ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่151 น้ำเสียง
บทที่151 น้ำเสียง
“คุณนอนดึกทุกคืนนานๆแบบเนี่ย ร่างกายจะแย่เอานะ ถ้าไม่ปรับให้ดีๆหน่อยน่ะ นานวันไป ต่อไปจะทนไม่ได้นะ”หลินหยางพูดเตือน
“ฉันมีเรื่องให้ต้องทำทุกคืนนี่นา จะพยายามพักผ่อนให้เร็วๆหน่อยแล้วกัน”เฟิงอู่นอนยิ้มแห้งๆอยู่บนเตียง ใบหน้าที่อ่อนโยนราวกับภาพวาด มองหลินหยางนิ่งๆ
“คุณจะงานยุ่งอะไรนักหนาทุกคืนน่ะ”หลินหยางถามโพล่งขึ้น
“เฟิงอู่เป็นนักเขียนบล๊อคอินเตอร์เนต มีนิยายบนอินเตอร์เนตเป็นจำนวนมาก คนกดไลค์ก็นับพันแล้ว แต่ว่าเธอต้องคอยเร่งต้นฉบับทุกคืน มักจะทำงานจนถึงตอนตีสองทุกคืน”จ้าวหรัวพูดอย่างกังวล
เขามองเฟิงอู่อย่างตกตะลึงแล้วพูดขึ้น“คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะเป็นสาวมากความสามารถคนหนึ่ง”
“อย่าไปซีซั๊วฟัง สาวมากความสามารถอะไรเล่า สุขภาพก็ขนาดนี้แล้ว”เฟิงอู่ยิ้มเยาะเล็กน้อย“เขียนเล่มนี้เสร็จก็ว่าจะพักหน่อย ใกล้จะจบเล่มแล้ว”
“ตอนนี้ก็ไม่ต้องเร่งต้นฉบับแล้ว ปรับสภาพร่างกายให้ดีแล้วกัน ถ้าคุณเชื่อผม ผมจะสั่งยาบำรุงให้ ดีต่อสุขภาพคุณด้วย”หลินหยางพูดพลางยิ้ม
พอเปิดใบสั่งยาให้เฟิงอู่เรียบร้อย หลินหยางก็ไม่อยู่นาน รีบออกจากหอพักของเฟิงอู่
“คนเขาจะไปอยู่แล้วนะ เฟิงอู่ ทำไมคุณยังแววตาเคลิบเคลิ้มแบบนั้นอยู่เล่า คงไม่ได้ไปแอบชอบผมเข้านะ”แววตาส่งหลินหยางอย่างอาลัย หลังจากที่จ้าวหรัวกลับมาก็เห็นสีหน้าตัวเองดูอาวรณ์อย่างหวานฉ่ำ ในใจก็อดตกตะลึงไม่ได้สาวน้อยเฟิงอู่หรือว่าจะสนใจหลินหยางเข้าแล้ว
“จะบ้าเหรอ ซี้ซั๊วะพูดอะไร”เฟิงอู่พอได้ยินดังนั้นจึงหน้าแดงก่ำขึ้น
“ฉันน่ะเหรอซี้ซั๊วะพูด เธอไม่รู้หรือไงว่าแววตาเธอเมื่อกี้น่ะ หวานฉ่ำอย่างกับฤดูใบไม้ผลิ จะว่าไปนะเฟิงอู่ ตอนเรียนปีสามเธอไม่ได้มองผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษเลยเหรอ วันนี้พูดอะไรตั้งมากมายกับหลินหยาง เธอจะต้องมีความรักแล้วแน่ๆเลย”จ้าวหรัวกวาดตามองเพื่อนร่วมหอพักที่กำลังตกอยู่ในความหวานฉ่ำอย่างเฉียบคม
“ไปตายเถอะ เมื่อกี้ไม่รู้ยังแกล้งถามโน่นถามนี่ ทำยังกะจะไปถามถึงโคตรเหง้าศักราชเขา”เฟิงอู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์
หลินหยางไม่รู้ถึงบทสนทนาของสองสามในหอพัก เขาเดินไปเดินมาในห้องอย่างสบายอารมณ์ อย่างไรเสียเปิดเทอมปีสี่วันแรก ต่อให้ไปสายก็ยังดีกว่าโดดเรียนล่ะมั้ง
“รายงานตัว!”
