ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 93 อาหารหอมกลุ่มอันมีที่มา
บทที่ 93 อาหารหอมกลุ่มอันมีที่มา
“คนนั้นเขาเป็นหมอ เป็นหมอช่วยรักษาคน แต่สำหรับพี่ เขาเรียกว่ายุ่มย่าม ”
“ได้ ฉันจะยุ่มย่ามนี่แหละ เธอจะทำไม ร้องสิ ร้องให้คอแตกตายก็ไม่มีใครมาช่วยเธอ” เซี่ยหยวนหยวนหัวเราะเยาะ พลางมุ่งไปยังหน้าอกของหยางเฟิน
“ไปไปไป แก่แล้วยังไม่สำรวมอีก” หยางเฟินตกใจแล้วตวาดไปทีหนึ่งแล้วหลบไป
“ครั้งนี้ถือว่าได้ผลเลยทีเดียว นี่ก็เกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่เขานวดให้เธอ นวดอย่างไรเหรอ ” เซี่ยหยวนหยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อันนี้……..”หยางเฟินหน้าแดง แต่สุดท้ายก็พูดไปว่า “รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรมาทับที่อกหนู ขั้นตอนการนวดก็แบ่งขั้นตอนอย่างชัดเจน แต่ก็ดูมั่วๆสักหน่อย เป็นอย่างไรหนูก็ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามหนูว่าไม่ได้มาตรฐาน”
“เขาจับตรงนี้ของเธอครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ” เซี่ยหยวนหยวนเบิ่งตาโตถาม
ได้ยินที่เซี่ยหยวนหยวนถาม หยางเฟินหน้าแดง ทนไม่ไหวตอบกลับไปว่า “แม่นั่นแหละที่จับของหนูครึ่งชั่วโมง คนอื่นเขานวด เป็นอาชีพของเขา แม่อย่าดูถูกหมอนวดได้หรือเปล่า”
“นี่เธออ้อร้อจริง เห็นตอนที่เธอออกมา แก้มแดงนัยน์ตาเปล่งประกาย ตกหลุ่มรักแล้วใช่ไหมหล่ะ”
“ชิ พี่หยวนหยวน ฉันตกหลุมรักหรือลูกสาวแม่กันแน่คะ” หยางเฟินเดิมทีทำตัวไปไม่ถูก ก็รีบเปลี่ยนเรื่องเอาตัวเองออกมาจากเรื่องนั้นทันที
นึกถึงเรื่องน่าอับอายของลูกสาวตัวเองกับหลินหยาง เซี่ยหยวนหยวนอุทานในใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “แกนี่มันกล้าไม่เบาเลยนะ ยังมีหน้ามาพูดถึงฉัน คอยดูว่าฉันจะจัดการกับแกอย่างไร”
ในขณะที่สองสาวกำลังเมาส์มอยกันมันอยู่นั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
“เสี่ยวเยว่น่าจะกลับมาแล้วนะ เธอรีบใส่เสื้อผ้าเถอะ” เซี่ยหยวนหยวนรีบพูดพลางดูรูปร่างของเซี่ยหยวนหยวนที่ตัวเองถอดออกมา
รอจนหยางเฟินสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ เซี่ยหยวนหยวนไปเปิดประตู พอเปิดประตูก็เห็นลูกสาวตัวเองกับหลินหยางจริงๆ มองดูลูกสาวของตัว แก้มสองข้างแดงระเรื่อ น่าจัดกันมาอีกรอบ ทำได้แค่ส่ายหัวอุทานในใจเบาๆ ลูกสาวตัวเองโตขนาดนี้แล้ว ให้เขาดูแลตัวเองแล้วกัน ตัวเองจะไม่สอดมือเข้าไปแทรกแซงแล้ว
เรียกให้หลินหยางเข้ามานั่ง มองดูเวลานี่มันก็ห้าโมงเย็นแล้ว เซี่ยหยวนหยวนพูด “หยางเฟิน อย่าเพิ่งกลับเลย ฉันไปทำกับข้าว อีกสักพักพี่จางก็จะกลับมาแล้ว ถ้ายังไงก็ทานข้าวที่นี่ด้วยกันเลยนะ”
