ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่280 กำที่จับไว้สุดชีวิต
“ฮิฮิ!”
ฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อทำหน้าเจ้าเล่ห์ เอามือปิดปากแล้วก็ขำคริคริ
สมองของหลินหยางยังมึนงงอยู่ เขานั่งมองสองสาวจากบนพื้น เขาเห็นฉีเยนเอ๋อร์กำยกทรงตัวหนึ่งไว้ในมือ ที่แท้เมื่อกี้ที่เขาคันจมูกนั้น ฉีเยนเอ๋อร์นี่เองที่มาแหย่มัน!
“นี่แค่ไม่ได้สั่งสอนพวกคุณแค่ไม่นานเองไม่ใช่เหรอ? มีแรงมากแล้วใช่มั้ย? ได้!”
หลินหยางพุ่งเข้าไปทันที เข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของสองสาว ไม่พูดพร่ำทำเพลงยื่นมือออกไปอุ้มสองสาวขึ้นมา
“ว้าย! ช่วยด้วย!”
“โรคจิตมาแล้ว มันกำลังจะข่มขืนฉันแล้ว!” ฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อกำลังกรีดร้อง พร้อมกับทุบตีหลินหยางไปด้วยแต่พวกเธอกลับดูสนุกสนานมาก
หลังจากที่สองสาวถูกหลินหยางบุกเบิกแล้ว พวกเธอก็มีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือไม่รู้จักพอ จนอยากจะพัวพันอยู่กับหลินหยางไปทุกวัน
ส่วนหลินหยางนั้น หลังจากที่ได้ฝึกพลังมังกรและหงส์ไป เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสมรรถนะของร่างกายได้ บวกกับการที่เขาบรรลุได้แล้ว จึงทำให้การที่จะเติมเต็มความต้องการของสองสาวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เขาไม่ได้สนใจการขัดขืนของสองสาวเลยแม้แต่น้อย หลินหยางได้เอาสองสาวพาดไว้บนบ่า แล้วเดินดุ่มๆ ไปชั้นบน
“เกิดอะไรกันขึ้น!?”
พอขึ้นถึงชั้นสอง ส้งซูยี่ก็วิ่งออกมาด้วยสีหน้าที่แตกตื่น
แล้วพบกับภาพที่หลินหยางแบกสองสาวไว้ที่บ่าพอดี มือแต่ละข้างกำลังบีบเคล้นอยู่ที่สะโพกของสองสาว แล้วเธอก็ตกใจจนต้องเบิ่งตากว้าง จากนั้นเปลวไฟแห่งความโมโหก็ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเธอทันที เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
พอหลินหยางได้เห็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้รู้สึกละอายใจแต่อย่างใด
นับตั้งแต่ที่สติปัญญาของส้งซูยี่ฟื้นคืนกลับมา หลินหยางก็รู้สึกว่าส้งซูยี่ไม่น่ารักเลยแม้แต่นิดเดียว อาจเป็นเพราะเสี่ยวชัยหงก่อนหน้านี้น่ารักมากเกินไปก็ได้ ดังนั้น ตอนนี้เมื่อส้งซูยี่กลับมาเป็นปกติแล้ว เขายังปรับตัวไม่ได้ในทันที
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ถึงหลินหยางจะพิสูจน์ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ล่วงเกินส้งซูยี่เลย แต่ส้งซูยี่ก็ยังไม่ยอมทำหน้าดีๆ ให้เขาเลยสักนิด ด้วยเหตุนี้ หลินหยางจึงได้สูญเสียความรู้สึกดีๆ ที่มีกับเธอไป
“อ้า! รีบปล่อยฉันลงไปนะ!”
“มันน่าขายหน้าจะตาย ไอ้คนชั่ว!”
ตอนที่ไม่มีคน ไม่ว่าจะมาไม้ไหนกับฉีเยนเอ๋อร์กับซินเสี่ยวลื่อพวกเธอก็เล่นด้วยหมด แต่พอมีคนอื่นอยู่ด้วย พวกเธอสองคนก็ยังรู้จักยางอายอยู่เหมือนกัน ตอนนี้พอเห็นส้งซูยี่ พวกเธอก็อยากให้หลินหยางปล่อยตัวเองลงไปทันที
แต่หลินหยางกลับไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น เขาแค่พูดกับส้งซูยี่ด้วยน้ำเสียงที่เรีบเฉยว่า “ไม่ใช่เรื่องของคุณ ไม่ต้องตามมา มันไม่เหมาะกับเด็ก”
พูดจบ หลินหยางก็ไม่สนใจว่าส้งซูยี่จะตอบสนองยังไง เขาเตะประตูห้องนอนออก ไม่แม้แต่จะปิดประตูเลยด้วยซ้ำ
เขาวางสองสาวไว้บนเตียง หลินหยางไม่รอช้า รีบถอดเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของตัวเองออกจนหมด
เมื่อสองสาวได้เห็นพลังการทำลายล้างที่ส่งออกมาจากร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขา พวกเธอก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว จนต้องตกไปอยู่ในสภาพที่ลุ่มหลงในทันที
หลินหยางไม่รอช้า เขารีบถลกเสื้อผ้าของสองสาวออก ไม่นาน เสียงครางและเสียงครวญครางและเสียงหายใจอันคลุมเครือ โอ้ว อ้า แผ่วออกมาจากห้อง
ส้งซูยี่ยืนพิงอยู่ที่ประตู จ้องมองไปยังห้องนอนของหลินหยาง ตอนแรกแววตาของเธอยังโกรธเกรี้ยวอยู่เลย แต่ไม่นานในตอนที่เสียงในห้องดังออกมานั้น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
“กลางวันแสดๆ ยังทำเรื่องแบบนี้ได้ หน้าด้านสิ้นดี!”
