ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 243 ชิปต่อรอง
บทที่ 243 ชิปต่อรอง
หลินหยางกอดหลัวหยุนไว้ ทั้งสองคนกอดกันไว้นานจนได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นมาจากบันได เขาถึงลุกขึ้นมาใส่เสื้อ
“เสี่ยวหยุน กินข้าวแล้ว พาแขกลงมาชิมอาหารปลอดสารพิษของพวกเราหน่อยเถอะ” คนชราพูดขึ้น
“มาแล้ว มาแล้ว” หลัวหยุนพูดไปพร้อมกับส่งวิ้งให้หลินหยาง
ทั้งสองคนนั่งที่โต๊ะอาหาร หลินหยางถึงว่าเห็นอาการบนโต๊ะนั้นธรรมดาแต่สีของผักและลักษณะนั้นทำให้คนหิวขึ้นมาทันที
หลัวหยุนแนะนำให้หลินหยาง” ผักพวกนี้ปู่เป็นคนปลูกเองหมดเลยนะ พ่อครัวก็เป็นพ่อครัวพรีเมียมที่มาจากกวางตุ้ง ถึงจะไม่เทียบเท่าฝีมือของนายแต่ก็อร่อยมากเลยนะ”
“หลินหยางก็ทำอาหารเป็นด้วยหรอ?” ปู่หลัวถามอย่างแปลกใจ
“เป็นอยู่แล้ว เขาไม่ได้เก่งแค่ด้านการเขียนอักษรวิจิตร ฝีมือการทำอาหาร ฝีมือทางการแพทย์ก็เก่งไปหมดเลย” หลัวหยุนย้อนกลับมาชมผู้ชายของตัวเอง
หลินหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่กล้าไปเทียบกับพ่อครัวใหญ่ๆ หรอกครับ ผมทำเป็นแค่อาหารพื้นบ้านเท่านั้นครับ”
“เก่งว่าหยุนหยุนมากแล้ว เธอกินเป็นอย่างเดียวเลย” ปู่หลัวหัวเราะออกมา
หลัวหยุนทำปากจู๋แล้วพูดว่า “ปู่อ่ะ ไม่ไว้หน้าหนูเลย”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเธอทั้งสองคนเป็นเด็กดีทั้งนั้น ผักพวกนี้ฉันเป็นคนปลูกเองก็เลยจะสดหน่อย” คนชราได้ดึงคำพูดกลับไปที่ฟาร์มของตัวเองต่อ
ความชอบของพ่อเฒ่าก็คือการปลูกผักปลูกผลไม้ เลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม เป็นคนเกษตรกรเต็มตัว ถึงแม้ว่าลูกชายของตัวเองจะเป็นถึงมหาเศรษฐี แต่เขาไม่เคยสนใจของที่พวกนั้นที่ตายก็เอาไปไม่ได้ พูดเรื่องปลูกผักกับหลานๆ ขึ้นมาก็พูดไม่หยุดเลย หลัวหยุนฟังจนเบื่อแล้ว อยากจะขัดหลายครั้งแต่ก็ถูกหลินหยางห้ามไว้
หลินหยก็เกิดที่บ้านนอก ความรู้สึกที่มีต่อพวกนี้มันลึกซึ้งมาก พอคนชราเริ่มกินหลินหยางก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มกินตามเลย
หลินหยางไม่ยอมรับก็ไม่ได้แล้วว่าผักที่คนเฒ่าคนนี้ปลูกเองนั้นรสชาติดีมากเลย นอกจากฝีมือของพ่อครัวดีแล้ว รสชาติเดิมของวัตถุดิบถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย พ่อครัวกวางตุ้งนี่เห็นค่าของการเก็บรสชาติเดิมของวัตถุดิบไว้เป็นอย่างมาก ทำให้วัตถุดิบในฟาร์มนี้ได้ทำเผยจุดเด่นของตัวเองออกมาทั้งหมด
นี้เป็นเลือดเนื้อของคนเฒ่าคนนี้ หลินหยางรีบกินอย่างไม่หยุด นี้ทำให้คนเฒ่าดีใจมากเลย
“ต้องอย่างนี้สิ เธอดูหลินหยางเขากินอร่อยแค่ไหน หยุนหยุนกินนิดเดียวตลอด”
“ปู่หลัว กระเพาะผมใหญ่ เลยโลภไปหน่อย หวังว่าคุณปู่จะไม่รังเกียจนะครับ” หลินหยางพูด
คนเฒ่าโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เลย แบบนี้แปลว่านายชอบกินผักของฉันจริงๆ ความหวังของฉันในชาตินี้คือให้คนอื่นได้ลองกินผักที่ฉันปลูกเอง นายชอบฉันก็ดีใจมาก”
ตอนนี้เป็นเวลาที่หลัวหยุนมีความสุขที่สุด แต่ว่าความสุขนั้นก็ไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่ ข้างนอกมีคนคนหนึ่งเข้ามาทำให้บรรยากาศเย็นลงทันที
ชายอ้วนวัยกลางคนได้เดินเข้ามา มองไปคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร อึ้งไปสักพักถึงพูดขึ้นมาว่า “พ่อ ผมกลับมาแล้ว กำลังกินกันอยู่หรอ? .