เดิมทีเขาจะลอบเข้าทางประตูด้านหลัง แต่พอมาถึงปรากฏว่าประตูหลังไม่เปิด!
ห้องเรียนทั้งห้องถูกขัดจังหวะขึ้น ทุกสายตาจ้องมองไปทางหลินหยาง
หลินหยางก็มองดูเพื่อนๆไปรอบๆ เพื่อนๆไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ว่าเขากลับไม่รู้จักอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องเลย อาจารย์ยังดูอ่อนวัยมาก เธอสวมชุดเข้ารูป น่องขาเรียวยาวใส่ส้นสูง ดูแล้วปราดเปรียว มีสง่าราศี
พอเห็นว่าหลินหยางเพิ่งจะมาถึง อาจารย์คนสวยก็ขมวดคิ้วเข้าให้ พูดขึ้นด้วยสีหน้าปั้นปึง“นายชื่ออะไร”
“หลินหยางครับ”
“ทำไมมาสาย”
“ขอโทษครับ คราวหน้าไม่มาสายอีกแล้วครับ”หลินหยางรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะอธิบายยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี อาจารย์สมัยนี้ชอบจับผิด ถ้าตอบว่าตื่นสายก็จะถามต่อว่าทำไมถึงตื่นสาย ถ้าตอบต่อว่ามีธุระก็จะโดนอบรมต่ออีกว่าเป็นนักเรียนต้องเรียนหนังสือเป็นหลัก ถ้ามีธุระก็ต้องทำเรื่องลาให้เรียบร้อย
“ฉันถามว่าทำไมถึงมาสาย!”สีหน้าของอาจารย์คนสวยเริ่มฉายแววโกรธเคือง ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์
“ผมเข้าห้องเรียนผิดห้องครับ ไปฟังอยู่ห้องนู้นมาราวๆครึ่งคาบเรียน ก็รู้ตัวว่าเข้าห้องผิด ก็เลยมาสายครับ”หลินหยางหาเหตุผลมาสักเหตุผลหนึ่ง พอเพื่อนๆได้ฟังต่างก็หัวเราะเสียงครืนขึ้นมา
พอได้ฟังเหตุผลสายฟ้าแลบของหลินหยาง สีหน้าที่ถมึงทึงของอาจารย์คนสวย ก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“เชื่อนายเลยจริงๆ ปีสี่แล้ว ยังจำหน้าเพื่อนไม่ได้อีกหรือไง ยังไปห้องเรียนผิดอยู่อีกเหรอ งั้นเล่าให้ฟังหน่อยไปฟังวิชาอะไรมาที่ห้องอื่น ถ้าเล่าไม่ถูก จะหักคะแนนจิตพิสัย”อาจารย์คนสวยยืนกอดอกพูด
หลินหยางกวาดตามองอาจารย์สาว บั้นท้ายสูงงอนรับลูกกลมกลึงสองลูกนั้นไว้ ช่างรับกับบุคลิกของเธอเสียเหลือเกินบุคลิกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักในรูปแบบของนางเอกที่ตลก
หลินหยางแอบร้องครวญครางในใจ ตัวเองไม่รู้ว่ากำลังฟังอะไรอยู่ เห็นกระดานดำเขียนตัวอักษรโตๆว่า“ความงดงามแห่งศาสตร์แพทย์แผนจีน”สี่คำนี้ หลินหยางเดาว่าอาจารย์สาวคงจะกำลังบรรยายเรื่องจุดเด่นของศาสตร์แพทย์แผนจีนอยู่
