากเอาไว้สองวันแล้วค่อยเก็บนะ”
“ไปพรุ่งนี้ใช่ไหม?” ลั่วหยิ่งที่ถูกหลินหยางนวดอยู่นั้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอันแดงก่ำ : “ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยพี่เสี่ยวหยางตากให้นะ ไปส่งพี่เยว่ได้อย่างสบายใจได้เลย”
เสี่ยวหยางพยักหน้า แล้วหลังจากลั่วหยิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วนั้น ก็ให้เธอกลับบ้านไป
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปจากที่นี่แล้ว สายตาที่จางเยว่มองหลินหยางนั้นมีความอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าหลินหยางจะรับปากว่าจะไปส่งตัวเองกลับบ้าน แต่หลังจากที่ถึงบ้านแล้ว ตัวเองก็ต้องแยกจากหลินหยางอยู่ดี
เธอกอดหลินหยางไว้ ในใจของเธอนั้นมีหลากหลายอารมณ์ จากการได้มารู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆเพียงสิบวันนี้ ผู้ชายคนที่อายุน้อยกว่าเธอถึงเก้าปีตรงหน้าเธอคนนี้ ไม่คิดว่าจะสร้างความประทับใจในใจของเธอได้
ในใจของจางเยว่นั้นเองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เช่นกัน หลินหยางเด็กคนนี้ทั้งๆที่อายุน้อยกว่าเธอขนาดนี้ แต่เวลาที่เธออยู่ข้างๆเขานั้น ในใจกลับรู้สึกสบายใจ รู้สึกมีที่พึ่ง
ตัวเธอเองคงจะไม่ได้รักเขาเข้าแล้วสินะ? และเมื่อมีความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว จางเยว่เองก็รู้สึกตกใจ เธอสามารถประเมินตนเองได้ ว่าตัวเองอายุสามสิบแล้ว เรื่องของอายุก็เป็นช่องว่างที่ใหญ่มากระหว่างคนสองคนเช่นกัน
เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสตรงหน้าอกที่อวบอิ่มของขางเยว่ที่แนบอยู่กับร่างกายของเขานั้น ลูกเชอร์รี่สองลูกที่แข็งขึ้นมาบ้างนั้น ทำให้หัวใจของหลินหยางสั่นไหว เขาจึงหันกลับไปแล้วยื่นมือใหญ่ออกมา สัมผัสไปยังเรือนร่างของเธอ
ภายใต้การหยอกล้อของหลินหยาง ไม่นานจางเยว่ก็หน้าแดงขึ้น พร้อมกับหายใจหอบถี่ ร่างกายของเธออ่อนยวบลงในอ้อมกอดของหลินหยาง
เขาอุ้มจางเยว่มาวางลงบนเตียง ลูบคลำอยู่บนเรือนร่างของเธอ จางเยว่เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงๆ : “ลูบคลำอย่างเดียว ไม่คิดที่จะเอาเสื้อผ้าออกบ้างหรือ”
ไม่ต้องรอการเคลื่อนไหวของหลินหยาง จางเยว่ทนรอไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายปลดเสื้อผ้าของตัวเองออก ก้อนเนื้อกลมๆที่มีความยืดหยุ่นโผล่ออกมาในทันที
หลินหยางจ้องมองไปยังภาพตรงหน้านี้โดยตรง เขาก้มหน้าลงซุกเข้าไปในเนื้อนุ่มๆอันแสนอวบอิ่มนั่น และภายใต้การหยอกเล่นนี้ของหลินหยาง ในที่สุดจางเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ
“หลินหยาง รีบๆเถอะ ฉันอยากแล้ว” จางเยว่เรียกร้องอย่างเร่งรีบ
ประโยคนี้ทำให้จุดไฟในตัวของหลินหยางได้ในทันที เขาถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของจางเยว่ออก และหลังจากที่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยแล้วนั้น จึงกดตัวลงไปบนร่างของเธอ
ถึงแม้ว่าจะทำเรื่องแบบนี้กับหลินหยางมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว ก็ยังคงรู้สึกเต็มอิ่มอยู่เช่นเคย เมื่อจางเยว่ส่งเสียงร้องออกมากระตุ้นนั้น ทั้งสองคนคึกคักกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เวลาชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดทั้งสองคนก็หยุดลงแล้ว หลินหยางมองร่างบางที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา สีหน้าแดงๆราวกับคนเมา ลมหายใจหอบถี่และแววตาสวยหยาดเยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดขึ้น : “พี่เยว่ เก่งจริงๆเลยนะครับ”
“บ้าสิ จะไปเก่งสู้ลูกวัวอย่างเธอได้ที่ไหนกัน รู้จักที่จะแกล้งคนอื่น” ตอบโต้หลินหยางไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ชูหมัดเล็กๆขึ้นมาอยากที่จะทุบไปที่หลินหยางซักทีหนึ่ง แต่เมื่อนึกที่ว่าจะต้องแยกกัน ความโกรธที่มีในตอนแรกนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่กลับมีความอ่อนโยนอย่างไม่มีขีดจำกัดนี้ขึ้นมาแทนที่