ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่140 จ้าวจินฟ่งขายหน้า
บทที่140 จ้าวจินฟ่งขายหน้า
หลินหยางรู้สึกพูดไม่ออกอยู่ในใจ ถ้าตนเองไม่ขืนให้ตัวเองหน้าแดง คุณจะเชื่อหรือเปล่าว่าผมไม่ได้เลี้ยงผู้หญิง
“หน้าแดงที่ไหนกัน คุณตาฝาดแล้ว”หลินหยางหน้าแดง
“คริคริ คุณโกหกแน่ๆเลย หล่อขนาดนี้ มีความรู้ขนาดนี้ มีเงินขนาดนี้ ผู้หญิงจะน้อยได้ไงกัน แต่ถ้าเธอให้ตัวอักษรพี่ พี่อาจจะเชื่อเธอ เป็นยังไงล่ะ”หลินเหลียนถาม
หลินหยางไม่คิดจะเอาตัวอักษรกลับอยู่แล้ว จึงรีบพยักหน้า“ตกลง ให้คุณ”
“คริคริ ดีจัง อักษรของเธอถ้าเอาให้พวกผู้สูงอายุดู พวกเขาต้องตกตะลึงแน่นอน”หลินเหลียนยิ้มแล้วเก็บตัวอักษรของหลินหยางเข้าอย่างดี หันหน้าไปถาม“ตอนนี้คุณยังไม่มีผู้หญิงที่ไหน เป็นเพราะบกพร่องตรงไหนเหรอ”
“พรวด……”หลินหยางแทบกระอักเลือด กลอกตาขาวใส่หลินเหลียนพูดขึ้น“คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่ถือสา จะลองดูวิชาของผมหน่อยก็ได้”
ได้ยินแบบนี้หลินเหลียนก็หน้าแดง แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีที่ได้คุยกับหลินหยาง แต่อายุก็ห่างกันพอสมควร
เธออยากจะปฏิเสธ แต่สายตากลับกวาดไปตรงหว่างขาของหลินหยาง พอเห็นตรงนั้นเป็น รูปเป็นร่าง หลินเหลียนใจก็เต้นโครมคราม ถ้านี่ไม่ใช่เพราะเกิดความรู้สึกทางเพศขึ้นมาแบบนี้ ก็ถือว่าหลินหยางมีทุนเดิมที่ดีพอสมควร
“จะบ้าเหรอ ขนาดพี่เธอยังคิดแต๊ะอั๋ง”หลินเหลียนหยอกหลินหยาง
“งั้นผมจะรอฟังข่าวดีแล้วกัน ถ้ามีอะไรคืบหน้า ก็โทรหาผม เรามาแลกเบอร์โทรกัน”พอ หลินหยางแลกเบอร์โทรกับหลินเหลียน เห็นว่าไม่เช้าแล้ว หลินหยางจึงรีบออกจากบ้านหลินเหลียน
รอจนหลินหยางกลับมาถึงร้านซักรีด พอดีเห็นจ้าวจินเฟิ่งกำลังแขวนเสื้อผ้า หลินหยางจึงยิ้มให้แล้วเข้าไปช่วย ไม่นานนักก็แขวนเสื้อผ้าสองสามชุดเรียบร้อย
การบริหารงานไม่กี่วันนี้ ร้านซักรีดเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาบ้าง หลายคนเต็มใจส่งเสื้อผ้ามา จ้าวจินฟ่งเองก็ถือว่าได้ทำงานเต็มที่ เมื่อเทียบกับตอนที่เปิดคลินิกอยู่เมืองจินหลิง งาน แบบนี้เบากว่าเยอะ และก็รายได้สูงกว่าด้วย ตอนนี้เทคนิคแพทย์ยังไม่เปิดเรียน ถ้ารอจนถึงช่วงเปิดเรียนฤดูใบไม้ร่วง ธุรกิจซักรีดคงจะดังน่าดู
“ช่วงนี้รายได้เป็นไงบ้าง”
“ตอนนี้พอใช้ได้ครับ วันนึงได้ร้อยสองร้อยอยู่ ตอนนี้ยังฤดูร้อนไม่รีบเท่าไหร่ รอให้ผ่านไปอีกสักเดือนสองเดือนอากาศเย็นกว่านี้หน่อย ธุรกิจก็จะดีกว่านี้มากครับ”จ้าวจินฟ่งบิดเอว
อาศัยช่วงที่จ้าวจินฟ่งบิดเอว หลินหยางก็เหลือบสายตาไปมองที่หน้าอกของเธอ หน้าอกที่ตั้งชันนั้นแทบจะคับเสื้อผ้า ทำให้หลินหยางรู้สึกตาร้อน
