ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 95 โดนว่าจ้าง
บทที่ 95 โดนว่าจ้าง
“เงินสองร้อยหยวน” ฝ่ายหญิงเบิ่งตาทวงเงินจากชายวัยกลางคน
“เห็นแล้วยัง แบบนี้เขาเรียกว่าหมอเทวดา เก่งกว่าคนมีความรู้งูๆปลาๆอย่างแกเยอะ ถ้าแกรักษา สิบหยวนก็จะไม่จ่ายแกสักหยวน แต่คนอื่นเขารักษา สองร้อยหยวนกูก็ยินดีจ่าย” ชายวัยกลางคนหยิบรูปท่านเหมาสีแดงๆสองใบออกจากกระเป๋าเงินวางไว้บนโต๊ะ
“ฉันชื่อ刘城 ฝีมือหมอเก่งมากไอน้อง หลังจากนี้มีปัญหาอะไร กูจะไปหามึงนะ” ชายวัยกลางคนยิ้มให้กับหลินหยาง
“เหอะ ความรู้ผมก็แค่ปลายเส้นขน” หลินหยางพูดจาถ่อมตนกับ刘城 刘城ก็เดินจากไป
“เขาให้สองร้อยง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ ฉันเข้าใจว่าเขาจะต่อราคาซะอีก ให้มาห้าสิบหยวนนี่ก็ไม่เลวแล้วนะ” หญิงคนนั้นพูดเมื่อเห็น刘城เดินไป
หลินหยางมองดูผู้หญิงคนนี้แล้ว ดูไปแล้วอายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้า หน้ารูปไข่ คิ้วเรียงสวย ปากหนาไปหน่อย รูปร่างก็ใช้ได้ โดยรวมแล้วก็ใช้ได้อยู่
“น้องชายฝีมือหมอไม่เลวเลยนี่ เชื่อว่าฝึกอีกสักหน่อยก็แซงเราแล้ว” เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว รีบเปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันชื่อจ้าวจินเฟิ่ง คุณชื่ออะไร”
“ผมชื่อหลินหยาง”
“คุณเป็นหมอแพทย์แผนจีนเหมือนกันเหรอ” จ้าวจินเฟิ่งมองหยางหลิน ตัวสูง ดูแล้วแรงน่าจะเยอะอยู่ หน้าตาหล่อเหลาน่าดูเลยทีเดียว
“ครับ” หลินหยางพยักหน้า
“ตอนนี้เธอมีงานทำหรือยัง” จ้าวจินเฟิ่งถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ”
ได้ยินหลินหยางพูดแบบนี้ จ้าวจินเฟิ่งตาลุกตาวาวขึ้นมาในทันใด หันสายตามา “ถ้าอย่างนั้นนายก็อยู่ซะที่นี่มาทำงานกับฉันสักระยะหนึ่งไหม รายได้แบ่งยี่สิบแปดสิบ เธอยี่สิบฉันแปดสิบ”
หลินมองไปที่ผู้หยิงคนนี้แล้วหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้คำนวณได้ไม่เลว เห็นตนมีฝีมือดี เลยอยากจะให้ตนอยู่เพื่อเป็นลูกน้อง
“ทำไม ไม่ยอมเหรอ ให้ราคาสูงกว่านี้ก็ได้นะ เธอสามสิบฉันเจ็ดสิบ ไม่ไม่ไม่ ห้าสิบห้าสิบเลยละกัน เป็นอย่างไรบ้าง” จ้าวจินเฟิ่งกัดฟันพูดเสนอตัวเลขต่ำสุดในใจออกมา
“โอ้ แป๊บเดียวทำไมต่างกันขนาดนี้ ยี่สิบแปดสิบมาเป็นห้าสิบห้าสิบ ห่างกันคนละเรื่องเลยนะเนี่ย” หลินหยางแซวเสียงสูง
