ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 110
เจสันรู้สึกสับสนกับข้อความของทิลล์ อย่างไรก็ตามเจสันก็ได้ส่งข้อความเพื่อถาม
[ผมไปนอกโดมมา มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น]
เจสันถาม
[อย่าเพิ่งไปไหนนะ มีบางอย่างผิดปกติกับพวกก็อบบลิน และฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร]
[โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นคุณ และนักเรียนที่มีระดับต่ำกว่าผู้เชี่ยวชาญห้ามออกนอกโดมในขณะนี้ ]
ทิลล์ตอบกลับข้อความของเจสันในทันทีและเจสันได้ถามตัวเองว่าทิลล์เขียนข้อความทั้ง 2 ในเวลาอันรวดเร็วได้ยังไง นอกจากนี้เจสันไม่เคยเห็นทิลล์ส่งข้อความมากมายขนาดนี้มาก่อน
เจสันครุ่งคิดถึงการต่อสู้เมื่อสักครู่ และสงสัยว่าทำไมคนระดับต่ำกว่าผู้เชี่ยวชาญถึงห้ามออกนอกโดม เพราถ้ามีปืนมานาสามารถเอาชนะพวกมันได้แล้ว
และเจสันยังคงคิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับก็อบบลินจอมเวทย์และพวกฮ็อบก็อบบลิน และเจสันก็ได้ส่งข้อความไปหาทิลล์
[ทำไมระดับผู้เชี่ยวชาญถึงสามารถออกไปได้ เป็นเพราะก็อบบลินหลายร้อยตัวหรือก็อบบลินจอมเวทย์ที่มีมากเกินงั้นหรอ ]
อย่างไรก็ตาม ทิลล์ก็ตอบกลับมาด้วยคำถามแปลกๆ
[หมายความว่าไง ก็อบบลินหลายร้อยตัว ก็อบบลินจอมเวทย์กับฮ็อบก็อบบลิน ? คุณเห็นพวกมันหรอ และได้สู้กับพวกมันหรือเปล่า พวกมันอยู่ในเขตป่างั้นหรอ ?]
เจสันสับสนปฏิกิริยาของทิลล์ เหตุการณ์ทั้งหมดของก็อบบลินไม่น่าจะใช่เรื่องที่แปลกๆ แต่เมื่อเจสันเห็นท่าทีแปลกๆ ของทิลล์จึงคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
เจสันจึงตอบกลับด้วยข้อความง่ายๆ
[มีกลุ่มทหารก็อบบลินหลาย 100 ตัว นำโดยฮ็อบก็อบบลิน 3 ตัว และก็อบบลินจอมเวทย์ 10 ตัว อยู่ภายในเขตป่าระดับ 2 ดาว ดูเหมือนพวกมันกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันจะไปที่ไหน แต่ผมได้จัดการพวกมันจดหมดไปแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนะ ]
หลังจากส่งข้อความ เจสันก็ปิดหน้าจอโฮโลแกรม ระหวางรอรถรับส่ง เจสันได้คำนวนราคาของสิ่งของที่ได้จากพวกก็อบบลิน เจสันได้จัดการฮ็อบก็อบบลินไป 3 ตัว ซึ่งเขาจะได้คะแนนเลซ 3-4 คะแนน และก็อบบลินจอมเวทย์ทั้ง 14 ตัว ก็จะได้รับอีก 3 คะแนน และซากก็อบบลินที่เจสันมีมากกว่า 300 ตัว น่าจะได้คะแนนเลซ 7.5 คะแนน
เจสันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถฆ่าก็อบบลินได้มากมายขนาดนี้ และเจสันเห็นว่ากว่า 70% อาวุธของพวกก็อบบลินที่ทำขึ้นเอง ส่วนมากทำมาจากหินและมีการสลักอักษรรูน ซึ่งสามารถเพิ่มควาทนทานและเพิ่มความแหลมคมให้กับอาวุธ
เจสันไม่สามารถประเมินราคาสำหรับพวกอาวุธได้ รวมถึงจี้ป้องกัน เจสันหยิบมันออกมาจากซากของก็อบบลินจอมเวทย์ และยังคงมีอาวุธของพวกนักล่าคนอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่ไม่ได้สมบูรณ์และมีเกรดต่ำกว่า 1
และเนื่องจากความรู้เรื่องการตีเหล็กของเจสัน เจสันจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับแร่ที่ใช้ในการตีเหล็กอย่างมาก มันคือแร่ไรโอไลท์ซึ่งเป็นวัตถุดิบระดับ 2 ที่หายากและค่อนข้างแพง การได้เห็นอาวุธที่ทำจากแร่ไรโอไลท์จากอาวุธของก็อบบลินจึงมันค่อนข้างแปลกที่พวกมันสามารถนำมาตีและสร้างอาวุธได้
เจสันรู้ว่าแร่เหล่านี้สามารถพบในในรอยแยกถาวรแห่งหนึ่งของแอสทริกซ์ การมีรอยแยกถาวรเกินขึ้นทำให้พื้นที่ ภูเขาต่างๆ มีแร่มากมายอยู่ภายในรอยแยก และเป็นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ ที่ไม่มีอันตรายมากมาย