“ดีเลย ไม่ทานฝีมือพี่หยวนหยวนมานานแล้ว” หยางเฟินหัวเราะ
“เธอก็ว่าไป เมื่อสองวันก่อนใครหนอหน้าด้านมากินข้าวที่บ้านแม่” เซี่ยหยวนหยวนหัวเราะ เปิดเผยจุดอ่อนของหยางเฟิน
“ไปไปไป ไม่กินวันหนึ่งก็เหมือนไม่ได้กินมาสามปี” หยางเฟินพูดพลางทำตัวไม่ถูก
“แม่ วันนี้พักเถอะ ให้หลินหยางแสดงฝีมือสักหน่อย” จางเยว่อยู่ดีดีก็เสนอขึ้นมา
“แกนิ หลินหยางเป็นแขก ให้แขกลงครัวเองได้อย่างไร” มองบนใส่ลูกสาวไปเองรอบหนึ่ง แอบบ่นใจว่าลูกสาวตัวเองไม่มีมารยาท
“เสี่ยวหยาง ใช่ว่าจะเป็นคนนอก จะมาเกรงใจอะไรกัน” จางเยว่กระซิบอย่างไม่พอใจ
“เสี่ยวหยาง เธอทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า” อย่างไรก็ไม่ใช่แขกบ้านตัวเอง หยางเฟินมองอยางหลินด้วยความสนใจ
“ตอนอยู่ที่บ้านก็เรียนด้วยตัวเองมานิดหน่อยๆ” หลินหยางหัวเราะพร้อมพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นลองโชว์ฝีมือสักหน่อยไหม หลินอยางก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอก บางทีในอนาคตอาจจะเป็นลูกเขยที่มาเสนอถึงหน้าก็ได้” หยางเฟินพูดแบบไม่คิด
“ตีตายเลย” เซี่ยหยวนหยวนตีไหล่ของหยางเฟิน พร้อมทั้งมองหลินหยางแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอมาช่วยแม่ทำก็ได้”
“ได้ครับ” หลินหยางไม่มีความเห็น พร้อมทั้งเดินเซี่ยหยวนหยวนไปในครัว
“เสี่ยวเยว่ แกไม่ได้พูดส่งเดชไปใช่ไหม หลินหยางทำกับข้าวเป็นจริงๆเหรอ” หลินอยางมองจางเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินจางเยว่นั่งลงบนโซฟา นึกถึงอาหารที่หยางหลินทำ ทำให้นึกถึงมังสวิรัติทั่วไป รสชาติเข้าเนื้อ ได้กินเข้าไปนี่รสชาติเลิศกว่าสิ่งอื่นใด พยักหน้าด้วยความมั่นใจแล้วพูดออกไปว่า “ถ้าครั้งนี้หลินหยางลงครัวเอง เธอจะประหลาดใจชุดใหญ่เลยหล่ะ”
“หรือว่าตอนที่เธออยู่บ้านเขา หลินหยางทำให้เธอกินตลอดเลยเหรอ” หยางเฟินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เธอทายถูกแล้ว” จางเยว่เอนหลังลง
ผุ้หญิงมีสัญชาตญาณการซุบซิบนินทาในใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินจางเยว่ยืนยันขนาดนี้ ขยับก้นตัวเองไปนั่งข้างๆจางเยว่แล้วพูดว่า “เสี่ยวเยว่ เธอบอกฉันมา เธออยู่ที่บ้านนอกกับหลินหยางทำอะไรกันมั่ง”
“ทำอะไรหล่ะ เธอคิดอะไรหน่ะ” จางเยว่หน้าแดง
เห็นจางเยว่เขินอายเล็กน้อย หยางเฟินหัวเราะถามว่า “เธอทำเรื่องนั้นกับเขาทุกวันเลยหรือเปล่า”
“น้าเฟิน ทำไมเธอไม่มีสมบัติความเป็นผู้ดีเลย”