“แกจะกลับมาทำไม?แกยุ่งมากไม่ใช่หรอแล้วจะกลับมาทำไม?” สีหน้าของพ่อเฒ่ารีบเปลี่ยนทันที
หลัวหยุนรีบเดินมารับกระเป๋าและเสื้อของพ่อแล้วพูดว่า “พ่อค่ะ เพื่อนของหนูมาค่ะ ทำไมจู่ๆ พ่อถึงกลับมาล่ะค่ะ?”
พ่อของหลัวหยุน หลัวยีโจว ปีนี้น่าจะอายุ 50กว่าแล้ว ตอนนี้พึ่งลงจากเครื่องบิน ก็เลยเพลียๆ มองหลินหยางแล้วพูดว่า “เพื่อนอะไร?ทำไมถึงพามาที่บ้าน?”
หลินหยางกะจะกล่าวทักทาย แต่ถูกพูดแบบนี้ก็เลยเงียบไป พ่อเฒ่าก็ไม่พอใจแล้ว ชี้ลูกชายแล้วด่าว่า “พากลับมายังต้องให้แกอนุญาตหรอ?เด็กคนนี้เป็นแขกของฉัน แกมีสิทธิ์อะไร ?หนึ่งปีแกเคยกลับมาดูฉันกี่ครั้ง?เคยกินผักที่ฉันปลูกไหม?”
คิดไม่ถึงว่าพ่อจะปกป้องคนแปลกหน้าขนาดนี้ ในใจของหลัวยีโจวไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของพ่อ ทักทายพวกเขาเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบน หลินหยางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเขาทะเลาะกัน
“หลินหยาง ไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ ลูกชายของปู่และหลานชายที่ไม่ได้เรื่องของปู่นั้นเหมือนกันเลย ไม่เคยสนใจคนที่บ้าน พวกเรากินของพวกเรา ไม่ต้องสนใจพวกเขา” พ่อเฒ่าพูด
ข้าวมื้อนี้กินไม่เป็นสุขเลย หลินหยางกำลังคิดอยู่ว่าจะกลับไปก่อนจะได้ไม่ทำให้หลัวหยุนลำบากใจ
พึ่งลุกขึ้น หลัวยีโจวก็เรียกหลินหยางและลูกสาวให้ไปหา
หลัวหยุนกอดแขนของหลินหยางแล้วพูดกระซิบว่า “พ่อคงมีเรื่องไร้สาระพูดเยอะแน่นายอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องสนใจ”
หลินหยางยิ้มเลย นิสัยของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับปู่ของเธอจริงๆ
เข้าไปในห้องสมุดของหลัวยีโจว ข้างในก็เต็มไปด้วยอักษรวิจิตร แต่ว่าเป็นแค่ของตกแต่ง ไม่มีค่าอะไรเลย
“นายชื่อหลินหยาง?ฉันมาหานาย เพราะอยากให้นายไปจากหยุนหยุนลูกสาวฉันซะ” หลัวยีโจวใช้น้ำเสียงที่เด็ดขาด