เขากระแอมเสียง หลินหยางหัวเราะแล้วพูด “บังเอิญจริงๆเลยครับ เมื่อกี้ผมก็ไปฟังเรื่องแพทย์แผนจีนที่ห้องนั้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ห้องนั้นพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าเข้าห้องผิด”
“ฮ่าๆๆ……”พอคิดถึงเหตุผลที่หลินหยางบอกว่ามาสายก่อนหน้า เพื่อนในชั้นต่างก็หัวเราะเสียงครืนกันขึ้นมา
เดิมทีก็ยังมีอารมณ์อยู่ แต่พอได้ยินหลินหยางพูดจาแปลกๆ อาจารย์สาวสวยจึงพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ ไหนว่ามาสิได้ยินอะไรมา”
“แพทย์แผนจีนในยุคสมัยโบราณ เป็นศาสตร์แพทย์ที่ผสานร่างกายคนเข้ากับจักรวาล ในยุคโบราณเชื่อว่าร่างกายมนุษย์แบ่งออกเป็นหลินหยาง เมื่อหลินหยางผสานเข้าด้วยกัน จึงจะทำให้การพัฒนาสมดุล……”หลินหยางอาศัยความเข้าใจของตนเองที่มีต่อแพทย์แผนจีน เขาอธิบายจุดต่างๆของแพทย์แผนจีนผ่านศาสตร์ฟิสิกส์ เคมี ชีวะไปจนกระทั่งคณิตศาสตร์ คนที่ฟังจึงอ้าปากค้างไปตามๆกัน
ดูเหมือนจะซับซ้อน แต่หลินหยางอธิบายได้ละเอียดชัดเจน หลายคนที่ปกติไม่เคยตั้งใจฟัง พอได้ยินหลินหยางอธิบาย จึงได้แต่พยักหน้า
ส่วนอาจารย์สาวสวยที่ดูทีเล่นทีจริงในตอนแรกก็ดูจริงจังขึ้นมา ท้ายที่สุดก็ดูประหลาดใจ ความรู้ที่หลินหยางพูดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าการถกของทุกคน แม้ว่าเทคนิคการแพทย์จะมีอาจารย์หมอแพทย์แผนจีนที่เก่งๆมากมาย แต่คนที่สามารถแจงได้ละเอียดขนาดนี้นั้นไม่มี
ต่อให้มี กั่วเหมิงก็ไม่เชื่อว่าหลินหยางจะสามารถอธิบายออกมาอย่างละเอียดและน่าสนใจขนาดนี้
นักเรียนคนนี้ น่าสนใจดี กั่วเหมิงคิดอยู่ในใจ
เสียงของหลินหยางก้องกังวานไปทั่วห้องเรียน พอเห็นนักเรียนแต่ละคนใจจดใจจ่อ หลินหยางรู้สึกสนุกขึ้นมา เขาเป็นแพทย์แผนจีนชื่อดัง และก็หวังว่าแพทย์แผนจีนจะแพร่ขยายกันออกไป เขาจึงไม่หวงวิชาในขณะที่กำลังอธิบาย พออธิบายเวลาก็หมดไปแล้วครึ่งคาบ
หลินหยางผู้ที่กำลังวาดลีลาอธิบาย พอเหลือบตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังด้านหลัง ก็ตกใจ คราวนี้ดังใหญ่แล้ว ตัวเองมาสายยี่สิบนาที กลายเป็นว่าตัวเองมาบรรยายอยู่เกือบชั่วโมง ตัวเองก็ก้าวหน้าเร็วกว่าปกติไปหน่อยมั้ย!
