ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่139 วิจัยต้นหญ้ากรดน้ำ
บทที่139 วิจัยต้นหญ้ากรดน้ำ
ตามเบอร์โทรที่ไป๋เซียนเฉ่าให้มา หลินหยางได้ลองโทรไป
ไม่นานนัก เสียงใสกังวานของเด็กสาวก็ลอดออกมา
“สวัสดีค่ะ ฉันหลินเหลียน คุณหาใครคะ”
สำหรับเสียงของหลินเหลียน หลินหยางรู้สึกตะลึง เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นคนแก่อายุเจ็ดแปดสิบรับสาย คิดไม่ถึงว่าจะยังสาวอยู่ขนาดนี้
“สวัสดีครับ ผมหลินหยาง ในมือผมมีสมุนไพรชนิดหนึ่ง อยากจะทำการจำเพาะพันธุ์ ขอสอบถามคุณสักนิดหนึ่งได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาให้ผมไหม เราจะได้คุยกันต่อหน้า”หลินหยางพูดถึงจุดประสงค์ออกไปโดยตรง
“จำเพาะพันธุ์หรือคะ คุณจะให้ฉันช่วยพิสูจน์ใช่ไหมคะว่าทำการจำเพาะพันธุ์ยังไง ทางเรามีค่าใช้จ่ายนะคะ และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขั้นพื้นฐานครั้งหนึ่งก็ราวๆหมื่นหยวน ไม่ทราบว่าคุณ……”
“สบายใจได้ครับ เปิดราคามาได้เลย ”หลินหยางยิ้มรับ วิธีการคุยกันแบบตรงไปตรงมาแบบนี้ หลินหยางชอบ
“คืนนี้อาจจะยังไม่สะดวก สักพรุ่งนี้สิบโมงเช้ามาคุยที่บ้านฉันได้ไหมคะ ถ้าสะดวก นำของตัวอย่างมาด้วยก็ได้ค่ะ ที่อยู่บ้านฉันคือ……”
เขาจดคำพูดของหลินเหลียนไว้ หลินหยางเดินลงชั้นล่าง ขับเบนซ์ออกไป
หลินหยางยังไม่ทันได้กลับหมู่บ้าน ก็ไปที่ริมแม่น้ำ หลังจากที่หาอยู่รอบๆ ไม่นานก็เจอต้นหญ้ากรดน้ำ พอหลินหยางเด็ดออกมาสักยี่สิบกว่าต้น จึงนำต้นหญ้ากรดน้ำกลับเมืองเจียงหลิงมาด้วย
เขาพุ่งตรงไปยังบ้านพี่หาน หลังจากที่หลินหยางสอนหนังสือหานเฉิงเรียบร้อยแล้ว จึงออก จากบ้านพวกเขามา เนื่องจากหานเฉิงอยู่ในบ้าน หลินหยางเลยไม่ได้ทำอะไรวาบหวิวกับพี่ หานต่อ เพียงแต่ตอนที่จากมา ตอนที่พี่หานกำลังจ่ายค่าเรียน หล่อก็แอบจับต้นขาของ หลินหยาง แล้วยิ้มให้หลินหยางอย่างยั่วยวน
หลินหยางเองก็ส่งสัญญาณว่าสักวันหนึ่งผมจะต้องกินคุณให้ได้ อาศัยจังหวะตอนที่พี่หานอยู่ในห้องนอน เขาแอบเข้าไปตบลูกบอลสองลูกของพี่หานเบาๆ แล้วมันก็เด้งดึ๋งไปมา
“เด็กบ้า ต่อไปมานั่งเล่นบ้านพี่บ่อยๆนะ มาได้ตลอดเวลา”พี่หานยิ้มให้หลินหยาง
หลินหยางพยักหน้า แล้วกลับไปที่ร้านซักรีด
พอกินอาหารค่ำกับจ้าวจินฟ่งเป็นที่เรียบร้อย หลินหยางจึงกลับเข้าห้องไปดูตำราโบราณสักสองสามชั่วโมง แล้วแอบฝึกท่ามังกรหงษ์ วันนี้บ้าคลั่งกับเผิงจิ้งเป็นนานสองนาน ก็ต้อง ย่อยกันบ้าง
