ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่164ลูกค้าเกินพัน
บทที่164ลูกค้าเกินพัน
ถึงแม้ไม่ค่อยอยากช่วยสักเท่าไหร่ แต่แค่เรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ หลินหยางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เดินตามสาวเดรสสีม่วงเข้าไปในห้องนอน เนื่องจากไฟเสียในห้องจึงมืดมาก แต่สายตาของหลินหยางดีมาก สามารถเห็นภาพด้านในได้อย่างชัดเจน
เตียงขนาดใหญ่วางอยู่ที่ขอบผนัง ในห้องมีแค่หน้าต่างบานเล็กๆบานนึงถูกผ้าม่านบังเอาไว้ บนโต๊ะๆนึงมีของอันธพาลที่สั่นสะเทือนวางอยู่ กลิ่นคาวอ่อนๆโชยมา สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นของที่ผู้ชายก่อนหน้านั้นทิ้งเอาไว้
ยืนอยู่บนเตียง หลินหยางวางไฟที่อยู่เหนือศีรษะแล้วพูดเสียงเบา: “คนสวย ไฟดวงนี้เผาจนเสียแล้ว ไปซื้อหลอดใหม่มาเถอะครับ”
“ที่นี่มีสำรองอยู่ค่ะ คุณช่วยฉันเปลี่ยนหน่อยเถอะ” หญิงเดรสสีม่วงยื่นหลอดไฟดวงนึงมา
หลังจากหลินหยางเปลี่ยนหลอดไฟเสร็จ ให้ผู้หญิงลองเปิดสวิตช์ดู ทันใดนั้นแสงไฟที่สว่างไสวก็ได้ปรากฏอยู่ในห้อง
“ขอบคุณๆมากเลยนะ สุดหล่อ คุณคงไม่ใช่มาที่นี่ครั้งแรกมั้งคะ?” จู่ๆหญิงใส่เดรสสีม่วงนึกอะไรได้ มองหลินหยางไว้และยิ้มอย่างสวยงาม
มองผู้หญิงสวมเดรสสีม่วงที่อยู่ตรงหน้า ขาเรียวสวยทั้งคู่ได้เผยออกมา ดูแล้วมีความสวยงามมาก เดรสที่โคตรสั้นกึ่งปิดกึ่งซ่อนแฝงด้วยการล่อใจ ทำเอาหลินหยางที่มองใจหวั่นไหว
ยิ้มด้วยความอึดอัด หลินหยางจับจมูกแล้วพูด: “ดูเหมือนจะใช่ ผมก็นึกว่าเป็นร้านตัดผมเสียอีก”
“ฮ่าๆ…..” ได้ยินคำพูดของหลินหยาง หญิงเดรสสีม่วงยิ้มอย่างงดงาม ใต้คอเสื้อที่ต่ำ ความนุ่มนวลสองก้อนได้สั่นไหวตามการหัวเราะที่รุนแรง หลินหยางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“คุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ?” ผู้หญิงคนนี้เริ่มพูดคุยกับหลินหยางขึ้นมา
“22ปี。”
“ยี่สิบสองครับ”
“เคยมีอะไรกับผู้หญิงมั้ย?”
“อันนี้……” หลินหยางถูกถามจนตกที่นั่งลำบาก ทันใดนั้นไม่รู้จะตอบยังไง
เห็นหน้าตาที่รีบร้อนของหลินหยาง สาวเดรสสีม่วงเริ่มมีใจอยากแกล้ง เธอนั่งกวักมืออยู่บนเตียงให้หลินหยางและพูด: “ยังอายเป็นด้วย? ฮ่าๆ มานั่งข้างๆพี่สิ”
หลินหยางเดินไปนั่งตามที่เธอพูดและถาม: “มีอะไรเหรอครับ?”