เขาแอบด่าตัวเองว่าปากมาก หลินหยางพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ผมก็ได้ฟังมาประมาณนี้ครับ ท่อนกลางก็มีที่ผมอธิบายเอง เลยพูดนานไปหน่อย ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ด้วยนะครับ”
“ไม่เลว หลินหยางพูดได้ดีมาก เลิกเรียนแล้วมาพบครูที่ห้องหน่อย เรามาถกกันต่ออีกนิด——เรื่องที่นายมาสายวันนี้”กั่วเหมิงพูดจบ เรียกเสียงหัวเราะครืนจากห้องเรียนมาได้อีกครั้ง
เนื่องจากหลินหยางใช้เวลาค่อนข้างนาน กั่วเหมิงจึงได้แต่ฝากคำพูดไม่กี่คำเอาไว้แล้วเลิกชั้นเรียน
เธอกวักมือเรียกหลินหยาง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของนักเรียนชาย หลินหยางเดินตามไปอย่างอ่อนใจ
เมื่อมาถึงห้องพักครูของกั่วเหมิง กั่วเหมิงนั่งลงบนเก้าอี้ กวักมือเรียกหลินหยาง ให้เดินมาข้างๆตนเอง
“หลินหยางใช่ไหม เนื้อหาที่พูดวันนี้ไม่เลว นายเข้าใจเรื่องแพทย์แผนจีนอย่างดีใช่ไหม”กั่วเหมิงถามหลินหยางทีเล่นทีจริง
“พอรู้บ้างครับ ที่สำคัญคือวันนี้อาจารย์ท่านนั้นพูดได้น่าสนใจมากครับ ผมเลยเลียนแบบ……”
“อย่าทำไก๋เลย แม้ว่าเทคนิคการแพทย์ของเรามีชื่อเสียงในประเทศ บุคลากรทางการแพทย์ก็ยอดเยี่ยม แต่ว่าระดับอาจารย์ที่จะพูดได้รับนายเนี่ย ฉันยังไม่เคยเห็น”เมื่อตัดบทพูดของหลินหยาง กั่วเหมิงจ้องเขม็งไปยังหลินหยางแล้วพูดขึ้น“อย่ามาอำฉันหน่อยเลย บอกมาหน่อยซินายเรียนมาจากไหน”
“สืบทอดมาครับ”หลินหยางพูดอย่างอ่อนใจ
“สืบทอดมาอย่างนั้นเหรอ นายอยู่สมาคมแพทย์แผนจีนเหรอ”กั่วเหมิงจ้องมองหลินหยางอย่างใคร่รู้
“ไม่ใช่ครับ อาจารย์จะสนใจเรื่องนี้ทำไมครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่อีกไม่กี่วันจะมีงานประชุมนักเรียนแพทย์ทั่วประเทศ เดิมทีโรงเรียนเราไม่ได้จะให้ใครไปเข้าร่วม แต่พอเห็นการแสดงออกของนาย ครูก็เตรียมจะส่งนายไป”กั่วเหมิงยิ้มพูด
“ไม่ไปครับ”หลินหยางปฏิเสธออกไปทันควัน พอฟังความหมายของกั่วเหมิง คิดว่าคงเป็นเพราะนักเรียนแพทย์แผนจีนมีน้อย แม้ว่าจะเป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะไปแลกเปลี่ยนอะไร
จู่ๆหลินหยางเบิ่งตาโพลง เห็นเพียงกั่วเหมิงมองตัวเองอย่างทีเล่นทีจริง มือทั้งสองจับเม็ดกระดุม ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก
เผยให้เห็นยกทรงสีชมพู ยอดอกสูงทะเนินทิ่มแทงตา ร่องอกขาวเนียนที่เผยออกมาน่าดึงดูด หลินหยางอดกลืนน้ำลายไม่ได้
“ไม่ไปจริงๆเหรอ”กั่วเหมิงแววตามีรอยยิ้ม ทำให้หลินหยางรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างแรง
“อาจารย์คิดเห็นยังไงครับ”หลินหยางมองกั่วเหมิงอย่างระแวดระวัง
“ถ้านายกล้าพูดว่าไม่ไป ครูก็จะตะโกนร้องว่าเธอลวนลามครู ส่วนผลลัพธ์น่ะเหรอ คิดเอาเองแล้วกัน”กั่วเหมิงพูดอย่างมีชัย
หลินหยางฟังแล้วรู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึงว่ากั่วเหมิงจะมาไม้เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แต่พอเห็นก้อนกลมกลึงสองก้อนนั้น หลินหยางรู้สึกว่าช่างคุ้มค่าเสียเหลือเกิน!