“เธอบอกน้าเฟินหน่อย ใช่หรือไม่ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นเธอทำไมไม่บอกว่าเธอกับสามีของเธอมีเรื่องอย่างว่ากันทุกวันใช่หรือเปล่า” จางเยว่ถามกลับ
“มีที่ไหนเล่า ลุงเธอยุ่งกับการคบค้าสมาคม ไม่รู้ว่าไปข้างนอกมีผู้หญิงอื่นบ้างหรือเปล่า เดือนหนึ่งมีอะไรกันสี่ห้าครั้งก็บุญแล้ว เธอเล่าให้ฟังหน่อย เธอกับหลินหยางมีอะไรกันครั้งหนึ่งนานแค่ไหน”
เห็นท่าทางซุบซิบนินทาของหยางเฟินแล้ว จางเยว่ถอนหายใจพูดว่า “เชื่อเธอเลยจริงๆ ทุกวันอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ”
“บ้าบอ ฉันไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย วันนี้เห็นเธอร้องครางซะนานขนาดนั้น แต่วันพวกเธอมีอะไรกันนานขนาดไหน” หยางเฟินถามต่อ
จางเยว่อายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว การพูดคุยในหัวข้อลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ควรแต่อย่างใด ก็เลยพูดความจริงออกไปว่า “ชั่วโมงกว่าได้ แต่ละครั้งก็ฉันก็เสร็จไปห้าหกครั้ง บางครั้งก็มากกว่านั้น”
“เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอ” หยางเฟินเบิ่งตาโตถาม
“จะโกหกเธอทำไมเล่า” จางเยว๋ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“อันนั้นของเขาใหญ่แค่ไหนเหรอ ทำไมเธอครางดูฟินขนาดนั้น” หยางเฟินรู้สึกเพียงแค่ตัวเองใจเต้นตุบตับ แอบโกรธตัวเองว่าทำไมตอนนั้นไม่ถือโอกาสลองจับดูสักหน่อย
“เหอะๆ เอาเป็นว่าใหญ่มาก พรุ่งนี้เธอจะไปหาเขาอีกไม่ใช่เหรอ ถึงเวลาตอนนั้นก็หาโอกาสจับก็ได้แล้วไหม เขายังสามารถเขมือบเธอได้นะ” จางเยว่หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวพอหลินหยางออกมาฉันบอกว่า น้าเฟินอยากได้เขา ”
“บ้าจริงอีเด็กนี่ พูดมั่วซั่วตีตายเลย” หยางเฟินทั้งโกรธทั้งอาย ตีจางเยว่ไปครั้งหนึ่ง
ในห้องครัว เห็นหลินหยางใช้มีดคล่องราวกับมีดบินได้ เซี่ยหยวนหยวนเพิ่งจะรู้ว่าลูกสาวของตนไม่ได้ชมลอยๆ สายตามองไปด้วยความเอ็นดูถามว่า “เราใช้มีดคล่องเหมือนกันนี่”
“เคยเรียนตอนเด็กครับ หลายปีแล้วที่ไม่ได้ใช้ เพิ่งจะมาเริ่มทำในช่วงนี้ ฝีมือตกไปเยอะ” หลินอยางตอบแบบพูดไปเรื่อย
การเทน้ำมันลงในหม้อ การเปิดแก๊สทำกับข้าว ใส่แต่ละอย่างลงไปในหม้อ ท่าท่างที่ดูชำนาญทำให้เกิดความอยากลองกินดูว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้จะทำอาหารอร่อยออกมาได้หรือเปล่า
ตอนแรกกะว่าจะให้หลินอยางมาเป็นผู้ช่วย ไปๆมาๆตอนนี้เซี่ยหยวนหยวนกลายเป็นผู้ช่วยไปซะอย่างนั้น นั่งล้างผักอย่างดี ยืนดูหลินอยางหั่นผักทำกับข้าวอยู่ข้างๆ