เห็นหลินหยางนั่งลงมา สาวเดรสสีม่วงพิงไปที่บนตัวของหลินหยาง กระต่ายขาวสองตัวแนบชิดอยู่บนแขนของหลินหยาง และถามด้วยเสียงอ่อย: “อยากจัดกับพี่สักครั้งมั้ย? สองร้อยหยวน ไม่จำกัดเวลา”
ลมหายใจหอมของดอกกล้วยไม้ที่อ่อนโยนเป่าอยู่บนใบหน้าของหลินหยาง หลินหยางหัวใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ หุ่นที่เผ็ดซี้ดของผู้หญิงคนนี้ทำให้ตัวเองห้ามใจไม่ได้ อยากปฏิเสธก็ยังยาก
แต่ว่ามีอะไรกับผู้หญิงยังต้องควักตังค์ เรื่องนี้หลินหยางคิดๆแล้วก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
ในขณะที่หลินหยางลังเลตัดสินใจไม่ได้ จู่ๆรู้สึกมือน้อยๆได้ลูบจับมาที่ตัวเอง
“โอ้วพระเจ้า! นี่เป็นของๆคนเหรอเนี่ย?” สาวเดรสสีม่วงที่เดิมทียังอยากหยอกล้อหลินหยางต่อ หลังจากได้สัมผัสแท่งเหล็กท่อนนั้นแล้ว ทันใดนั้นก็ส่งเสียงตกใจขึ้นมา
ดวงตาคู่สวยจ้องมองหลินหยางสักพัก ผู้หญิงพูดเสียงเบา: “จะมาสักครั้งมั้ย? อนุญาตให้นายไม่ใส่ถุง ถ้าทำให้พี่สบาย พี่ก็จะไม่เอาเงินนาย”
คอยมองผู้หญิงเซ็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า เส้นประสาทของหลินหยางถูกเล้าโลมอย่างไม่หยุด
เห็นหลินหยางก็ยังลังเลอยู่เช่นเคย หญิงเดรสสีม่วงกลอกตาไปมา กระชากเบาๆ อกภูเขาที่เดิมทีก็โผล่มาครึ่งนึงแล้ว เม็ดถั่วแดงที่ถวิลโหยหาก็ได้ปรากฏอยู่ในแววตาของหลินหยางอีก
มองดูภาพที่ล่อใจสุดๆ หลินหยางยังจะทนไหวได้ยังไง ตอนนี้สองร้อยหยวนสำหรับเขาไม่พอดูเลยด้วยซ้ำ ทำเสียงฮึ่มๆทีนึงไม่ลังเลอีก กระโจนไปหาหญิงใส่เดรสสีม่วง
คอยรับรู้ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมและค่อยๆอัดแน่นขึ้นมา ผู้หญิงใส่เดรสสีม่วงครางเสียงเบาๆ มองหลินหยางอย่างยั่วสวาทและพูด: “สุดหล่อ ทุนของนายนี่รสชาติดีจริงๆ เคยรับแขกมาเยอะขนาดนี้ ไม่เคยเห็นคนที่แกร่งเหมือนนายเลย”
“คุณเคยรับแขกมากี่คนครับ?” หลินหยางถามด้วยความแปลกใจ
กลอกตาขาวใส่หลินหยางทีนึงด้วยความไม่พึงพอใจ ผู้หญิงใส่เดรสสีม่วงก็ยังได้พูดตามตรง: “ตัวเลขแน่ชัดเท่าไหร่น่ะไม่รู้แล้ว ถ้าวันนึงรับแขกสองถึงสามคน ยังไงก็เกินพันแล้ว”
หลินหยางฟังแล้วกลอกตาขาวอย่างห้ามใจไม่ได้ และทุ่มสุดแรงเก็บเกี่ยวต่อ
ไม่นานผู้หญิงก็ร้องขึ้นมาอย่างลืมหน้าที่ๆต้องทำ หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที ผู้หญิงร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นก็ตัวสั่น เสียงที่เสนาะหูดังออกมาจากปากของเธอ
“ไม่มีความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว นายยังไหวอีกมั้ย?” สมกับเป็นผู้หญิงที่ผ่านศึกมาเป็นร้อยๆศึกจริงๆ ถึงจุดสุดยอดไปครั้งนึง ยังคิดอยากจะมาอีกครั้งอีกเช่นเคย
หลินหยางหัวเราะเบาๆไม่พูดจา ชูอาวุธพุ่งชนอย่างไม่หยุดอยู่ในสถานที่ๆลึกลับ ไม่นานผู้หญิงก็ครางยาวๆออกมาเสียงนึง อีกนิดเดียวเกือบจะสลบไป
เวลาผ่านไปทุกวินาที ตอนที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ภายใต้เสียงร้องครวญครางของผู้หญิง หลินหยางก็ได้ครางเสียงต่ำออกมา และกอดผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกจนแน่น
ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงสายตาพร่ามัว ริมฝีปากเล็กๆอ้าไว้ ร่างกายสั่นเป็นพักๆ
แก้มที่แดงมีเลือดฝาดเผยให้เห็นถึงความใคร่ หายใจหอบหืดอย่างอ่อนช้อยและพูด: “นายทรมานฉันตายไปเลยดีกว่า”
“ทรมานที่ไหน ถ้าไม่ใช่คุณจะเอาอยู่นั่นแหละ ผมจะทรมานคุณอย่างนี้ได้ยังไง?” หลินหยางพูดและยิ้มอย่างร้ายๆ
“ไปให้พ้นเลย ฉันก็บอกแล้วว่าไม่เอา แต่นายยังทรมานฉันต่ออีก” หญิงใส่เดรสสีม่วงพูดออกมาคำนึงอย่างไม่พอใจ
“ดูหน้าคุณไม่มีทีท่าให้ผมหยุด ผมก็เลยไม่หยุด”
“ไปตายเลยไป!”
