ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่277 ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์
“สมองของคุณปกติแล้วใช่มั้ยครับ?”
หลินหยางที่ถูกส้งซูยี่ถีบตกเตียงไป พอลุกขึ้นมาก็ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากถามไถ่ส้งซูยี่ด้วยสีหน้าที่คาดหวัง
ส้งซูยี่รู้สึกว่าการกระทำนี้มีความหมายอีกแบบหนึ่ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ สิ่งแรกที่เธอทำก็คือควานหาผ้าห่มเพื่อมาปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง แต่เพื่อความสะดวกในการรักษา เมื่อกี้หลินหยางจึงจัดการย้ายทุกอย่างบนที่นอนออกไปจนหมดแล้ว
ส้งซูยี่รู้สึกอายจนโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอทำได้แค่เอามือมาปิดจุดลับของตัวเองเอาไว้เท่านั้น จากนั้นก็กัดฟันแล้วคำรามออกมา “แกต่างหากละที่สมองไม่ปกติ! แกเป็นใครกันแน่!?”
หลินหยางรู้สึกแปลกใจ “ผมก็คือไอ้คนโรคจิตของคุณไม่ใช่รึไง?”
“กะ แก……”
ส่งซูยี่สีหน้าซีดเผือด ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในใจของเธอ แม้แต่ความคิดที่อยากจะตายก็ผุดขึ้นมาแล้ว
ทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมพอตื่นขึ้นมาตัวเองก็ไม่ได้ใส่อะไรไว้เลย มานอนอยู่บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย ที่สำคัญข้างๆ ยังมีผู้ชายอีกคนที่ไม่ใส่อะไรเลยเหมือนกัน!
ส่วนผู้ชายคนนี้ กลับยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าตัวเองเป็นไอ้โรคจิตอีก! หรือว่า ตัวเองจะถูกเขาทำอะไรไปแล้วจริงๆ !?
แล้วน้ำตาของส้งซูยี่ก็ได้ไหลออกมา จากนั้นก็ร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมา
“อย่าร้องไห้สิครับ คุณยังรู้สึกเจ็บอยู่ใช่มั้ยครับ? บอกผมสิครับ เดี๋ยวผมรักษาให้!” หลินหยางรีบถามไป
เจ็บเหรอ!?
พอส้งซูยี่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็เข้าใจไปอีกขั้นหนึ่ง ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะสู้ตายกับหลินหยางแล้ว แต่พอหลินหยางยืนขึ้น แล้วเห็นวัตถุที่เหมือนแส้ตรงกลางหว่างขาทั้งสองข้างกำลังตั้งตระหง่านอยู่อย่างนั้น เธอก็อายจนไม่กล้ามองเขา
“แก ไสหัวออกไปเลยนะ! ออกไป!”
หลินหยางอึ้งไป แต่ก็ต้องรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เพราะในที่สุดเขาก็มั่นใจสักทีว่าส้งซูยี่ได้กลับมาหายเป็นปกติแล้ว!
ความจริงจากการตอบสองในตอนที่ส้งซูยี่ฟื้นขึ้นมา หลินหยางก็รู้สึกถึงจุดนี้ได้แล้ว แต่นี่คือครั้งแรกเลยที่เขาใช้เจินชี่ที่เป็นพลังมังกรและหงส์ทั้งสองแบบขั้นพื้นฐาน รวมถึงขั้นตอนในการรักษาโรคนั้นอย่างซับซ้อนให้ส้งซูยี่อีก เขาจึงยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ และอยากที่จะทำการยืนยันดู
ตอนนี้ พอได้ยินส้งซูยี่พูดกับตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีท่าทางที่ไร้เดียงสาแบบเด็กๆ อีก หลินหยางก็รู้สึกโล่งอก และรู้ว่าตัวเองได้ทำสำเร็จแล้ว
“ได้ เสี่ยวชัยหง คุณพักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวผมจะมาดูคุณอีกรอบ”
หลินหยางเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าส้งซูยี่แค่ยังปรับตัวกับสติปัญญาที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น รอให้เธอสงบลงก่อน นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้ ช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่เขาโดยมีสติปัญญาเท่าเด็กเจ็ดขวบ เท่านี้ก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว
ส้งซูยี่คำรามออกมาราวกับคนเสียสติ “แกไสหัวออกไปไกลๆ เลยนะ แกไอ้คนโรคจิต ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก!”
หลินหยางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พวกคุณสองคนดูพอรึยัง? ยังไม่รีบเข้ามาช่วยผมอธิบายอีก?”