ส้งซูยี่กัดฟันแน่น จากนั้นก็ปิดประตูอย่างแรง
ตอนแรกเธอก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ซินเสี่ยวลื่อที่กำลังถูกหลินหยางเฆี่ยนตีอย่างแรงนั้น ก็ไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บและความเร้าใจของตัวเองได้ เสียงร้องครวญครางดังลั่นไปทั่วห้อง จนถึงขั้นดังทะลุกำแพงมาเข้าหูของส้งซูยี่เลยทีเดียว
ส้งซูยี่รู้สึกร้อนขึ้นมาที่ใบหูเธอใช้แรงปิดหูเอาไว้ แต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องที่ดังมาเป็นพักๆ อยู่ดี มันยิ่งทำให้ผลกระทบที่มีต่อจิตใจของเธอมันหนักมากขึ้นไปอีก
“บัดซบ! ไอ้บ้านั้นมันเป็นสัตว์ป่ารึไงเนี่ย!”
ส้งซูยี่กระทืบเท้า โกรธจนถึงขีดสุด แล้วพุ่งไปที่หัวเตียงม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างมิดชิด
ทว่า มันก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรเลย เสียงจากห้องข้างๆ เหมือนเงาตามตัว ที่ดังเข้ามาในหูเธออย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่มผ้าห่มไว้ หรือเป็นเพราะเสียงจากห้องข้างๆ กันแน่ ส้งซูยี่รู้สึกร่างกายของตัวเองเกิดร้อนรุ่มขึ้นมารู้สึกเหมือนมีตัวอะไรไม่รู้ขยับอยู่ภายใน ส่วนตรงกลางของขาทั้งสองข้างนั้น กับคันขึ้นมาอย่างน่าอับอาย
ส้งซูยี่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก กัดริมฝีปากล่างไว้แน่นๆ หลังลังเลไปแป๊บหนึ่ง เธอก็ค่อยๆ ยื่นมือลงไปใต้หว่างขาของตัวเอง
เสียงลมหายใจที่พยายามควบคุมอย่างสุดชีวิตดังออกมาจากใต้ผ้าห่ม……
หลังผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเต็ม หลินหยางก็ค่อยๆ เคลื่อนออกจากมือไม้เหมือนปลาหมึกที่อยู่บนร่างกายตัวเองของสองสาวอย่างระมัดระวัง เขาลงจากเตียงแล้วไปล้างเนื้อล้างตัว
มองดูสองสาวที่นอนหลับสนิท หลินหยางก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ในตอนที่กำลังทำศึกกับสองสาวอยู่นั้น หลินหยางก็ได้เปลี่ยนไปใช้พลังมังกรและหงส์ เขาบรรเลงบทรักไป ฝึกวิชาไปการทำแบบนี้ไม่เพียงไม่สูญเสียกำลัง แต่มันยังสามารถฟื้นฟูกำลังได้ด้วย แถมยังได้ฝึกวิชาไปในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นตอนนี้ หลินหยางเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังถึงแม้จะเพิ่งปลดปล่อยไป แต่สิ่งที่อยู่ตรงหว่างขานั้น ยังพร้อมที่จะสู้รบอยู่
อย่างไรก็ตาม สองสาวก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปแล้ว หลินหยางจึงไม่จำเป็นต้องสนใจถึงความอดทนที่พวกเธอรับได้อีก สามารถจัดได้ตลอด
หลังอาบน้ำเย็นเสร็จ ในที่สุดหลินหยางก็สามารถทำให้น้องชายของตัวเองสงบลงอย่างว่าง่ายได้ เขาใส่เสื้อผ้า เดินออกจากห้อง และไม่ลืมที่จะปิดประตูด้วย
เขามองไปยังห้องข้างๆ จากนั้นก็หลับตาลง และไม่รู้ว่าส้งซูยี่กำลังทำอะไรอยู่ในห้อง
หลินหยางไม่มีทางไปหาเรื่องเธอก่อนอยู่แล้ว ตอนที่เขากำลังจะลงไปข้างล่างนั้น เขาก็ได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดขึ้นออกมาจากห้องของส้งซูยี่
หลินหยางรู้สึกแปลกใจ แนบหูเข้ากับประตู ตั้งใจฟังดู เขาได้ยินแค่เสียงหายใจดังออกมาจากในห้อง ที่สำคัญคือมันฟังดูอ่อนแอมาก มันค่อนข้างต่ำแต่ก็เร่งรีบ
หลินหยางรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที เขาคิดว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับส้งซูยี่ก็ได้ ทันใดนั้นเขาก็ไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมากตัดสินใจใช้ไหล่กระแทกประตูแล้วพุ่งตัวเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้น!? เออ……”
พอหลินหยางเข้าไปได้ ก็ตะโกนออกมา แต่ก็ต้องตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
เขาเห็นส้งซูยี่อยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า นั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง ขาสองข้างแยกออก มือข้างหนึ่งวางอยู่ตรงหว่างขา ส่วนมืออีกข้างก็กำแน่นอยู่ที่ผ้าปูที่นอน ส่วนผ้าปูมุมหนึ่งกลับถูกเธอกัดไว้ในปาก
ใบหน้าของส้งซูยี่แดงก่ำ ดวงตาที่เคยปิดแน่อยู่นั้น ตอนนี้ได้เปิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน พอเห็นหลินหยางที่พุ่งเข้ามายืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้านั้น เธอก็งุนงงไปเลย
“เข้าผิดห้อง ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
หลินหยางเหลือบมองส้งซูยี่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไปโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อยๆ ปิดประตูลง
ในตอนนี้สมองที่ลัดวงจรของส้งซูยี่ถึงได้ฟื้นคืนกลับมา ทั้งตกใจทั้งโกรธ เธอมีความรู้สึกเหมือนอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตายๆ ไปเลย มันส่งผลมากกว่าตอนที่ตัวเองนอนโป๊อยู่กับหลินหยางเสียอีก
ถึงแม้หลินหยางจะออกไปนานแล้ว แต่ส้งซูยี่ก็ยังกระชากผ้าห่มขึ้นมา คลุมตัวเองไว้แน่นๆ แม้แต่หัวยังไม่กล้าให้โผล่ออกไปเลย
เธอกัดริมฝีปากแน่น ความคิดกระเจิงไปหมดแล้ว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!? ส้งซูยี่ ทำไมเธอถึงทำเรื่องที่น่าอายแบบนั้นไปได้!?”
“ไอ้หมอนั่น มันกำลังทำเรื่องชั่วๆ อยู่ห้องข้างๆ ไม่ใช่รึไง ทำไมจู่ๆ ถึงพุ่งเข้ามาในนี้ได้ล่ะ!?”
“มันตั้งใจเหรอ? ใช่แล้ว มันต้องตั้งใจแน่ๆ ! ไอ้คนไร้ยางอายนั่น มันคงจะยังไม่พอใจ เกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกและอยากทำให้ฉันอับอายอีกครั้ง!”
ส้งซูยี่ยิ่งคิดยิ่งโมโห จนถึงขั้นเกิดความคิดที่อยากจะฆ่าคนขึ้นมาเลยทีเดียว
เธอโกรธจนแทบบ้าแล้ว เปิดผ้าห่มออก ใส่เสื้อผ้า จากนั่นก็พุ่งออกจากห้องไป
“หลินหยาง!!”
ส้งซูยี่กรีดร้องออกมาเสียงดัง เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังระเบิดออกมา
หลินหยางได้เดินมาถึงชั้นล่างแล้ว เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา นั่งดูการแข่งขันฟุตบอลราวกับไปเคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
พอได้ยินเสียงของส้งซูยี่ หลินหยางก็หันไปมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “เงียบๆ หน่อยสองคนนั้นกำลังนอนอยู่”
คำพูดนี้ฟังแล้วเหมือนจะเป็นการเตือนด้วยความหวังดี แต่พอถึงหูของส้งซูยี่นั้น มันกลับกลายเป็นการกระตุ้นอย่างหนึ่ง คนที่เป็นนิสัยดื้อด้านแบบเธออยู่แล้ว ตอนนี้จึงมีความเข้าเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหลินหยางกำลังเยาะเย้ยเธออยู่!
เยาะเย้ยสิ่งที่เธอทำกับตัวเองในห้องเมื่อกี้
“ฉะ ฉันจะฆ่าแก! ฉันขอสู้ตายกับแก!”