ทั้งสองได้กะหนุงกะหนิงอยู่บนเตียงสักพัก หลินหยางลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า โยนไว้สองร้อยหยวนก็เดินออกไปด้านนอก
“รอก่อน นายชื่ออะไร?” จู่ๆผู้หญิงสวมเดรสสีม่วงได้ถามขึ้น
“ฉันรู้แล้ว ยังมีอีก วันนี้ฉันไม่เก็บเงินนายแล้ว นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเสียวขนาดนี้” หญิงใส่เดรสสีม่วงนอนอยู่บนเตียงและพูดเสียงเบา
“คุณเอาไว้ซื้อเสื้อผ้าเถอะ ผมกลับไปแล้ว” หลินหยางยิ้มอ่อนๆ หลงตัวเองไปครู่นึงว่าตัวเองยังพอมีเสน่ห์อยู่ ไม่นึกเลยว่าคนอื่นจะไม่เอาตังค์
หลังจากหลินหยางเดินออกมา แววตาของหญิงใส่เดรสสีดำที่มองหลินหยางแฝงด้วยความรักคลุมเครือที่ไร้ขีดจำกัด: “ไหนบอกว่าไม่เอาไม่ใช่เหรอคะ?”
“แหะๆ” หลินหยางยิ้มอย่างแกล้งโง่ และไม่ได้อธิบายอะไร
“เสียงที่ผู้หญิงคนนั้นร้องเมื่อกี๊ คาดว่าถนนทั้งเส้นคงได้ยินหมดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคุณทรมานเธอยังไง” หญิงใส่เดรสสีดำกวาดสายตาไปที่ระหว่างขาของหลินหยาง เค้าโครงที่กระชากใจทำให้เธอหัวใจหวั่นไหว
“ฮ่าๆ ร่างกายดี ผมไปก่อนนะ” หลินหยางไม่ได้อยู่นาน พูดอย่างเรียบง่ายคำนึงก็ได้เดินออกไปแล้ว
มองดูร่างเงาของหลินหยางที่จากไป หญิงใส่เดรสสีดำได้เปิดประตูของด้านในและเดินเข้าไป
“เสี่ยวหลิง เมื่อกี๊เธอครางซะมีความสุขขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?”
“แหะๆ หนุ่มหล่อคนเมื่อกี๊อึดจริงๆ ฉันรับลูกค้ามาสองปี นี่เป็นครั้งที่เสียวที่สุด เธอไม่รู้เขาน่ะเหมือนปศุสัตว์เลย……….” เห็นเพื่อนตัวเองเข้ามา หญิงใส่เดรสสีม่วงนึกย้อนถึงสถานการณ์สู้รบของก่อนหน้านั้นอย่างละเอียด หญิงใส่เดรสสีดำฟังไปฟังมา มือจับลงไปที่ด้านล่างอย่างควบคุมไม่ได้
เดินออกมาเพิ่งถึงโรงแรม ก็ได้รับสายของกั่วเหมิง
“หลินหยาง คุณอยู่ไหน? เรื่องย้ายโรงพยาบาลของหลงเฉียนได้ทำเสร็จแล้ว พวกเราเตรียมตัวกลับเจียงหลิงแล้วค่ะ”
“ผมถึงโรงแรมแล้ว พวกคุณอยู่ไหน?”