ถูกหลินหยางถาม จ้าวจินเฟิ่งมีอาการหน้าแดงเล็กน้อย โมโหพูดว่า “ทำไม ฉันให้นายห้าสิบห้าสิบนายไม่ดีใจเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ดีใจ ผมอยู่เมืองจินหลิงไม่นาน อยู่แค่สัปดาห์เดียว” หลินหยางพูดพลางหัวเราะ
“อยู่แค่อาทิตย์เดียว ไม่เป็นไรไม่เป็นไร งั้นเธอทำไปอาทิตย์หนึ่งก่อน ฉันให้สรุปยอดเงินให้เธออาทิตย์หนึ่ง รอเธอกลับมาก็มาทำงานที่ฉันได้เลย” จ้าวจินเฟิ่งหันสายตามา ยังแน่วแน่ว่าจะให้หลินหยางทำงานที่นี่ให้ได้
เห็นในมือของหลินหยางถือเสื้อผ้า จ้าวจินเฟิ่งถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “นายยังถือเสื้อผ้าอยู่ นายมาเที่ยวที่เมืองจินหลิงเหรอ”
“ไม่ใช่ เดิมที ผมมาส่งเพื่อนคนหนึ่งกลับบ้าน แล้วก็เจอเพื่อนบ้านเขา จะให้ผมช่วยรักษา ผมก็เลยอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์” หลินหยางพูดความจริง
เมื่อมองหลินหยางแล้ว ในใจของจ้าวจินเฟิ่งยิ่งถูกชะตา ถามด้วยความสงสัยอีกว่า “นายมีที่พักแล้วยัง หากยังไม่มี พักที่นี่ก่อนก็ได้”
“บ้านคุณอยู่ที่ไหน” หลินหยางถามด้วยความอยากรู้
“ก็ที่คลินิกนี่แหละ ด้านหลังมีเตียง ไป ฉันจะพานายไปดู” จ้าวจินเฟิ่งลากแขนหลินหยางไปข้างใน เดินผ่านเคาเตอร์น์ไป ด้านในมีประตูเล็กๆ ผลักประตูเข้าไป ข้างมีห้องสามห้อง ห้องครัวหนึ่งห้อง ห้องอาบน้ำหนึ่งห้องและยังมีห้องนอนอีกหนึ่งห้อง
มองเห็นการตกแต่งอย่าง่ายๆหยาบๆ หลินหยางหัวเราะ “ถ้าผมไม่มีที่อยู่คุณจะให้ผมพักที่นี่ หากผมเดาไม่ผิด ก็น่าจะเป็นห้องนอนห้องเองนี่เอง”
“ไม่เป็นไร ห้องนอนนี้ใหญ่ นอนสองคนได้ ถึงตอนนั้นฉันนอนเตียง นายก็ปูพื้นนอนก็ได้แล้ว” จ้าวจินเฟิ่งยิ้มแบบตาหยี เปิดประตูห้องนอน
ตอนนี้เดือนสิงหาคม เมืองจินหลิงยังร้อนอยู่ ในห้องมีพัดลมตัวเล็กตัวหนึ่ง จัดห้องอย่างง่ายๆหยาบ เตียงในห้องใหญ่พอสมควร แต่ทว่าถ้านอนแล้วน่าจะไม่เย็นสบาย
“คุณพักที่นี่ ไม่ร้อนเหรอ” หลินหยางถามพลางยิ้ม
“ร้อนสิ ถามได้” จ้าวจินเฟิ่งได้ยินค้อนใส่หลินหยาง
“คุณปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” หลินหยางถาม
“24 นายหล่ะ”
“ผม 21 อ่อนกว่า คุณแต่งงานหรือยัง ” หลินหยางถามด้วยความอยากรู้ ดูเหมือนว่าไม่เห็นสามีของจ้าวจินเฟิ่งที่นี่
“ยัง ฐานะอย่างฉันใครจะเอา” จ้าวจินเฟิ่งพูดดูเหมือนว่จะรู้สึกน้อยใจ ส่ายหัวถอนหายใจ
“คุณสวยอยู่นะ ทำไมถึงจะไม่มีคนต้องการ” หลินหยางพินิจจ้าวจินเฟิ่งอีกครั้ง มองในระยะประชิด ตาหลินหยางตะลึงไปสักครู่หนึ่ง จ้าวจินเฟิ่งไม่ได้สวยแบบมองแว๊บก็รู้ว่าสวย แต่จะต้องมองนานๆถึงจะสวย ยิ่งมองนานยิ่งสวย