วันถัดไป จ้าวจินฟ่งทำอาหารเช้าเรียบร้อย หลินหยางจึงเข้าไปนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ หลินหยางก็ให้จ้าวจินฟ่งดูแลร้านซักรีดต่อไป แล้วตัว เองก็นำต้นหญ้ากรดน้ำไปหาหลินเหลียน
พอขับรถมาถึงตามที่อยู่ที่หลินเหลียนบอก โทรหาหลินเหลียนติดเรียบร้อย
ไม่นานโทรศัพท์ก็โทรติด พอรู้ว่าเป็นหลินหยาง หลินเหลียนจึงรีบปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู หมู่บ้าน
“ฉันชื่อหลินเหลียน คุณคือหลินหยางใช่ไหมคะ”หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาแต่ไกล มองแล้วถามหลินหยาง
พอเห็นหลินเหลียน หลินหยางก็อุทานขึ้นเบาๆในใจ ตนเองคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าหลินเหลียนจะยังสาวขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าถ้าหล่อนไม่ใช่อายุสักหกเจ็ดสิบก็คงจะสักสี่ห้าสิบ แต่เท่าที่ดู จากรูปลักษณ์ตอนนี้ ก็น่าจะสักสามสิบต้นๆมั้ง
หลินเหลียนไม่ได้หน้าตาสะสวยอะไรมากมาย แต่ว่างามพิศ แว่นกรอบดำประดับใบหน้ารูปไข่ ดูแล้วงามจับใจ ผู้หญิงแบบนี้ สำหรับผู้ชายหลายคนแล้ว หล่อนคือเทพธิดา
“ครับ ผมคือหลินหยาง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะสวยขนาดนี้!”หลินหยางอดชมไม่ได้
“คิกคิก ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณจะยังหนุ่มขนาดนี้”คำชมของหลินหยาง ทำให้หลินเหลียนรู้สึกลำพองใจ“เอาล่ะ ไปบ้านกับฉัน เอาของๆคุณมาด้วย”
หลินหยางตอบรับ อุ้มลังออกมาจากรถลังหนึ่ง เดินตามหลินเหลียนเข้าไปในหมู่บ้าน
พอมาถึงบ้านหลินเหลียน หลินหยางคะเนสายตามองดูแล้วถามขึ้น“ที่บ้านคุณไม่มีคนเหรอ”
“ลูกไปเรียนพิเศษ สามีไปทำงานที่ปักกิ่ง ตอนนี้ฉันกลับมาดูลูกที่บ้าน อีกสักพักก็ต้องไปปักกิ่ง”หลินเหลียนยิ้ม แล้วรินเครื่องดื่มให้หลินหยาง
“งั้นของสิ่งนี้ คุณต้องเอาไปวิจัยที่ปักกิ่งด้วยใช่ไหม”หลินหยางสงสัย
“ไม่ต้อง ฉันใช้อุปกรณ์ทดลองในเมืองเจียงหลิงได้ ถึงเวลาฉันเอาไปห้องทดลองเอง ยังไม่รู้เลยว่า คุณนำของมีค่าอะไรมาหาฉัน”หลินเหลียนยิ้มตอบ
“อ๋อ อันนี้เรียกว่าต้นหญ้ากรดน้ำ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักไหม”หลินหยางเปิดลังออก ต้นหญ้ากรดน้ำสีเขียวขจีปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินเหลียน
เมื่อมองดูต้นหญ้ากรดน้ำที่หลินหยางนำมา หลินเหลียนจ้องมองแล้วถามขึ้น“นี่เป็นพืชที่เติบโตอยู่ริมคลองพื้นที่ใหญ่นี่คะ”
“ไม่เลว พี่เหลียนรู้จักหรือครับ รู้ว่ามันเพาะพันธุ์ยังไงไหม”หลินหยางถามขึ้นอย่างสงสัย