“พวกเราอยู่ที่โรงแรมเนี่ยแหละ คุณมาเก็บข้าวของหน่อย เก็บเสร็จพวกเราก็ไปเลย”
มาถึงตรงนี้ นอกจากเรื่องที่หลงเฉียนถูกซ้อมยังไม่ได้เคลียร์ เรื่องอื่นยังถือว่าเพอร์เฟคอยู่ ผู้อำนวยการเถาพึงพอใจกับการแสดงออกครั้งนี้ของนักเรียนตัวเองมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
“กลับไปเดี๋ยวเอารายชื่อของพวกคุณจดไว้ที่ประวัติของมหาวิทยาลัยเรา ชิงชัยเพื่อเกียรติยศมหาวิทยาลัยของเราจริงๆ!” ผู้อำนวยการเถาที่อยู่บนรถหัวเราะเสียงและพูด
หลินหยางกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม มองโจวโต่ที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนกำลังเสียใจเพราะหลงเฉียน อารมณ์เธอไม่ค่อยดี
แอบถอนหายใจความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาได้เร็วดี จากนั้นก็ได้หันหน้าไปคุยกับกั่วเหมิงขึ้นมา
กลับมาถึงเมืองเจียงหลิงก็หกโมงเย็นแล้ว เนื่องจากหลงเฉียนยังต้องยุ่งยากกับเรื่องย้ายโรงพยาบาลต่างๆ พองานยุ่งเสร็จก็หนึ่งทุ่มแล้ว
ขอบคุณและปฏิเสธข้อเสนอที่ผู้อำนวยการเถาจะเลี้ยงข้าว หลินหยางกับกั่วเหมิงได้เรียกรถมาถึงที่ร้านซักผ้า
“หลินหยาง คุณกลับมาแล้วเหรอ?” จ้าวจินเฟิ่งที่กำลังเก็บเสื้อผ้า สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวของด้านนอก พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเรียกอย่างเซอร์ไพรส์ทันที
“ฮ่าๆ ผมกลับมาแล้ว พวกคุณทานข้าวหรือยัง?”
“ยังเลย หยูนหยูนกำลังทำกับข้าวอยู่ คุณกลับมาได้ทานข้าวพร้อมกันพอดีเลย” จ้าวจินเฟิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
“หยูนหยูนทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ? จะกินได้มั้ยเนี่ย?” หลินหยางถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณพูดอะไรน่ะ? วันนี้ไม่มีข้าวเย็นของคุณ!” บังเอิญจริงๆ หนานกงหยูนเดินลงมาจากชั้นบนพอดี ได้ยินคำพูดของหลินหยางแล้วพูดด้วยความโกรธ
มองหนานกงหยูนที่คิ้วดั่งภาพวาดหมึก หลินหยางไม่สบายใจ ผู้หญิงคนนี้ช่วงล่างหญ้ายังไม่ขึ้นเชียวนะ ก็ไม่รู้ว่ารสชาติยังไง
“ฮ่าๆ ผมพูดเล่นน่ะ หนานกงหยูนสาวสวยออกโรงทันที กับข้าวที่ทำออกมาต้องระดับเชฟในวังแน่นอน” หลินหยางหัวเราะแหะๆ แล้วรีบประจบสอพลอ
“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย” ได้ยินหลินหยางพูดคำสวยหรู หนานกงหยูนใบหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก็คิดอะไรได้และพูด: “อ้อใช่ คุณให้คนส่งต้นหญ้ากรดน้ำมาใช่มั้ย? กล่องเบ้อเริ่มเลย วางอยู่บนชั้นสอง”
หลินหยางได้ยินแล้วรีบเดินมาถึงชั้นสอง มองดูกล่องไม้ลูกบาศก์ใบนึงวางอยู่ที่มุมผนัง พอเปิดมาดู กลิ่นอ่อนๆที่ปะปนความชุ่มชื้นเตะจมูกมา
ตรวจสอบว่าฤทธิ์ยาของต้นหญ้ากรดน้ำได้ลดน้อยถอยลงหรือเปล่า อีกอย่างผ่านการบำรุงยิ่งมีแนวโน้มที่คุณภาพสูง หลินหยางก็รู้สึกดีใจ