ดวงตาบนหน้ารูปไข่นั้น เต็มไปด้วยความดื้อรั้นหัวแข็ง ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้กับการใช้ชีวิตในตอนนี้ของเธอ ในใจหลินหยางดูเหมือนว่าถูกสะกดเอาไว้
“โถ่ นายเลิกพูดเถอะ ไม่มีคนเอาจริงๆ” จ้าวจินเฟิ่งได้ยินแล้วถอนหายใจ นั่งลงบนเตียงมีอาการเบื่อหน่าย
หลินหยางยิ้มพลางนั่งมานั่งข้างๆจ้าวจินเฟิ่ง ถามด้วยความสนใจ “ทำไมถึงไม่มีคนต้องการ หรือว่าคุณเป็นโรคที่รักษาไม่หายเหรอ”
“อีบ้า นายสิเป็น” จ้าวจินเฟิ่งค้อนใส่หลินหยาง หลังจากนั้นสายตาก็เปลี่ยนทันที ส่ายหัวถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม่ฉันเป็นโรคเบาหวาน รักษาแล้วมันยุ่งยาก ตอนนี้ทรมานบ่อยๆ ฉันก็ไม่มีเงินพาเขาไปรักษา ฉันจะหาผู้ชายสักคน ก็อยากได้คนที่พาแม่ฉันไปรักษาได้ แต่ว่าถ้าจะรักษาก็ใช้เงินเยอะพอสมควร ใครจะยอมจ่าย อายุก็เยอะขนาดนี้แล้วยังขายไม่ออกเลย”
หลินหยางรู้สึกสะเทือนใจ ตัวเองก็เป็นหมอ บางทีอาจจะช่วยเธอได้ แต่ว่าหลินหยางกลับไม่รีบร้อน ยิ้มแล้วมองจ้าวจินเฟิ่ง พูดว่า “คุณก็เป็นหมอ ทำไมจะต้องไปให้คนรักษาหล่ะ”
“คุณเยาะเย้ยฉันหล่ะสิ ถ้าฉันเป็นหมอที่มีฝีมือสูงส่ง วันนี้แค่รักษาโรคของไอ้บ้านั่นยังไม่ได้เลย แต่ทว่าอาการป่วยของแม่ ตอนนี้ฉันก็ดูแลอยู่ แต่ว่าคงไม่ได้มีผลที่ดีในระยะยาว ฉันเตรียมเก็บเงินเยอะๆเพื่อจะพาแม่ฉันไปผ่าตัด” จ้าวจินเฟิ่งนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียง
“แม่คุณพักอยู่ที่ไหน” หลินหยางถาม
“อยู่นอกเมือง มีบ้านอยู่ที่นั่น ฉันไม่ชอบเวลาที่กลับบ้านไปทุกครั้งจะต้องจ่ายเงินสองหยวนค่ารถประจำทาง บางครั้งตอนค่ำก็มีคนไข้ ฉันก็เลยพักอยู่ที่นี่ ที่บ้านมีน้องชายดูแลแม่อยู่” จ้าวจินเฟิ่งพูด
เห็นจ้าวจินเฟิ่ง นึกในใจว่าผู้หญิงคนนี้หาเงินแบบไม่คิดชีวิต ลังเลอยู่สักพักแต่ก็ยังคงถามต่อ “เดือนหนึ่งคุณหาได้เท่าไหร่หรอ”
“เดือนหนึ่งสามพันกว่ามั้ง ตัดรายจ่ายออกไป เดือนหนึ่งก็เหลือสองพัน อ่อ นายมัวแต่ถามฉัน ฉันยังไม่รู้เลยว่านายทำอะไร มีแฟนแล้วยัง”
“แฟนยังไม่มี ผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์เมืองเจียงหลิง ปีนี้ปีสี่แล้ว ปีหน้าก็จบแล้ว” หลินหยางตอบพลางหัวเราะ
“อะไรนะ นายยังเรียนอยู่ ฝีมือแพทย์เก่งขนาดนี้ มหาวิทยาลัยไม่เลวเลยแฮะ”จ้าวจินเฟิ่งพูดด้วยความชื่นชม
“วิชาแพทย์ของผมสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เรียนที่มหาวิทยาลัยไม่ได้เยอะหรอก” หลินหยางพูดอธิบาย