คนนี้น่าจะเป็นคนที่คอยทำธุรกิจอยู่ข้างนอกตลอดและชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่แล้ว หลินหยางพูดอย่างเฉยๆ ว่า “คุณลุง ความปรารถนาข้อนี้ของคุณลุงผมคงทำไม่ได้ ผมรู้ว่าคุณลุงไม่เห็นค่าผมที่เป็นนักเรียก และยังสงสัยผมด้วยว่าเข้าใกล้ลูกสาวของคุณเพื่ออะไร คุณลุงเองก็คงไม่อยากรู้เรื่องที่ผมเคยผ่านมาและมีความสามารถอะไรบ้างหรอกใช่ไหมครับ”
หลัวยีโจวอึ้งไปสักพักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “นายเป็นคนฉลาด ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะได้ไม่ต้องพูดมาก นายบอกฉันสิว่านายอยากได้เงินหรือว่าอยากได้อะไร?ลูกชายฉันบอกฉันว่านายมีปัญหากับเขา แล้วก็มีอะไรกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มากมาย เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่มีความสนใจในเรื่องอย่างอื่นของนายเลย”
คิดไม่ถึงว่าพวกเรื่องแย่ๆ ของตัวเองถูกหลัวอี้รู้เข้าแล้ว หลินหยางพูดอย่างอึดอัดว่า “ผมเข้าใจว่าคุณอยู่พูดในฐานะพ่อครับ แต่ในฐานะของผม ผมไม่สามารถปล่อยมือจากลูกคุณไปได้ ผมพูดง่ายๆ เลยนะครับ ถ้าคิดจะแยกพวกเราสองคนออกจากกัน คนที่จะเสียใจที่ไม่ใช่แค่ลูกสาวของคุณนะครับ หรือพูดให้เข้าใจยากหน่อยก็คือ ผมยังต้องช่วยเธอรักษาหัวใจอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีใครมาแทนที่วิธีของผมได้ และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เธอได้เป็นผู้หญิงของผมแล้วครับ ความแค้นระหว่างผมกับลูกค้าของชายคุณ ผมรู้สึกว่าคุณไปถามเขาให้ชัดเจนจะดีกว่านะครับ เขาเป็นคนร้ายที่น่าสมเพชจริงๆ นะครับ”
คิดไม่ถึงว่าผู้ชายตรงหน้าจะกล้าพูดกับตัวเองแบบนี้ และที่ทำให้หลัวยีโจวโกรธไปกว่านั้นคือลูกสาวที่รักของตัวเองได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ ท่าทางที่ใจเย็นของหลินหยางทำให้หลัวยีโจวไม่ชอบใจเลย ไม่เคยมีใครที่อยู่ต่อหน้าของเขาแล้วจะต่อรองกับเขาได้สงบขนาดนี้ หรือว่าเป็นเพราะพ่อตัวเองที่ให้ท้ายไอเด็กนี่กันนะ?
หลัวยีโจวปลดเนกไทแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “ถ้าฉันไม่เปิดชิปให้นาย นายจะไม่ยอมปล่อยมือเลยใช่ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณหลัวเรื่องหนึ่งนะครับ คุณเห็นความรู้สึกของหลัวหยุนเป็นเพียงสิ่งของหรอครับ ?คุณเตรียมจะเปิดราคาอะไรให้ผมล่ะครับ?” หลินหยางถามอย่างเย็นชา
“สองล้าน นายหายไปจากโลกของลูกสาวฉัน นายน่าจะใกล้จบแล้วสินะ ฉันหวังว่าต่อนายจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับลูกสาวของฉันอีก” หลัวยีโจวชูสองนิ้วแล้วพูด
หลินหยางเอาปากกาและสมุดเช็คออกมา เขียนลงไปไม่กี่บรรทัดแล้วโยนพร้อมพูดว่า “คุณหลัว คุณเอาความรู้สึกของลูกสาวคุณเป็นสิ่งของ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะให้ราคาสิบเท่า คุณพอใจไหมครับ?ต่อจากนี้ไปคุณต้องหายไปจากโลกของลูกสาวคุณ คุณก็ใกล้จะ 60แล้ว ยังมีลูกชายอีกคน ผมหวังว่าต่อไปนี้คุณจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก”
หลัวยีโจวเปิดสมุดเช็คอย่างอึ้ง ตัวเลขที่เขียนไว้บนนั้นเหมือนกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
“ถ้าคุณสงสัยว่าเช็คนี่เป็นของจริงรึเปล่า คุณสามารถไปตรวจสอบเองได้เลย เวลาแค่นี้ผมมีอยู่” หลินหยางยิ้มแล้วพูด
หลัวยีโจวชี้หลินหยางแล้วด่า “ไอ้ระยำ แกคิดว่าแกเป็นใครที่กล้ามาเสนอราคากับฉัน”
“ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณหลัวมีค่าอะไรกันแน่ ที่เอาความรู้สึกของลูกสาวตัวเองมาเป็นสิ่งของในการทำธุรกิจของตัวเอง ถ้าวันไหนมีความเสนอราคาที่สูงจนคุณไม่อาจปฏิเสธได้คุณคงจะขายลูกสาวคุณทิ้งเลยใช่ไหม?รู้สึกสงสารคุณจริงๆ อีกอย่างลูกชายของคุณเหมือนกับคุณเลย ถึงว่าทำไมในโรงเรียนถึงไม่มีคนชอบเขาเลย เอาแต่ไปทำร้ายคนอื่นอย่างเดียว” หลินหยางเยาะเย้ย
หลัวยีโจวถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิดแล้ว และไปหลงเชื่อคำพูดของลูกชายตัวเอง คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย หรือจะพูดว่าตั้งแต่ที่เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือมาหลายสิบปียังไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย
“รู้สึกหงุดหงิดและท้อแท้ใช้ไหม?คุณหลัว ผมรู้สึกว่าคุณควรทบทวนความสัมพันธ์ของคุณกับคนในครอบครัวด้วยนะ ทำไมคุณปู่ถึงไม่ชอบหน้าคุณ ทำไมวิธีการใช้เงินที่เคลียร์ทุกอย่างได้ของคุณทำไมถึงใช้ไม่ได้แล้ว วันนี้ผมไม่รบกวนล่ะ ลาก่อนครับ” หลังจากหลินหยางออกไปแล้ว หลัวยีโจวนั่งลงไปบนโซฟาทันที ครั้งแรกที่รู้สึกว่าพ่ายแพ้แบบนี้
สิ่งที่ทำให้หลัวยีโจวคิดไม่ถึงนั้นก็คือเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตของเขา เส้นทางถนนของชีวิตก็ถูกเปลี่ยนเพราะหลินหยาง
หลังจากที่หลินหยางลาจากหลัวหยุนแล้ว คิดจะขับรถกลับไปที่เซียนเฉ่าเก๋อ แต่ว่าบนถนนนั้นรถติดมาก ขับไปข้างหน้าอีกนิดเดียว ก็รถติดจนขยับไม่ได้เลย