หยิบมือถือออกมาโทรหาไป๋เซียนเฉ่า สอบถามเรื่องของขวดครีมแผลลาย
หลังจากได้รับสายของหลินหยาง เสียงของไป๋เซียนเฉ่าก้องมา: “ก็รอคุณเนี่ยแหละ ฉันได้ให้คนเผาสองพันขวดแล้ว น่าจะพอให้คุณใช้สักพักแล้วมั้ง? พรุ่งนี้ฉันจะส่งไปให้คุณนะ”
“สองพันขวด? นี่คุณจะให้ผมเหนื่อยตายเลยรึไง?” หลินหยางพูด
“ฮึ สองพันขวดยังหาว่าเยอะอีก? น้อยเกินไปจะทำค้าขายให้ใหญ่โตได้ยังไง?” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างคับข้องใจ
“เอาล่ะๆ ผมจะเร่งปรุงครับ” หลินหยางพูดอย่างจนปัญญา
“แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แล้วก็ ถ้าว่างคุณก็มาดูที่บริษัทหน่อย อย่าถึงเวลาแม้แต่บริษัทตัวเองอยู่ไหนก็ยังไม่รู้อีก ” ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินหยางได้ยินคำนี้แล้วดีใจ ดูเหมือนตัวเองจะยังไม่รู้ว่าบริษัทตัวเองอยู่ไหนจริงๆ เขาหัวเราะและพูด: “งั้นได้ครับ พรุ่งนี้คุณส่งขวดมา รอให้ผมผสมยาออกมาได้สามร้อยขวด ผมก็จะไปดูบริษัทเลย”
“คุณต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการผสมสามร้อยขวดคะ?” ไป๋เซียนเฉ่าถาม
“ดูจากความสามารถของตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องสามวันมั้งครับ” หลินหยางพูดอย่างไม่แน่ใจ
“งั้นคุณก็พยายามเร่งหน่อยเถอะ เงียบมานานขนาดนี้ ควรจะสร้างความฮือฮาในวงการธุรกิจอีกครั้งแล้ว” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างสงบ เพียงแต่ความสั่นไหวของภายใต้ความสงบ หลินหยางไม่ได้ละเลย
หลินหยางไม่สงสัยหัวการค้าของไป๋เซียนเฉ่าเลยสักนิด นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลินหยางเสนอกับไป๋เซียนเฉ่าเปิดบริษัทอย่างตรงไปตรงมา
หลินหยางไม่รู้หลังจากไป๋เซียนเฉ่าเอาบริษัทเข้าสู่ตลาด จะมีผลกระทบยังไงกับวงการธุรกิจ แต่มีอยู่จุดนึงที่สามารถแน่ใจ แบรนด์หรูหราของเครื่องสำอางจุดนี้ ต่อไปต้องถูกรับการโจมตีของเซียนเฉ่าเซวียนแน่นอน!
แล้วได้คุยยุทธศาสตร์ของบริษัทไปสักพัก หลินหยางยิ่งรู้สึกตื่นตะลึงกับหัวการค้าของไป๋เซียนเฉ่า ผู้หญิงคนนี้นี่ไม่ธรมมดาจริงๆ
หลังจากวางสายลง หลินหยางได้ทานข้าวกับสามสาว หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ได้ฝึกพลังมังกรและหงส์อยู่บนเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากหลินหยางได้ชกบทมวยไปชุดนึง รถของไป๋เซียนเฉ่าก็มาถึงแล้ว
หลังจากส่งขวดของครีมแผลลายสองพันขวดมา ก่อนที่ไป๋เซียนเฉ่าจะไปได้มองหลินหยางทีนึง เหมือนอยากจะพูดอะไร สุดท้ายได้ถอนหายใจเบาๆก็จากไปเลย
สำหรับเรื่องนี้หลินหยางก็ได้ส่ายหัว ไป๋เซียนเฉ่าไม่อยากพูดเขาก็ไม่ถามหรอก พอไป๋เซียนเฉ่าจากไป หลินหยางได้ขับรถของตัวเองไปที่ตลาด เขาจะเปลี่ยนหม้อและเตาหลอมใบใหญ่มาใช้ในการปรุงยา ไม่งั้นประสิทธิผลมันช้าเกินไปจริงๆ