ฝีมือการทำกับข้าวใช้เวลาไปสิบกว่านาที กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารออกมาจากหม้อ เซี่ยหยวนหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆฟุดฟิดจมูกไปมา กลิ่นอาหารลอยอยู่ในอากาศ เกรงว่าอาหารที่ทำออกมาจะดีกว่าที่ตัวเองทำหลายเท่าตัว
“น้าเซี่ย ตรงนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณออกไปพักเถอะ” หลินหยางพูดพร้อมหัวเราะ
เมื่อเห็นว่าตนเองไม่มีอะไรที่จะต้องทำแล้วจริงๆ เซี่ยหยวนหยวนเดินออกไปด้วยความน่าทึ่งในใจ หลินหยางเจ้าหนุ่มนี้ไม่เพียงฝีมือทางการแพทย์ดีแล้ว ฝีมือในการทำอาหารก็ดีไม่แพ้กัน เสียดายที่อายุน้อยไปหน่อย แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับลูกสาวของตัวเอง แต่ทว่ากลัวว่าจะเป็นการรู้จักแบบเผินๆ สนุกกันตามประสาหนุ่มสาวก็เท่านั้น
เห็นเซี่ยหยวนหยวนออกมาก่อน หยางเฟินเกิดความอยากรู้อยากเห็น “พี่หยวนหยวน ไม่ทำกับข้าวแล้วเหรอ”
“หลินหยางฝีมือในครัวไม่เลว ดูท่าว่าน่าจะเก่งกว่าฉันเสียอีก ให้เขาลองทำสักครั้งหนึ่ง จะลองดูว่าฝีมือจะแน่สักแค่ไหน” เซี่ยหยวนหยวนพูดพลางหัวเราะ
“อะไรนะ หลินหยางทำอาหารเป็น ไม่ได้การละ ฉันจะต้องเข้าไปดู” พูดเสร็จ หลินหยางก็ตรงดิ่งเข้าไปในครัว
เปิดประตูห้องครัวเข้าไป เห็นหลินหยางอยู่ข้างใน มือหนึ่งถือตะหลิวผัดอาหาร อีกมือหนึ่งเปิดหม้อใส่วัตถุดิบจำนวนหนึ่งลงไป ท่าทางดูชำนาญราวกับเชฟกระทะเหล็ก
“หอมจัง หลินอยางไม่นึกว่าคุณก็มีฝีมือทางด้านนี้เหมือนกัน” หยางเฟินชมหลินหยางไม่ขาดปาก
“ฝีมืออะไรกัน ก็แค่อาหารบ้านพื้นๆ” หลินหยางพูดถ่อมตน
“หากฉันอายุน้อยกว่านี้สักหน่อย บางทีอาจจะจีบเธอก็ได้ ฝีมือแพทย์ดี ฝือในการทำอาหารก็ดี หน้าตาก็หล่อ ผู้ชายแบบนี้จะหาได้จากที่ไหน” พูดมาถึงตรงนี้ หยางเฟินหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อตะกี้เกือบจะพูดถึงเรื่องบนเตียงออกไปซะแล้ว
พูดมาถึงตรงนี้ หยางเฟินแอบชะเง้อมองไปที่ระหว่างขาของหลินหยาง เห็นเงารางๆจนน่าตกใจ ใจนี่เต้นตึกตักไปหมด แค่ดูจากข้างนอกก็ใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอเปิดออกมาแล้ว จะตระหง่านขนาดไหน
“อ่อ คุณหาโรงแรมได้แล้วยัง พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปหาคุณได้ง่าย” หยางเฟินถามเสียงเบาๆ
“ครับ พักที่โรงแรมเฉินกวาง ทางเหนือครับ ขับรถไปไม่กี่นาทีก็ถึงครับ” หลินหยางตอบพลางหัวเราะ
“ตรงนั้นฉันรู้ บัญชีธนาคารคุณหมายเลขอะไร ฉันจดแป๊บ อีกสักพักจะไปโอนเงินให้ที่ธนาคาร”
“ไม่รีบครับ ตอนนี้ยังไม่เห็นผลทั้งหมด คุณจ่ายเงินผมตอนนี้ไม่กลัวผมหอบเงินหนีเหรอ” หลินหยางคนอาหารในหม้อ พลางพูดเชิงขบขัน