ลงจากรถอย่างช่วยไม่ได้ คบรอบข้างต่างมองดูรอบๆ สักพักข้างหน้ามีข่าวว่ามีคนร้ายได้จับตัวประกันไว้ ทางข้างหน้าเลยถูกปิดไว้ สักพักก็มีเสียงปืนดังขึ้น ทำให้ทุกคนตกใจกันไม่น้อย
หลินหยางรีบวิ่งไปข้างหน้า สักพักก็มาถึงตรงจุดที่ตำรวจตั้งด่านไว้ หลินหยางเห็นหลิวหลิงหลิงกำลังจัดรักษาระบบวินัย “เกิดอะไรขึ้นหรอ?” หลินหยางถาม
“นายมาที่นี่ทำไม ตรงนี้อันตราย นายรีบไปจากที่นี้ซะ” ผู้หญิงพูดอย่างเป็นห่วง
หลินหยางจับมือของเธอไว้แล้วพูดว่า “ฉันก็เป็นห่วงเธอ รีบบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นเถอะ”
หลิวหลินหลินรู้สึกอุ่นๆ ในใจก็เลยบอกว่า “มีนักโทษแอบหลบหนีออกมา มีคดีฆ่าคนไปหลายชีวิตติดตัว และยังแย่งปืนตำรวจอีก ตอนนี้จับเด็กผู้หญิงแล้วไปหลบอยู่ข้างในธนาคาร ก็เลยอันตราย”
“พวกเธอเตรียมจัดการยังไง มีตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับนักซุ่มยิงไหม” หลินหยางถาม
“นายรู้เรื่องนี้ด้วย?ตอนนี้สถานการณ์ซับซ้อนเกินไป เหตุการณ์ข้างในพวกเราเองก็ไม่รู้ นักโทษหลบหนีนั้นเล่ห์เหลี่ยมมาก ทำลายกล้องวงจรทุกตัวเลย หลบอยู่ในธนาคารอย่างเดียว เข้าใกล้ไม่ได้เลย พวกเรากำลังเตรียมที่จะลองเจรจาดู ถ้าเหตุการณ์มันเกินเลยไปจริงๆ ก็จะส่งทีมระเบิดเข้าจู่โจมเลย” หลิวหลิงหลิงขมวดคิ้วแล้วพูด
หลินหยางปลอบว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้างในมีคนบาดเจ็บแล้วใช่ไหม?ฉันมีวิธี”
หลินหยางกระซิบข้างหูหลิวหลินหลิน เธอพูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้อย่างนั้นมันอันตรายเกินไปแล้ว ฉันไม่มีทางให้นายไปเสี่ยงแบบนั้นหรอก”
“ฉันทำเพื่อเธอนะ ถ้าเกิดเรื่องนี้ใหญ่กว่านี้ แล้วเธอก็จับมันไม่ได้ จะทำให้เธอถูกไล่ออกนะ” หลินหยางพูดล้อเล่น
“ถูกไล่ก็ไล่เลย ถ้านายเสียชีวิตทุกอย่างก็ไม่เหลือแล้ว” หลิวหลิงหลิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
หลินหยางถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันอุตส่าห์มีโอกาสจะได้เป็นฮีไร่ เธอไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของฉันหรอก อย่างน้อยฉันก็เป็นถึงหมอคนหนึ่ง ทำตามที่ฉันบอกเถอะ”
ทำใจสักพัก หลิวหลิงหลิงโทรโข่งขึ้นมาแล้วตะโกนใส่โทรโข่ง
นักโทษยิงปืนสองครั้งแล้วพูดว่า “พวกมึงมันสารเลว อย่าคิดจะหลอกกู กูไม่ได้บาดเจ็บ กูไม่สนความเป็นอยู่ของพวกมันโว้ย”
“พวกเขาตายแล้ว นายจะมีชีวิตอยู่ได้หรอ?ตอนนี้พวกเราจะส่งหมอเข้าไปสองคน ให้พวกเขาทำแผลให้คนเจ็บเสร็จแล้วก็ออกเลย” หลิวหลินหลินตะโกน
นักโทษคิดไปสักพักก็พูดขึ้นมาว่า “พาคนมาที่หน้าประตูเลย”
หลินหยางกับตำรวจพิเศษปลอมตัวเป็นหมอแล้วไปที่หน้าประตูทางเข้าธนาคาร นักโทษมองพวกเขาแล้วพูดว่า “ให้ไอ้คนตัวสูงนั้นเข้ามา ไอ้คนข้างหลังไม่ต้องเข้าใกล้ ไม่อย่างนั้นกูจะยิ่งพวกแมร่งให้หมด”
หลินหยางรู้สึกโล่งใจ ขอแค่เขาได้เข้าไป นักโทษคนนี้อย่าคิดที่จะมีวันที่ดีอีกเลย