และมีสัตว์ร้ายวิเศษอยู่อีกนิดหน่อย แต่สัตว์ที่ไม่มีอันตรายมีมากกว่า ขนาดของรอยแยกนั้นใหญกว่าแอสทริกซ์และมีเหมืองหลายแห่งตั้งอยู่ภายใน ทำให้เจสันสงสัยว่า พวกก็อบบลินสามารถเอาแร่ไรโอไลท์มาได้อย่างไร
‘พวกมันตั้งเหมืองเอง หรือปล้นมาจากเหล่าพ่อค้าแร่’
เจสันสงสัย
เมื่อพิจารณามูลค่าของแร่ไรโอไลท์ เจสันก็มั่นใจว่าเขาจะได้รับเครดิตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอาวุธระดับ 1 อยู่ 2-3 ชิ้นที่มาจากพวกนักล่าที่ถูกพวกก็อบบลินสังหารและเจสันก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามความรู้สึกนึกก้ไม่ได้เปลี่ยนใจเจสันที่จะขายพวกมัน ขณะที่เจสันกำลังคิดเรื่องมูลค่าและเงิน จู่ๆ ทิลล์ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาเจสัน ทำให้เจสันตกใจครู่หนึ่ง
‘ครูมีปีก ??? เขามาจากเผ่าพันธุ์ที่มีปีกงั้นหรอ’
เจสันสงสัยขณะที่นึกขึ้นได้ว่าทิลล์มาจากครอบครัวใหญ่ใน และความเร็วในการปรากฏตัวของทิลล์นั้นเร็วมาก และเจสันไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้ เจสันนึกเล่นๆ ว่าถ้าหากทิลล์เป็นศัตรู เจสันคงโดนฆ่าอย่างง่ายดาย
เจสันสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูกังวลของทิลล์ เจสันไม่รู้จะพูดว่าอะไรจนกระทั่ง ทิลล์ได้อุ้มเจสันและห่อหุ้มร่างด้วยมานาทั้งตัวเขาและเจสัน
ก่อนที่เจสันจะสงสัยว่าทำไม ปีกของทิลล์ก็กระพืออย่างรุนแรง และทำให้พวกเขาบินขึ้นไปบนอากาศ และทะยานผ่านท้องฟ้าไปยังเมือง
เจสันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาบินไปเร็วแค่ไหน แต่เมื่อมองไปรอบๆ เจสันก็เห็นว่ามันพร่ามัวเล็กน้อย และเมื่อมองไปที่พื้น เจสันเห็นจุดสีดำขนาดใหญ่ กำลังเคลื่อนที่ไปที่โดม
สถานการณ์นี้น่าอึดอัดใจ เมื่อทิลล์จับเจสันไว้แน่น และเจสันต้องการที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องรอ พวกเขาใช้เวลา 2-3นาทีก่อนที่จะถึงเมือง เมื่อไปถึงเมื่อทิลล์ก็ชะลอตัวลง
ไม่ถึง 5 นาที เจสันก็สังเกตเห็นว่าความเร็วนั้นลดลงอีกและดูเหมือนเขากำลังจะลงจอด ทันใดนั้นเจสันก็สังเกตว่าพวกเขานั้นอยู่เหนือโรงเรียนที่มีป่าใหญ่ล้อมรอบ
และมันดูเหมือนโรงเรียนของเขาเอง แต่พวกเขาไม่ได้บินลงมาที่หน้าอาหารเรียนหรือหน้าประตูทางเข้า และเหมือนว่าทิลล์จะไปที่ไหนสักแห่งในป่าใหญ่ เจสันสงสัยว่าทิลล์จะไปที่ไหน และได้เปิดดวงตามานาขึ้นมา และเห็นออร่าจากมานาปกคลุมบริเวณป่าลึก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจสันจะใช้ดวงตามานาแต่ก็ไม่สามารถมองท่าม่านออร่าของมานาได้เลย นี้เป็นครั้งแรกที่เจสันไม่สามารถมองทะลุในสิ่งที่อยากเห็นได้ และก็เกิดความสงสัยว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหน และทิลล์ก็ได้บินลงหลังม่านออร่าที่มองไม่เห็น
พวกเขาเคลื่อนตัวลงมาอย่างช้าๆ ผ่านม่านออร่า เมื่อร่างกายไปผ่านม่านไป เจสันก็เบิกตากว้าง เขาตรวจจับความผันผวนมานาที่น่าสะพรึงได้มากกว่า 10 แบบ และสามารถรับรู้ถึงมานาที่อ่อนแอได้หลายร้อยตัว
แต่ความผันผวนมานาที่น่าสะพรึงนั้นอ่อนแอกว่าของทิลล์ แต่ถ้าเทียบลักษณะโดยกำเนิด ความผันผวนมานาของทิลล์นั้นอ่อนโยนและใจดี
เจสันอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ
“สัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ?!”