สายตาของหลินหยางคอยจับจ้องอยู่แต่กับเนินอกนั้น กั่วเหมิงโดนหลินหยางจ้องจนรู้สึกกระดากอาย จึงรีบดึงเสื้อมาบดบัง จ้องหลินหยางอย่างจับผิดแล้วพูดขึ้น“ว่าไง คิดดีหรือยัง”
“ไปร่วมงานนั้นมีผลประโยชน์ยังไงครับ”หลินหยางกลืนน้ำลายถาม
“คิกๆ นายอยากได้ผลประโยชน์แบบไหนล่ะ”กั่วเหมิงหัวเราะถามขึ้น
“ไม่มีผลประโยชน์ไม่ทำครับ อาจารย์อยากตะโกนว่าลวนลามก็ตะโกนไป หน้าอกอาจารย์ไม่มีรอยนิ้วมือผมสักหน่อย ยังไงก็ตรวจอะไรไม่ได้อยู่ดี”หลินหยางพูดอย่างสบายอารมณ์
“นาย!”กั่วเหมิงคิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะหัวไวขนาดนี้ เธอกลอกตาหัวเราะคิกคักพูดขึ้น“งั้นก็ได้ เย็นนี้ครูเลี้ยงข้าว แต่นายต้องไปร่วมงานประชุมให้โรงเรียนนะ ไปเป็นหน้าเป็นตาให้คณบดีคณะแพทย์แผนจีนของเราหน่อย”
หลินหยางฟังแล้วรู้สึกสะกิดใจ ถ้าเขาได้มีชื่อเสียงในวงการแพทย์แผนจีน ก็นับว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
“ไปร่วมงานที่ไหนครับ ที่ไปร่วมงานมีแต่นิสิตหรือครับ”หลินหยางถามขึ้น
“คนที่มาร่วมงานคราวนี้ ต้องเป็นตัวแทนที่คณะส่งไป นิสิตแต่ละคนเป็นหัวกะทิของสถาบันทั้งนั้น สำหรับงานประชุมแบบนี้ แน่นอนว่านิสิตแพทย์จำนวนมากต้องมากัน ถ้านายพูดได้ดี หรือถูกจับตามอง อนาคตสดใสแน่นอน”กั่วเหมิงพูดกับหลินหยางอย่างสบายอารมณ์
พอได้ยินว่ามีพวกหัวกะทิของวงการแพทย์ หลินหยางแอบดีใจอยู่ในใจ ถ้าแค่พวกนิสิตมหาวิทยาลัย หลินหยางก็ไม่ค่อยรู้สึกสนใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ต่อไปพอตัวเองจะเผยแพร่ศาสตร์แพทย์แผนจีนจะมากน้อยก็จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงจุดบกพร่องของวงการแพทย์แผนจีนได้
“งั้นก็ได้ครับ เย็นนี้เลี้ยงข้าวผม”หลินหยางพูดแล้วยิ้ม
“ได้ๆๆ ห้าโมงเย็นมาหาครูที่ห้องพักครู”กั่วเหมิงพูดอย่างเซ็งเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าแค่ขู่ให้หลินหยางตกใจเล็กน้อยก็พอปรากฏว่าต้องมาเสียทีเจ้านี่อย่างนี้ ยังจะต้องเลี้ยงข้าวอีก
จู่กั่วเหมิงยิ้มขึ้นที่มุมปาก เจ้าหนุ่มนี่น่าสนใจไม่หยอก
เมื่อจบคาบเรียนตอนเช้า ตอนบ่ายไม่มีชั่วโมงเรียน หลินหยางกลับมาถึงบ้าน เห็นจ้าวจินฟ่งที่กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าอยู่จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น“เหนื่อยแล้วสินะ ไปพักเถอะ ผมขึ้นไปเก็บกวาดข้างบนแล้วจะมาทำอาหารเที่ยงให้”
จ้าวจินฟ่งเคยลิ้มลองฝีมือทำอาหารของหลินหยาง พอได้ฟังจึงยิ้มออกมา“งั้นดีมากเลย ไม่ได้กินอาหารฝีมือเธอมาหลายวันแล้ว”
หลินหยางยิ้มแล้วเดินขึ้นไปข้างบน แล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป ก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังลอดมา
หลินหยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หรือว่าหนานกงหยูนกำลังขัดเบาอยู่
จึงยืนฟังเสียงฉี่ของหนานกงหยูนอย่างโรคจิตอยู่หน้าห้องน้ำ หลินหยางกำลังจะไป ก็มีเสียงดังออกมา