ราวกับสังเกตเห็นแววตาของหลินหยาง จ้าวจินฟ่งกลอกตาขาวพูดขึ้น“มองอะไรเซ่อขนาด นั้น ฉันจะไปซื้อของมาทำกับข้าว”
“ไม่มีกับข้าวแล้วเหรอ งั้นวันนี้พวกเราออกไปกินกัน ผมเลี้ยงเอง”หลินหยางยิ้ม ดึงจ้าวจิน ฟ่งออกไป
จ้าวจินฟ่งไม่ปฏิเสธสำหรับการนี้ แต่ว่าก็พูดเตือน“ต่อไปฉันซื้อกับข้าวมาให้ครบก็พอแล้ว ออกไปกินบ่อยๆไม่ดีหรอก แบบนี้หาเงินเท่าไหร่ก็หมด”
“รู้แล้วครับ เถ้าแก่จ้าว”หลินหยางตอบ
“ตาบ้า ใครเป็นเถ้าแก่ยะ อย่าแซวฉันเลย”จ้าวจินฟ่งไม่ค่อยชอบใจ
“แน่นอนว่าเรียกเธออยู่แล้ว พวกเราเป็นเถ้าแก่เหมือนกันนี่นา”หลินหยางยิ้มจางๆ เขาดึงจ้าวจินฟ่งนั่งลงในร้านอาหารร้านหนึ่ง
ร้านอาหารร้านนี้ไม่ได้หรูหรานัก แต่บรรยากาศค่อนข้างสบายๆ ไม่เลวเลยทีเดียว เขาสั่งกับข้าวสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง หลินหยางกับจ้าวจินฟ่งหาที่นั่งติดหน้าต่างพลางคุย
ไม่นานนักกับข้าวก็ขึ้นมา หลินหยางกับจ้าวจินฟ่งเริ่มกินข้าวกัน
“คุณผู้หญิง กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปดูนะ เช้าวันนี้เห็นเธอเปิดประตูอยู่น่ะ เดาว่าตอนนี้คงออกไปกินข้าว อีกประเดี๋ยวถ้าไม่มีคน เราค่อยไปทุบประตู”หลินหยางกับจ้าวจินฟ่งกำลังกินข้าว พลางได้ยินผู้ชายข้างๆพูดคุย
“ฉันรู้แล้วล่ะ พวกเราก็นั่งลงกินข้าวเถอะ เดี๋ยวค่อยไปดู”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดมา
พอได้ยินเสียงนี้ จ้าวจินฟ่งชะงัก รีบเงยหน้าหันไปมอง พอได้เห็นชัดเจนแล้ว แววตาก็แสดงความโกรธขึ้งออกมาอย่างรุนแรง
พอเห็นปฏิกิริยาของจ้าวจินฟ่ง รวมกับคำพูดของผู้ชายคนหนึ่ง หลินหยางจึงเดาออกว่าเป็นคนที่ตีจ้าวจินฟ่ง
พอเงยหน้าขึ้นมองคนๆนั้น เห็นแต่สาวผมยาว สวมชุดรัดรูป ดูออกว่าฝึกกล้ามเนื้อมา อย่างดี หน้าตาก็พอใช้ได้ หน้ากลมๆ ตาดอกท้อสองชั้น ริมฝีปากแดงบางๆ แต่ดู ร้ายกาจ
บุคลิกค่อนข้างเย็นชา สีหน้าไม่รับแขก ดูเหมือนหญิงแกร่งหน่อยๆ
และที่มากับเจ้าหล่อน ยังมีชายฉกรรจ์อีกสี่คน คิดว่าน่าจะเป็นคนพังร้าน
ดูเหมือนจะสังเกตเห็นแววตาโกรธขึ้งของจ้าวจินฟ่ง มู่เสี่ยวซือหันกลับมา พอเห็นหน้าตาของจ้าวจินฟ่ง มุมปากขยับเย้ยหยันเล็กน้อย“หลบไปไหนแล้วเนี่ย ที่แท้อยู่นี่เอง โลกมันแคบจริงๆเนอะ”
“แกไอ้คนถ่อย ยังคิดจะซื้อบ้านอีกเหรอ”จ้าวจินฟ่งไม่แสดงความอ่อนแอ ด่าโพล่งออกไป
พอได้ยินจ้าวจินฟ่งด่า มู่เสี่ยวซือยิ้มเยาะอีกที“เธอมันเป็นหมาบ้านใคร ทำไมถึงกัดไม่เลือก”
“แล้วแกล่ะเป็นควยของใครที่ใส่กางเกงเปิดตูดหลุดออกมา”หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
ตอนนี้แม้ว่าจะถึงจุดสุดยอดไปแล้ว แต่ในร้านยังมีคนได้ยินคำพูดหลินหยาง บางคนหัวเราะออกมา