“พอเลยคุณ เสี่ยวเยว่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน คุณจะหนีไปไหนได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณนวดให้ฉันครั้งนี้แล้วเห็นผล ฉันก็พอใจแล้ว ตอนที่ไปทำที่สถาบันเสริมสวยความงามใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าก็ได้ผลลัพธ์แบบนี้ ตอนนี้มานวดกับคุณแค่ครั้งเดียว ฉันก็ถือว่ากำไรแล้ว ” หยางเฟินพูดพลางหัวเราะ
ได้ยินหยางเฟินหัวเราะ หลินหยางพูด “คุณวางใจก็โอเค พื้นฐานการเป็นแพทย์ที่สำคัญก็คือการมีจรรยาบรรณแพทย์ หากแพทย์ไม่มีจรรยาบรรณละก็ ความก้าวหน้าทางวิชาชีพในอนาคตก็ดูจะลำบาก ผมรับปากคุณว่าจะนวดให้เสร็จ ก็จะต้องให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดการณ์เอาไว้”
หยางเฟินเมื่อได้ยินก็รู้สึกอุ่นใน หัวเราะเสียงเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอผลลัพธ์หลังจากหนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ หอมจัง รีบหน่อยคุณ ฉันรอทานอยู่นะ” หยางเฟินพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องครัวไป
หากคุณพ่อของจางเยว่กลับมา ครั้งนี้ทานอาหารกันทั้งหมด 5 คน หลินหยางทำอาหารทั้งหมดหกอย่าง ถ้ากินกันห้าคนก็ถือว่าเยอะแล้ว
“หอมจังเลย” ขณะที่หลินหยางยกอาหารออกไป สาวสวยทั้งสามคนอุทานพร้อมเพรียงกัน
“เสี่ยวหยาง ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เธอทำกับข้าวถึงหกอย่าง เก่งมากๆเลย” เซี่ยหยวนหยวนพูดอย่างน่าทึ่งใจ ตัวเขาเองทำอาหารมาสิบกว่าปี ให้เขาทำอาหารหกอย่างในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
“ผมหั่นอาหารเร็วครับ” หลินหยางพูดพลางหัวเราะ
“เสี่ยวเยว่ พ่อลูกใกล้จะกลับมาแล้ว เราไปนั่งรอกันเถอะ” เซี่ยหยวนหยวนพูด พูดพลางหัวเราะ
“หนูรอไม่ไหวแล้ว พี่หยวนหยวนลองโทรศัพท์หาพี่จางดูว่าถึงไหนแล้ว” หยางเฟินพูดพลางหัวเราะ
“พอเลย ถ้าอีกสักพักยังไม่กลับมาเราก็ทานกันก่อน บางทีไม่แน่ว่าเข้าอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้” เซี่ยหยวนหยวนพูด
หยางเฟินกำลังจะพูด เสียงกุญแจเปิดประตูก็ดังขึ้น ประตูก็เปิดออกในทันใด มีเสียงส่งออกมา “เมียจ๋า ฝีมือทำอาหารของคุณก้าวหน้านะ ผมแต่งงานกับคุณมาหลายปี อาหารวันนี้หอมที่สุด”
เมื่อได้คำพูดนี้ทุกคนก็หยุดเป็นเสียงเดียวกัน หยางเฟินและจางเยว่อดกลั้นหัวเราะไม่ให้หลุดออกมา เซี่ยหยวนหยวนสีหน้าดูโมโหขึ้นมาในทันใด ในใจแอบคิดเล็กคิดน้อย รอดูว่าคืนนี้จะจัดการกับไอ้แก่นี่อย่างไร เป็นผัวเมียกันมาตั้งนาน แยกแยะกลิ่นไม่ออกหรือไงว่าอันไหนเป็นอาหารที่ตัวเองทำ