“มิน่าหล่ะ ฉันจำได้ว่าฉันก็จบมาจากที่นั่น วิชาเอกแพทย์แผนจีน” จ้าวจินเฟิ่งพูดจบ หลินหยางอึ้งไปครูหนึ่ง
“คุณก็เรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นหรือ”
“แน่นอน ฉันจบมาได้สองปีแล้ว แต่ทว่าสาขาแพทย์แผนจีนนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม จบออกมาก็หางานทำยาก ก็เลยเปิดคลินิกเองซะเลย พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ไปวันๆ”
หลินหยางมองพินิจไปรอบๆ ในใจเห็นความอนาถอยู่ สภาพแบบนี้ หรือว่าอนาคตของแพทย์แผนจีนจะเป็นแบบนี้
“พรุ่งนี้คุณพาแม่มา ผมจะลองช่วยคุณ บางทีอาจมีทางช่วยได้” หลินหยางคิดอยู่สักพัก จึงเอ่ยปากออกมา
“เธอเนี่ยนะ” จ้าวจินเฟิ่งมองหลินหยางด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง ก็ผมไง หากคุณไม่ยินยอมก็แล้วไป” หลินหยางพูดเสียงเบา
กัดฟันไปมา นึกถึงวันนี้ฝีมือแพทย์ของหลินหยางวันนี้แล้ว ความสามารถน่าจะพอตัวอยู่ ตบไล่ของหลินหยางแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้แม่มาวันพรุ่งนี้ ศิษย์น้อง ศิษย์พี่ฝากแม่ด้วยนะ”
“ทราบครับ คุณโทรบอกให้ท่านมาเถอะ” หลินหยางพูด
“มีคนไหม” ขณะที่สองคนกำลังคุยกัน มีเสียงออกมาจากข้างนอก
หลินหยางยืนปัดก้น มองจ้าวจินเฟิ่งแล้วพูดว่า “คุณโทรศัพท์เถอะ ผมออกไปดูเอง”
สำหรับฝรมือแพทย์ของหลินหยาง แม้ว่าเธอยังรู้ไม่หมด แต่ทว่าเธอวางใจ พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาที่บ้านทันใด
หลังจากหลินหยางเดินออกไป มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง มองมาข้างในอย่างร้อนรน
“เป็นอะไรครับ” หลินหยางทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หญิงสาวพอเห็นหลินหยางออกมาก็ดีใจ ยื่นแขนออกมาพร้อมถามว่า “หมอคะ คุณลองดูว่าสามารถรักษาได้ไหน”
หลินหยางมองไปที่แขนของหญิงสาวสักพัก ด้านบนเต็มไปด้วยจุดแดงๆ จุดแต่ละจุดเล็กใหญ่เหมือนเมล็ดข้าวสาร ดูแล้วก็น่ากลัวอยู่ งานหย้าขึ้นมามองหญิงสาว หญิงสาวคนนี้อายุประมาณสามสิบ หน้าตาถือว่าสวย ผิวขาวสะอาด แม้ว่าใบหน้าดูแวววาว แต่บริเวณคอเสื้อ มีเม็ดแดงๆเล็กสองจุด
。
“สิวพวกนี้ บนตัวคุณก็มีด้วยใช่ไหม” หลินหยางถามอย่างพินิจ
หญิงสาวคนนี้ประหลาดใจ มองหลินหยางแล้วรีบตอบไปว่า “ใช่ค่ะ บนตัวมีเยอะเลย ทำไมเหรอคะ คุณเคยรักษามาก่อนเหรอ”
“เปล่า ผมเห็นบนคอคุณมีอยู่สองสามจุด” หลินหยางพูดตามความจริง
หยิงสาวพอได้ฟังก็หมดคำพูด ดึงเสื้อขึ้น