“หญ้าชนิดนี้น่ะพบไม่มากนักหรอกนะ แต่ก็ไม่น้อย อย่างน้อยตามชานเมืองในเมืองเจียงหลิงก็น่าจะมี บนบันทึกมีเขียนไว้น่ะ แต่ว่าจะเพาะพันธุ์อย่างไรนั้น ยังไม่เคยมีใครทำวิจัยออกมา จะว่าไปพืชชนิดนี้ก็ไม่ค่อยใช้กันสักเท่าไหร่ อย่างมากก็เป็นเพียงพืชปศุสัตว์ แต่พวกวัวพวกแพะก็ไม่ได้ชอบกินเท่าไหร่นัก คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะเพาะพันธุ์พืชนี้”หลินเหลียนมองหลินหยาง ราวกับอยากรู้ว่าหลินหยางนั้นล้อเล่นกับตนเองหรือเปล่า
“ไม่เลว สิ่งนี้แหละ ต้นหญ้ากรดน้ำ ผมอยากเพาะพันธุ์ขยายพื้นที่ โดยที่สรรพคุณไม่เปลี่ยนแปลง”หลินหยางพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ฉันจะลองช่วยคุณเพาะดูได้นะ ประมาณครึ่งเดือนเห็นผลน่ะ แต่พืชชนิดนี้ไม่น่าจะมีคนวิจัยมันมากเท่าไหร่ ราคาก็ไม่น้อยนะ คุณตกลงจะวิจัยมันไหม”
“อืม ตกลง ไม่รู้ว่าคิดราคายังไง”
“ถ้าวิจัยธรรมดา แค่หมื่นเดียวก็พอ ถ้าจะเอาแบบแม่นยำก็ต้องเพิ่มเงินหน่อย ทั้งสองแบบต้องวางมัดจำก่อน ถ้าเกิดว่าวิจัยแล้วไม่มีผลลัพธ์จะคืนค่ามัดจำให้ครึ่งหนึ่ง ถ้าสำเร็จก็ชำระเงินที่เหลือ คุณลองคิดดูแล้วกัน”หลินเหลียนนั่งลงเงียบๆ เธอใช้หลอดกวนน้ำแข็ง
“ไม่ต้องคิดแล้วล่ะ ผมเลือกแบบที่สอง ผมต้องการเพาะพันธุ์พัฒนา แล้วขยายพันธุ์จำนวนมาก นี่คือเงินมัดจำสองหมื่น ถ้าได้ผลลัพธ์ที่ผมพอใจ ผมจะเพิ่มเงินให้อีก”หลินหยางเตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้ว จึงหยิบเงินสองปึกออกมาจากกระเป๋า
เมื่อเห็นเงินปึกหน้าสองปึก หลินเหลียนนับดูว่าน่าจะราวๆสองหมื่น แววตาเธอเป็นประ กาย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า มีศักยภาพมากกว่าที่เธอคิด
“ตกลง ในเมื่อคุณเชื่อใจฉันขนาดนี้ ฉันก็จะพยายามสุดความสามารถ เงินนี้ฉันรับไว้แล้วนะคะ”หลินเหลียนไม่อิดออด การเก็บเงินค่าตอบแทนนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
หลังจากที่คุยกันเรียบร้อย หลินเหลียนจึงมองหลินหยางอย่างสนอกสนใจ พอมองอย่างละ เอียด ก็รู้สึกว่าหลินหยางหน้าตาหล่อเหลาไม่เบาเหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อเลยทีเดียวแหละ แถมร่างกายยังกำยำอีกด้วย
“ฉันสงสัยเหลือเกินว่าคุณจะเพาะพันธุ์พืชนี้ไปทำอะไร”หลินเหลียนถามหลินหยาง
“ความลับ”หลินหยางปฏิเสธไป
หลินเหลียนปฏิภาณไหวพริบดีจึงไม่ถามต่อ ได้แต่มองหลินหยางแล้วยิ้มน้อยๆ“งั้นฉันไม่ถามแล้วแล้วกันค่ะ ถ้ามีอะไรที่อยากจะเพาะพันธุ์อีก ก็มาหาฉันได้เสมอ”