มู่เสี่ยวซือก็คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะพูดอะไรสถุลแบบนี้ออกมา จึงพูดตอบหลินหยางอย่างเย็นชา“ฉันว่าแกควบคุมปากตัวเองให้ดีเถอะ อย่าเสือก”
“อย่าเสือกงั้นเหรอ คราวที่แล้วพังร้านเราไม่มีชิ้นดี ยังมีค่ารักษาอีกนะ สิบล้าน ชดใช้มา”หลินหยางพูดเสียงเรียบ
เขามองหลินหยางด้วยสายตาเหยียดหยาม มู่เสี่ยวซือหัวเราะขึ้น“แกสมองฝ่อเหรอ เชื่อไหมว่าฉันจะทำให้แกออกจากประตูไม่ได้เลย”
“รับประทานอาหารในภัตตาคาร ขอความกรุณาอย่าวิวาทนะครับ จะได้ไม่มีผลกระทบต่อผู้อื่น”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมาไกล่เกลี่ย
“ฉันเป็นคนของบริษัทหมู่กรุ๊ป วันนี้จัดการธุระนิดหน่อย หวังว่าเถ้าแก่อภัย”แม้ปากจะพูดว่าอภัย แต่สีหน้าของมู่เสี่ยวซือดูไม่ได้มีความสลดเลย
บริษัทหมู่กรุ๊ป ค่อนข้างใหญ่ในเมืองเจียงหลิง ร้านอาหารเล็กๆแบบนี้จะไปสู้เขาได้ไง เวลานั้นสายตาของชายวัยกลางคนต้องหลุบลง
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง แค่ดูก็พอ”หลินหยางยืนขึ้นตบบ่าเจ้าของร้าน แล้วยิ้มพร้อมกับเดินไปที่มู่เสี่ยวซือ
“โครม!”ชายฉกรรจ์สี่คนลุกขึ้นยืน คำรามใส่หลินหยาง
“ผมเป็นหมด เห็นคุณสีหน้าแววตาแดงก่ำ ดูก็รู้แล้วว่าภายในร่างกายมีพิษ หน้าผากค่อนข้างคล้ำ อาการป่วยค่อนข้างหนัก หายใจกระชั้น โอกาสรอดไม่มาก รวมกับค่ายา สามสิบล้าน รวมกับที่น้องชายคุณขับรถแข่งแพ้ผมอีกห้าล้าน รวมทั้งหมดสามสิบห้าล้าน ถ้าจ่ายหมดทีเดียวลดให้สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ว่าไง”เขามองข้ามสี่คนนั้น หลินหยางหรี่ตายิ้มให้มู่เสี่ยวซือ มองใกล้ๆผู้หญิงคนนี้ก็สวยดี แต่หลินหยางไม่สนใจ
“แผลของเสี่ยวชิ่งฝีมือแกหรอกเหรอ”มู่เสี่ยวซือน้ำเสียงเย็นชาขึ้น
“แข่งรถมันก็ต้องอาศัยความสามารถอยู่แล้ว เขาแพ้ก็คือแพ้ มีไร บริษัทหมู่กรุ๊ปมีแต่สวะอย่างพวกแก แพ้แล้วพาลเหรอ”หลินหยางยิ้มเย็นชา
“ซ้อมมัน แล้วเอาตัวกลับไป!”มู่เสี่ยวซือสีหน้าเย็นชา ร้องเสียงดัง
ก่อนหน้านี้เห็นน้องชายโดนหามกลับไป ตอนนี้นอนแอ้งแม้งอยู่ที่โรงพยาบาล เห็นหมอว่า อยากให้หายเหมือนเดิม อย่างต่ำต้องหนึ่งปี และอาจจะมีแผลด้วย ทั้งตระกูลหาอยู่ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ทุกคนกลับลืมดูทะเบียนรถ เรื่องก็เลยยืดเยื้ออยู่
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอตัวคนทำ มู่เสี่ยวซือรู้สึกเดือดดาล
ชายฉกรรจ์สี่คนได้พุ่งเข้าไปแล้ว ต่างปล่อยหมัดไปที่หลินหยาง
หลินหยางยิ้มมุมปาก แววตาเยือกเย็น เห็นหมัดของชายฉกรรจ์คนแรก หลินหยางไม่หลบ แต่ กลับโต้ตอบไป