“ยื่นแขนออกมา” หลินหยางพูดเสร็จ จับชีพจรของหญิงสาว จับเส้น ตรวจลมปราณ ไหลไปตามร่างกายของหญิงสาว
“ตรวจอยู่สักพักหนึ่ง หลินหยางมีสีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายของหญิงสาวคนนี้เป็นโรคผิวหนังง่าย น่าจะเป็นโรคภูมิแพ้” หลินหยางขมวดคิ้วอยู่สักพักหนึ่ง หลินหยางในใจน่าจะมีคำตอบอยู่แล้ว
“รักษาไม่ได้ใช่หรือเปล่า” หญิงสาวถามหลินหยางอย่างครุ่นคิด ถามอย่างหมดแรง
“คุณเคยไปรักษาที่อื่นมาบ้างหรือเปล่า” หลินหยางถามด้วยความอยากรู้
“ใช่ค่ะ ฉันไปโรงพยาบาลเฉพาะทางตรวจแล้ว แต่หมอบอกว่าถ้าจะรักษาต้องใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งแสนหยวน ยังไม่รับประกันอีกว่าจะรักษาให้หายขาดได้ แพงขนาดนี้ฉันไม่รักษาหรอก ดีที่หมอคนนั้นจริงใจ บอกฉันว่าลองไปหาร้านแพทย์แผนจีนดูว่ารักษาได้หรือเปล่า ฉันหามาหลายร้านแล้วไม่ได้ผล ก็มาที่ร้านคุณนี่แหละ หากไม่ได้อีก ฉันก็จะไปหาที่อื่นอีก” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน
หลินหยางมองไปที่หญิงสาว เสื้อที่ใส่อยู่คุณภาพก็ไม่แย่ แต่ไม่น่าจะแพงมาก คิดในใจว่าที่บ้านน่าจะรวยอยู่ แต่คงไม่ใช่ครอบครัวมหาเศรษฐี หนึ่งแสนหยวนถือว่าแพงไปหน่อย
“ผมไม่ได้บอกว่ารักษาไม่ได้ แต่ว่าโรคนี้ของคุณค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้เวลารักษานานสักหน่อย และมีความเก้อเขินนิดหน่อย” สีหน้าของหลินหยางเขินนิดๆ
“เสี่ยวหยาง น้องชายฉันมีธุระ วันนี้ตอนค่ำฉันจะกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้จะพาแม่มาที่นี่ คืนนี้นายก็ช่วยฉันดูคลินิกสักหน่อย”หลังจากจ้าวจินเฟิ่งโทรศัพท์เสร็จก็เดินออกมาจากในห้อง รีบพูดกับหลินหยาง
“ได้ คุณกลับไปเถอะ ทางนี้ผมดูให้เอง อ่อ เบอร์โทรศัพท์คุณอะไรหล่ะ เรามาแลกเบอร์กันหน่อย” หลินหยางพูดจบ ทั้งสองคนแลกเบอร์โทรศัพท์กัน
มองเห็นผู้ป่วยด้านหน้าหลินหยางแล้ว จ้าวจินเฟิ่งถาม “เป็นอย่างไร มีทางรักษาไหม”
“มี คุณวางใจเถอะ” หลินหยางพยักหน้า
จ้าวจินเฟิ่งไม่มีความสงสัยในตัวเขา และก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจมีความไว้วางใจในตัวผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ อีกทั้งยังให้เขาช่วยตนเองดูแลร้าน
หญิงสาวเห็น จ้าวจินเฟิ่ง เดินจากไป จึงถามว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าการรักษาต้องใช้เวลา และยังมีเรื่องเก้อเขิน หมายความว่าอะไรเหรอ”