หลินหยางไม่มีความเห็นสำหรับเรื่องนี้ เดิมทีคิดอยากจะกล่าวลา แต่หลินเหลียนดูเหมือน อยากจะคุยกับตนนักหนา หลินหยางจึงได้แต่นั่งลงคุยไปเรื่อยกับหลินเหลียน แม้ว่าหลินหยาง จะไม่เคยไปที่ไหนมามากมายนัก แต่ว่าเขาอ่านหนังสือมาก มีทัศนะส่วนตัวสูง คำพูดที่ พูดออกมา ทำให้หลินเหลียนอดอุทานชื่นชมไม่ได้
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งคู่จึงคุยกันไปจนถึงการเขียนพู่กันจีน
“ไม่รู้ว่าหลินหยางมีความรู้เรื่องการเขียนพู่กันจีนด้วย”
“ยังพอไหวครับ ค่อนข้างชอบชื่นชมตัวอักษร”หลินหยางยิ้มเล็กน้อย
“อย่างนั้นหรือคะ”เห็นได้ชัดว่าคำตอบของหลินหยางทำให้หลินเหลียนตะลึงไม่น้อย เดิมทีคิดว่าวัยรุ่นคงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ก่อนหน้าตอนที่คุยกับหลินหยาง หลินเหลียนก็ไม่คิดว่าหลินหยางจะคุยโวใหญ่โตอะไรหรอก คิดๆดูจึงหยิบม้วนกระดาษม้วนหนึ่งออกมาจากตู้ แล้วกางออกบนโต๊ะน้ำชา
“คุณลองดูสิว่าตัวอักษรนี้เขียนได้เป็นยังไงบ้าง”หลินเหลียนยิ้มให้
หลินหยางกวาดตามองม้วนกระดาษ ด้านบนเขียนว่า“กิริยาดุจไผ่”สี่ตัวอักษรนี้
กิริยาของต้นไผ่นั้นนอบน้อมลู่ลม หากกลับไม่เกรงกลัวลมฝน และมักจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความทรหด
เมื่อมองดูตัวอักษรสี่ตัว หลินหยางจึงอุทานออกมาว่า“อักษรสี่ตัวนี้เขียนได้ไม่เลวเลย”
“ตรงไหนที่ไม่เลว”หลินเหลียนถาม
“อักษรสี่ตัวนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเขียนพู่กันเท่านั้น แต่ยังเป็นการบรรยายทัศนียภาพของทิวทัศน์อีกด้วย อักษรสี่ตัวดูผ่าเผย หากใจกลางกลับซื่อตรง ประหนึ่งต้นไผ่ที่ไม่ยอมลู่ลม เรียกได้ว่าในตัวอักษรนั้นแฝงความหมายไว้อย่างดี”
หลินหยางพูดอย่างมีหลักการทุกคำ หลินเหลียนที่ฟังอยู่ข้างๆส่องประกายแววตาออกมาด้วยความชื่นชม รอให้หลินหยางพูดจบ หลินเหลียนก็อดอุทานออกมาไม่ได้ว่า“หลินหยาง ความรู้ของคุณนี่ไม่เบาทีเดียว คิดว่าต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพู่กันก็น่าจะสู้ไม่ได้”
“เหอะเหอะ พี่เหลียนล้อเล่นแล้ว ผมก็โม้ไปงั้น เห็นตัวอักษรพริ้วดี คนเขียนน่าจะเป็นผู้หญิง ผมเลยเดาว่า……คนเขียนต้องสวยมากๆ”พูดจบหลินหยางจึงส่งสายตาเย้ายวนให้หลินเหลียน
พอได้ยินคำพูดของหลินหยาง หลินเหลียนจึงหน้าแดงก่ำขึ้น เธอกลอกตาขาวให้หลินหยาง“แม้ว่าฉันจะดีใจมาก แต่ต่อไปห้ามยอแบบนี้แล้วนะคะ คุณไม่อายฉันน่ะอาย”
“ฮ่าๆ ผมพูดความจริงทุกตัวอักษร เยินยอที่ไหนกัน”หลินหยางแก้ต่างให้ตนเอง
“เห็นคุณพูดซะมีหลักการขนาดนี้ คุณลองเขียนดูสักแผ่นไหมคะ ถ้าเขียนได้ดี การพิสูจน์ครั้งนี้ฉันเอาแค่ค่ามัดจำพอ ไม่ต้องจ่ายทั้งหมด”ไม่ทันรอหลินหยางปฏิเสธ หลินเหลียนจึงหยิบกระดาษพู่กันและหมึกออกมา วางลงบนโต๊ะน้ำชา