พอคำพูดของหลินหยางสิ้นสุดลง ฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่หน้าประตูตลอด ก็ได้ผละออกจากประตูแล้ววิ่งหนีไปทันที
ช่วยไม่ได้ พวกเธอสองคนไม่ได้ไม่อยากช่วยหลินหยาง แต่พวกเธอแค่ไม่กล้า เพราะพวกเธอเองก็อยู่ในสภาพที่โป๊เปลือยเหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้สติปัญญาของเสี่ยวชัยหงก็กลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนกับพวกเธอ ต่างก็เป็นหญิงสาวที่โตแล้ว พวกเธอจึงไม่หน้าด้านพอที่จะเข้าไปทั้งแบบนั้น
ส้งซูยี่พูดไปอย่างโกณะเกลียดว่า “ยังมีอะไรให้แกอธิบายอีก? ถ้าอยากอธิบาย ก็รอให้ฉันส่งแกเข้าคุกก่อนค่อยอธิบายแล้วกัน!”
หลินหยางรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองพูดอะไรไปก็ผิด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก เก็บผ้าขนหนูที่ตกอยู่ตรงพื้นขึ้นมาห่ออาวุธสังหารที่อยู่ระหว่างขาของตัวเองไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
พอประตูห้องปิดลง เสียงร้องไห้ครวญครางของส้งซูยี่ก็ดังขึ้นในห้องทันที
“การเป็นคนดีนี่มันไม่ง่ายจริงๆ ”
หลินหยางรู้สึกหมดหนทาง ไม่นึกเลยว่าหลังจากที่เสี่ยวชัยหงฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว กลับทะเลาะกับตัวเองจนเกิดความเข้าใจผิดกัน เธอที่ยังไม่ได้รับการรักษายังดูน่ารักกว่าตอนนี้เป็นไหนๆ !
พอกลับมาที่ห้อง หลังใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองแล้ว หลินหยางก็โทรหาส้งเจียว บอกให้เธอมาเยี่ยมลูกสาว
ตอนที่จะลงไปข้างล่าง เขาจึงออกจากห้องและได้เจอกับฉีเยนเอ๋อร์และซินเสี่ยวลื่อที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว กำลังยืนจับมือกัน ยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่ดูผิดธรรมชาติ
หลินหยางถลึงตา “พวกคุณสองคุณรู้สึกสนุกกันมากนักใช่มั้ย? ที่เห็นผมถูกเสี่ยวชัยหงเข้าใจผิดแล้วยังไม่คิดจะช่วย?”
ฉีเยนเอ๋อร์ฝืนยิ้มแล้วตอบไปว่า “จะโทษเราก็ไม่ได้นะคะ ใครให้คุณเล่นถอดเสื้อผ้าของคนอื่นจนหมด ส่วนตัวเองก็ไม่รู้จักระวังคำพูดบ้างเลยรึไงคะ?”
หลินหยางรู้สึกไม่สบอารมณ์ “ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อรักษาให้เธอ!”
ซินเสี่ยวลื่อพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะกลับเป็นปกติแล้ว แต่ก็เหมือนจะยังจำคุณไม่ได้ เธอเรียกคุณแค่โรคจิต แต่ไม่ใช้ไอ้คนโรคจิตเหมือนอย่างเคย”
หลินหยางไม่ได้โกรธอะไรพวกเธอ และได้พูดไปว่า “เหมือนว่าหลังจากที่สติปัญญากลับเป็นเหมือนเดิมแล้วเธอก็ได้ลืมเรื่องทุกอย่างในช่วงที่สติปัญญาถดถอยไปจนหมดมั้ง มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของผมไป”
“ทำไมคะ? หรือคุณยังคาดหวังว่าหลังจากที่รักษาให้เธอแล้ว ยังจะให้เธอเป็นแฟนของคุณอีกอย่างนั้นเหรอคะ?”
นี่คือคำขอร้องที่เสี่ยวชัยหงมีต่อหลินหยางตลอดมา ณ เวลานี้ พอฉีเยนเอ๋อร์พูดมันออกมา มันกลับเป็นการพูดเยาะเย้ยหลินหยางไปแล้ว
หลินหยางเหลือกตา “อย่ามัวแต่มาพูดแซวผมเลย ก่อนที่แม่ของเธอจะมาถึง ช่วยเข้าไปให้กำลังใจเธอหน่อย แล้วช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจด้วย”
ซินเสี่ยวลื่อพูดขึ้นว่า “แม้แต่คุณเธอยังจำไม่ได้เลย แล้วจะจำพวกเราได้ยังไงล่ะคะ? ตอนนี้เธอกำลังโกรธ คำพูดของเราเธอก็ไม่มีทางเชื่อเหมือนกัน”
หลินหยางมาคิดดูมันก็จริง ดังนั้นเขาจึงไม่ฝืนอีก และได้ลงไปชั้นล่างพร้อมกับพวกเธอ
รถของไป๋เซียนเฉ่ามาถึงที่หน้าประตู ด้านหลังยังมีรถขนของตามมาด้วยอีกคัน
“หลินหยาง สินค้าผลิตเสร็จรึยังคะ?” ไป๋เซียนเฉ่าเดินเข้ามาถาม
หลินหยางตอบ “อยู่ในห้องผมหมดแล้วครับ ให้คนงานขึ้นไปขนได้เลยครับ ทำไมคุณถึงมาด้วยตนเองเหรอครับ?”