ส้งซูยี่ตาแดงและน้ำตากำลังไหลลงมา เธอพุ่งเข้ามาโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น ยื่นกรงเล็บออกมาแล้วจู่โจมใส่หลินหยาง
หลินหยางหดหู่ใจ นี่คิดจะทำอะไรเนี่ย? ทั้งๆ ที่ถูกคนอื่นเห็นเธอกำลังช่วยเหลือตัวเองอยู่ไม่ใช่รึไง แบบนั้นเธอก็กล้าทำแล้วถูกคนอื่นเห็นเข้าไม่ได้เลยรึไง?
อีกอย่าง ที่ฉันพุ่งเข้าไปก็เพื่อดูว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า เป็นความหวังดีแท้ๆ จะมาโทษฉันได้ยังไง?
แต่ตอนนั้นไม่ว่าจะอธิบายยังไงก็ไม่มีความหมายแล้ว มองดูส้งซูยี่ที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่สนอะไรเลย เหมือนต้องการจะฉีกกระชากตัวเองให้เป็นชิ้นๆ ยังไงอย่างนั้น หลินหยางลุกขึ้นยืน แล้วหลบส้งซูยี่ไปอย่างเชี่ยวชาญ
ส้งซูยี่โจมตีใส่อากาศ จนร่างกายสูญเสียการทรงตัวไป และล้มลงไปที่โซฟา
ในช่วงที่กำลังลนลาน ส้งซูยี่ก็ยื่นมาคว้ามั่วไปหมด และยื่นมือไปจับโดนวัตถุแข็งๆ อย่างหนึ่งเข้าพอดี
เธอไม่ทันได้สนใจว่าวัตถุนั้นคืออะไรจึงรีบจับมันไว้เพื่อประคองตัวเองไว้ จนในที่สุดเธอก็ไม่ล้มลงกับพื้น แต่ทันใดนั้นเธอก็ต้องอึ้งไป
เธอเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นหลินหยางยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ใบหน้าแดงก่ำ แสดงสีหน้าที่ประหลาดจนไม่รู้จะเอาอะไรมาอธิบาย กำลังจ้องมองตัวเองอย่างจนใจ
ส่วนส้งซูยี่ก็ได้รู้ว่า มือของตัวเองนั้น กำลังจับไปที่กางเกงของหลินหยาง ถ้าจะพูดให้ถูกสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงของหลินหยาง สิ่งที่อยู่หว่างขาของเขา
“นี่มันถือว่าเสียมารยาทแล้วรึเปล่าครับ? แต่คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เหมือนผมเมื่อกี้เลย แบบนี้ก็ถือว่าเราเจ๊ากันแล้วใช่มั้ยครับ?”
หลินหยางชี้ไปที่มือของส้งวูยี่
“อ้า!”
ในที่สุดส้งซูยี่ก็รู้ตัวแล้ว เธอรีบชักมือกลับราวกับถูกไฟช็อต กรี๊ดแล้วหันหลังไป จนตอนนี้เธอไม่กล้าหันไปมองหลินหยางแล้วด้วยซ้ำ
ตอนแรกเธอมีความคิดที่อยากจะฆ่าเขาแล้วจริงๆ แต่มาตอนนี้ เธออยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตัวเองตายๆ ไปเลย
“ทำไมกัน? ทำไมฉันถึงได้ทำเรื่องที่มันโง่เง่าแบบนี้ได้? หลังจากที่ฉันทำเรื่องแบบนี้ไปแล้ว ยังจะมีหน้าอยู่ต่อได้ยังไง?”
ส้งซูยี่รู้สึกแค่ว่าตัวเองไม่มีที่ให้อยู่แล้ว เธอรู้สึกแค่ว่าอยากให้มีสถานที่สักแห่งที่ให้เธอสามารถหลบซ่อนตลอดไปโดยไม่มีใครมาหัวเราะเยาะเธอ
ความจริงไม่ได้มีใครหัวเราะเยาะเธอเลย อย่างน้อยก็มีหลินหยางคนเดียวละ
หลินหยางยักไหล่ แล้วพูดไปว่า “ดูแล้วคุณจะไม่ชอบขี้หน้าผมจริง ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปเอง คุณจะได้ใจเย็นลง คุณไม่ต้องห่วง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้คนอื่นไม่มีทางรู้แน่นอน”
พูดจบ หลินหยางก็ดึงกางเกงที่ถูกดึงไปจนถึงต้นขาขึ้นมา แล้วเดินล้วงกระเป๋าออกไป
รอจนหลินหยางออกจากบ้านไปแล้ว ส้งซูยี่ถึงได้เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังหน้าประตู สายตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ความคิดเหมือนกำลังยุ่งเหยิงไปหมด