หลินหยางอยากจะปฏิเสธแต่ก็ปฏิเสธไม่ทัน จึงได้แต่ฝืนยิ้ม“งั้นผมคงต้องขายหน้าแล้วนะครับ แต่ไม่ว่าผมจะเขียนออกมาอย่างไร ก็ขอให้พี่เหลียนวิจัยผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจออกมาก็พอ เงินที่เหลือผมยังคงให้เหมือนเดิม”
พูดจบจึงหยิบพู่กันแต้มหมึก แล้วตวัดลวดลายลงบนกระดาษ
หลินหยางเขียนตัวอักษรคำว่า“กริยาดุจไผ่”สี่ตัวนี้ ครั้งแรกที่ปลายพู่กันจรดลงกระดาษ แววตาของหลินเหลียนก็เบิ่งตาโต รอจนหลินหยางเขียนหมดแล้ว เธอเองจึงยืนตะลึงอยู่ตรงตัวอักษรที่หลินหยางเขียน
“เป็นตัวอักษรที่ดีจริงๆ เดิมทีคิดว่าแค่คุณดูเป็นนี่ก็ไม่เลวแล้ว ตอนนี้พอเห็นตัวอักษรคุณถึงได้รู้ว่าตัวอักษรที่ฉันเอาออกมา นั้นเป็นมือสมัครเล่นไปเลย”
หลินเหลียนมีความมั่นใจในตัวอักษรของตัวเองอย่างยิ่ง และมักจะนำตัวอักษรของตัวเองมาอวดต่อสายตาคนอื่นเสมอ ตัวอักษรพู่กันของเธอก็ขึ้นชื่อระดับประเทศ แม้ว่าจะสู้ปรมาจารย์ใหญ่ๆไม่ได้ แต่ว่าเขียนได้ขนาดนี้ ก็ทำให้คนอดชื่นชมไม่ได้แล้วล่ะ
แต่ตอนนี้พอมาเห็นตัวอักษรของหลินหยาง เธอถึงได้รู้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
“ตัวอักษรของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ พูดไม่ออกว่ารู้สึกยังไง แต่รู้สึกดีจริงๆ”หลิน เหลียนกล่าวชม
“ตัวอักษรที่คุณเขียนแม้ว่าจะไม่เลว แต่ว่ามันลอกเลียนแบบกันได้ แม้ว่าการวาดภาพจะผสานกัน แต่สุดท้ายการผสานนั้นก็เป็นของตาย ส่วนตัวอักษรของผม กลับมีความผสานของต้นไผ่อย่างแท้จริง ดูแล้วมีชีวิตชีวา การเขียนไม่เพียงแต่แสดงน้ำหนักของพู่กันเท่านั้น แต่ยังต้องลงลึกถึงความหมายด้วย”หลินหยางอธิบายไม่หยุด หลินเหลียนเห็นแววตาของหลินหยางเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มคนนี้ มีความรู้ขนาดนี้ ดูสง่าราศีของเขาแล้ว ไม่ด้อยเลยทีเดียว ดูแล้วมีความ ลึกซึ้ง
การรู้จักกับหลินหยางในช่วงสั้นๆ ทำให้ในใจหลินเหลียนรู้สึกดีไม่น้อยเลย เธอถึงขนาดที่รู้สึกว่า ถ้าหากว่าตนเองยังไม่แต่งงาน ก็คงจะชอบชายหนุ่มคนนี้เข้า
“คุณมีแฟนสาวหรือยัง”จู่ๆหลินเหลียนถามขึ้น
“ยัง”
“ผู้ชายที่เลิศขนาดนี้กลับไม่มีผู้หญิงเลยเหรอ หรือว่าคุณแอบซุกซ่อนสาวไว้มากมายต่างหาก”หลินเหลียนจ้องหลินหยางถามกลับ
“ที่ไหนกัน ไม่มีสักคน”หลินหยางรีบโบกปัดมือ ใบหน้าแดงเล็กน้อย
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินหยางแดงระเรื่อ หลินเหลียนจึงรู้สึกสนุก หัวเราะคิกคัก“ไม่มีได้ไง หน้าคุณแดงหมดแล้ว