ไป๋เซียนเฉ่าเหลือบมองฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินหยางไปแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “คุณต้องเก็บตัวเพื่อกิจการของบริษัทตั้งหลายวัน ฉันที่เป็นถึงประธานจะเข้ามาให้กำลังใจคุณหน่อยเลยไม่ได้รึไงคะ?”
ฉีเยนเอ๋อร์ขำแล้วพูดไปว่า “พี่เซียนเฉ่าคะ นี่พี่มาให้กำลังใจหรือมาปลอบใจหลินหยางกันแน่คะ?”
คำสองคำนี้ออกเสียงต่างกันนิดเดียว แต่ความหมายของมันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไป๋เซียนเฉ่าก็เหมือนกับฉีเยนเอ๋อร์และซินเสี่ยวลื่อที่เคยร่วมเตียงกับหลินหยางมาแล้ว ถึงตอนนี้จะยังรู้สึกอายอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่ยอมทำให้ตัวเองดูด้อยไปกว่าคนอื่น เธอทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็พูดไปว่า “มีสาวสวยอย่างเธอสองคนอยู่ด้วย คงไม่ต้องถึงมือฉันหรอกมั้ง?”
หลินหยางลูบๆ จมูก รู้สึกเหมือนมีกลิ่นของดินปืนอบอวลอยู่เต็มอากาศ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเขา ทำได้เพียงหุบปากแล้วเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
ไป๋เซียนเฉ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอหันไปบอกกับคนงานให้ขึ้นไปขนของที่ชั้นบน
“หลินหยาง! ลูกสาวของฉันอยู่ไหน?! เธอเป็นยังไงบ้าง?” ส้งเจียวพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่ร้อนรนสุดๆ
หลินหยางตอบไปว่า “เธอหายดีแล้วครับ ตอนนี้อยู่ข้างบน คุณขึ้นไปหาเธอได้เลยครับ”
หลินหยางคิดว่าส้งซูยี่คงไม่ลืมแม้กระทั่งแม้ของตัวเองหรอก และเขายังหวังอีกว่าหลังจากที่ส้งเจียวขึ้นไปจะช่วยแก้ตัวให้เขาด้วย
ส้งเจียวร้อนรนที่เป็นห่วงลูกสาว จึงไม่ได้หันไปทักทายใครทั้งนั้น และพุ่งตรงขึ้นไปชั้นบนทันที
“ซูยี่ ลูกรัก? ลูกหายดีแล้วใช่มั้ย? ลูกร้องไห้ทำไม?” พอส้งเจียวเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นส้งซูยี่นั่งกอดผ้าห่มบนร่างกายอย่างเหม่อลอย ดวงตากลายเป็นสีแดงเหมือนกับของกระต่าย
“แม่คะ……”
ส้งซูยี่ได้สติกลับคืนมา พอเห็นส้งเจียวเข้ามา เธอจึงเรียกออกไป แต่จู่ๆ สีหน้าของเธอก็ดูเย็นชาลง เบือนหน้าหนี กัดริมฝีปากแล้วพูดไปว่า” แม่จะมาที่นี่ทำไม? ออกไป หนูไม่อยากเห็นหน้าแม่”
ส้งเจียวชะงักไป เธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธกับสิ่งที่ส้งซูยี่พูดมา แต่เธอกลับพูดออกมาด้วยความดีใจว่า “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็หายดีแล้วใช่มั้ย?”
ส้งซูยี่พูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “หนูหายดีหรือไม่ แม่สนใจด้วยเหรอคะ? ออกไปเถอะค่ะ หนูอยากอยู่คนเดียว”
เมื่อส้งเจียวได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเธอก็ดูผิดหวังจนถึงขั้นสิ้นหวังทันที แต่เธอก็ยังฝืนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ ลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นแม่ออกไปก่อนนะ ลูกพักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะ”
“รอเดี๋ยว!”
จู่ๆ ส้งซูยี่ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงได้เรียกส้งเจียวเอาไว้ก่อน
ส้งเจียวชะงักไป จากนั้นก็ได้ยินส้งซูยี่พูดขึ้นว่า “เอามือถือให้หนูหน่อยค่ะ”
ส้งเจียวรู้สึกแปลกใจ “ลูกรัก ลูกจะเอามือถือไปทำไม จะโทรหาใครเหรอ?”
ส้งซูยี่พูดออกมาด้วยความรำคาญใจว่า “แม่แค่เอามือมาให้หนูก็พอแล้ว!”