“แควก!”เสียงกังวานดังขึ้น ชายฉกรรจ์คนนั้นร้องเหมือนหมูโดนเฉือด ไม่รอเขาซัดกลับ หลินหยางก็ยกเท้าถีบเข้าที่หน้าอกแล้ว ร่างกายเขากระดอนออกทันที กระเด็นออกไปทีสองคน
หลินหยางตามไปติดๆ เขากรีดกรายร่ายรำกระบวนท่ามังกรหงส์ แล้วปล่อยหมัดให้คนอีก คน
หลินหยางผู้ซ่อนพลัง มีกำลังมากกว่าคนสี่คนรวมกันเสียอีก ในขณะที่หลินหยางกำลังต่อสู้ สี่คนนั้นต่างล้มไม่เป็นท่า หรือไม่ก็ล้มลุกคลุกคลาน
พอเห็นลูกน้องสี่คนโดนหลินหยางจัดการเสียหมอบ มู่เสี่ยวซือจึงดูสีหน้ายุ่งเหยิง แต่ไม่นานนักก็สงบลง เขาย่างก้าวเข้าหาหลินหยางทีละก้าว“แกคิดจะทำอะไร”
“ทำอะไร ก็อัดแกน่ะสิ!”หลินหยางดึงคอเสื้อมู่เสี่ยวซือขึ้นมา
“แกกล้าเหรอ!ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน แกเชื่อไหมว่าแกจะเสียใจไปทั้งชาติ!”มู่เสี่ยวซือขู่ เขาไม่เชื่อว่าในเมืองเจียงหลิงจะมีคนกล้าหือกับเขา
ไฟโทสะของหลินหยางมอดลง เขาทนไม่ได้ที่โดนขู่ จึงเรียกจ้าวจินฟ่งมา“จินฟ่ง วันนั้นเขาทำอะไรเธอบ้าง ที่เธอโดนซ้อม!”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ จ้าสจินฟ่งจึงลังเล เธอรู้ว่าบริษัทหมู่กรุ๊ปมีอิทธิพลมากในเมืองเจียงหลิง หลินหยางคนเดียวเอาไม่อยู่หรอก
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คิดว่าไม่เอาคืนแล้วจบเหรอ กล้าหน่อย มีอะไรผมรับผิดชอบ” หลินหยางยิ้ม
เมื่อได้รับกำลังใจจากหลินหยาง จ้าวจินฟ่งจึงกล้าขึ้น คิดถึงวันนั้นที่โดนลบหลู่ ดวงตาก็แดงขึ้น เงื้อมือตบฉาดลงบนหน้ามู่เสี่ยวซือ
ผัวะ ๆๆ……
เสียงตบฉาดกังวานขึ้น ไม่นานใบหน้าของมู่เสี่ยวซือก็เต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ
“พวกแกไม่ตายดีแน่ รอให้ฉันกลับมาจัดการพวกแก!”มู่เสี่ยวซือโดนตบจนแทบล่มสลาย ตั้งแต่เด็กยันโต ไม่เคยโดนหยามแบบนี้ แถมยังโดนคนที่อ่อนกว่าตบด้วย
“จะให้ฉันไม่ตายดีเหรอ คนสถุลแบบแก ไม่กี่ปีนี้ไม่รู้ทำร้ายคนไปแล้วเท่าไหร่ ตอนนี้ฉัน จะตบแกล้างแค้น!”จ้าวจินฟ่งมีนิสัยดุเดือด เผ็ดร้อน เพียงแต่โดนหลินหยางกดไว้หลายปี ตอนนี้ระเบิดออกมา จนน่าตกใจ
ตบไปได้ไม่กี่นาที จ้าวจินฟ่งรู้สึกเหนื่อย เธอมองดูหัวหมูของมู่เสี่ยวซือ จ้าวจินฟ่งพูดขึ้น“วันนี้ปล่อยไปก่อน ครั้งหน้ากักขฬะอีก จะเอาถึงตาย!”
หลินหยางมองไปทางมู่เสี่ยวซือที่หมดสภาพพร้อมตบบ่า เขาเริ่มรู้สึกมีพละกำลังขึ้นมา จากนั้นหลินหยางจึงหันไปกดจุดให้เขา ให้อารมณ์เขาสงบลง จากนั้นบอกเขา“พวกเราไปนะจริงสิ ถ้าเดาไม่ผิด แกอาการหนักแล้วนะ ภายในหนึ่งอาทิตย์ถ้าไม่ไปให้ฉันรักษา ต่อให้ยาเทวดาก็ช่วยไม่ได้แล้ว แล้วเตรียมสามสิบห้าล้านด้วยล่ะ ไม่งั้นไม่รักษา”พูดจบโบกมือให้จินฟ่ง ทั้งสองเดินออกจากร้านไป
หลินหยางได้ยินเสียงคำรามมาแต่ไกล“ฉันจะฆ่าพวกแก!”