“ได้ ได้ อย่าเพิ่งใจร้อน งั้นลูกก็โทรไปแล้วกัน แม่ไม่กวนลูกแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน ที่อยู่ของที่นี่คืออะไร?”
ส้งเจียวทำตามคำขอของส้งซูยี่ทุกอย่าง ไม่เพียงเอามือถือให้เธอไป แถมยังบอกที่อยู่ของที่นี่ไปด้วย จากนั้นก็ออกไปอย่างระมัดระวัง
“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่มั้ยคะ? ฉันจะแจ้งความค่ะ ฉันถูกคนหมิ่นประมาทค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่ที่……”
ครีมแผลลายกับครีมโต้วโค่วที่อยู่ในห้องถูกคนงานแพงใส่ลังแล้วเอาขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว หลังจากไป๋เซียนเฉ่าจัดการเรื่องนี้เสร็จเธอก็ไม่ได้อยู่ต่อ พอมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่ เธอก็ให้กำลังใจหลินหยางไปแป๊บหนึ่งก่อนจะจากไป
ในตอนนั้นเองส้งเจียวก็ได้เดินลงมาจากข้างบน สีหน้าเหงาหงอย
หลินหยางถาม “พี่เจียวครับ เสี่ยวชัยหงเป็นยังไงบ้างครับ? พวกคุณคุยกันดีๆ มั้ยครับ?”
ส้งเจียวจ้องเขม็งมาที่หลินหยาง แล้วพูดไปว่า “สติปัญญาของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่บางที่คุณอาจจะพูดถูก การที่ให้เธอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตไปตลอด ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่แย่ก็ได้ เฮ้อ”
หลินหยางพยักหน้า “ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“เมื่อกี้ คุณไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ยค่ะ?” ส้งเจียวจ้องมองหลินหยางด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อน
หลินหยางรีบชูสามนิ้วขึ้นมา “ฟ้าดินเป็นพยาน ผมแค่รักษาให้เธอเท่านั้น ผมไม่ได้แต่ต้องเธอแม้แต่ปลายผมด้วยซ้ำอืม ต่อให้แตะ ก็ทำไปด้วยจรรยาบรรณของความเป็นหมอเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ ให้เยนเอ๋อร์กับเสี่ยวลื่อมายืนยันให้ก็ได้ครับ”
ซินเสี่ยวลื่อตั้งใจพูดออกมา “ค่ะ ฉันเป็นพยานได้ เราไม่ได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นทั้งนั้น”
แววตาของส้งเจียวดูประหลาดขึ้นมาทันที ส่วนหลินหยางนั้นกลับพูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้จงใจทำลายฉัน รอดูว่าฉันจะจัดการเธอยังไง!
ส้งเจียวลังเลไปแป๊บหนึ่ง แล้วพูดไปว่า “ไม่ว่ายังไง เธอก็หายดีแล้ว ฉันเองก็สบายใจแล้วเหมือนกัน แต่ว่า หลินหยางฉันอยากรบกวนคุณให้เธออยู่ที่นี่อีกสักพัก”
หลินหยางรู้สึกแปลกใจ “คุณไม่อยากรับเธอกลับบ้านเหรอครับ?”
ส้งเจียวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ถึงฉันจะอยาก แต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอม……เฮ้อ ยังไงก็ต้องรบกวนคุณแล้ว”
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่จางเยว่ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาข้างใน พร้อมกับเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ
พอจางเยว่เข้ามาถึงก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “เมื่อกี้ใครเป็นคนแจ้งความคะ?”
หลินหยางรู้สึกแปลกใจ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง? อยู่ดีๆ ใครจะไปแจ้งความกันครับ?”
“ฉันเป็นคนแจ้งเอง! คุณตำรวจคะ คนที่หมิ่นประมาทฉันก็คือมันนั่นแหละค่ะ!”
จู่ๆ ส้งซูยี่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่บันได พร้อมกับชี้ไปที่หลินหยางด้วยความโกรธแค้น
จางเยว่หรี่ตาลง แล้วมองไปที่หลินหยาง พร้อมกับสายตาที่แฝงไปด้วยจิตสังหาร
ฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อนั้นชะงักไป จากนั้นก็เอามือปิดปาก แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายโดยเข้าใจกัน
ส้งเจียวจ้องเขม็งมาที่หลินหยาง ด้วยสายตาที่ตื่นตกใจและเจ็บปวด
หลินหยางรู้สึกว่าสายตาของพวกผู้หญิงนั้นเป็นเข็มที่ทิ่มแทงเข้ามาที่ร่างกายของเขา จนมันพรุนไปหมดแล้ว
“ผมบริสุทธิ์นะครับ……” หลินหยางตะโกนออกมาด้วยความเหนื่อยใจ